คนรู้จักที่ไม่เจอกันนานนี่ คือองค์ชายเก้าแห่งซีเจียง ซีฉางอี้
ตอนแรกที่โหลชีมายังต้าเซิ่ง ไม่ ตอนนี้ยังเรียกว่าพั่วอวี้ ตอนที่พึ่งมาถึงตำหนักจิ่วเซียวของพั่วอวี้ ซีฉางอี้ก็ถูกฮั่วหยูฉุนจับขังไว้ในคุกด้วยฐานะไส้ศึกซีเจียงแล้ว ต่อมาเป็นโหลชีที่ช่วยเขาและให้เฉินซ่าปล่อยตัวเขา
การที่นางทำอย่างนี้ เหตุผลส่วนมากเป็นเพราะความรักลึกซึ้งที่ซีฉางอี้มีต่อเสี่ยวซื่อซึ่งเป็นทาสหญิงของราชวงศ์คนนั้น
ต่อมาที่ตระกูลหานในเมืองลั่วหยาง ถึงรู้ว่าทาสหญิงของราชวงศ์คนนั้นของซีเจียงคือลูกสาวที่เคยหายสาบสูญไปของเจ้าตระกูลหาน แต่ตอนนั้นโหลชีแตกคอกับเจ้าตระกูลหานแล้ว แถมยังเกือบออกจากเมืองลั่วหยางไม่ได้ ต่อมาเป็นจ้าวหยุนเฟิงที่ยืมป้ายคำสั่งของจวนเจ้าเมืองของซวนหยวนฉงโจวมาให้นางใช้
หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้เจอซีฉางอี้อีกเลย ไม่คิดว่าจะมาได้มาเจอที่เมืองจิ่นหยางนี่อีกครั้ง
เมืองลั่วหยาง เมืองจิ่นหยาง ต่างกันแค่ตัวหนังสือเดียว
และซีฉางอี้ที่ตอนนั้นรักลึกซึ้งดุจมหาสมุทรกับหานเสี่ยวซื่อ ซีฉางอี้ที่ไปเป็นท่านเขยใหญ่ของตระกูลหาน เหตุใดมาปรากฏตัวอยู่ที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินนี่ได้ล่ะ?
มาปรากฏตัวที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินก็แปลกพอละ จุดสำคัญเขายังกลายเป็นคู่หมั้นของบุตรสาวหัวหน้าเผ่าเผ่ามนต์ขาวด้วย
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
หานเสี่ยวซื่อล่ะ?
สายตาหยุนรั่วหวามองพวกเขาไปมา ดด้วยความสงสัยยิ่ง ตอนแรกนางรู้สึกว่าซีฉางอี้เป็นสหายกับพวกเขา แต่ต่อมาท่าทางของทั้งสามคนทำให้นางมองไม่ออก หลังจากโหลชีพูดคำนั้น สีหน้าซีฉางอี้ดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
"เข้ามาก่อนเถิด" ซีฉางอี้ปกปิดความกระอักกระอ่วนไม่สบายใจไว้ได้เร็วมาก ยิ้มน้อยๆให้กับโหลชีและเฉินซ่าพลางเบี่ยงกายหลบทางให้ ด้วยท่าทางของเจ้าบ้าน
ทุกคนเดินเข้าไป ประตูใหญ่ก็ปิดลง โหลชีใจกระตุกวูบในวินาทีนั้นทันที นางมีลางสังหรณ์แปลกๆ บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร
นี่เป็นเรือนใหญ่ที่มีทางเข้าสามทาง พอหยุนรั่วหวาเข้ามาก็วางท่าเป็นเจ้าของบ้าน "ทุกคนเร่งเดินทางมา คงทั้งเหนื่อยทั้งหิวแล้ว ข้าจะให้คนไปเตรียมอาหารค่ำ ทุกคนเชิญไปพักผ่อนที่ห้องพักกันก่อนเถิด" พูดพลางเรียกสาวใช้มาพาคนไปพักผ่อน
คนอื่นพากันถอยออกไปโดยไม่พูดอะไรหลังเห็นสัญญาณมือขององครักษ์อวิ๋น ส่วนองครักษ์อวิ๋น เฉิงสิบโหลวซิ่น และพวกอิ้นเหยาเฟิงชิวชิ่นเซียนกลับยืนอยู่ข้างกายเฉินซ่ากับโหลชี
หยุนรั่วหวาเห็นอย่างนั้น ในใจยิ่งคาดเดาฐานะของเฉินซ่าไปใหญ่
ก่อนได้เจอเฉินซ่า นางรู้สึกว่าพวกเขาช่างไม่เข้าใจมารยาทเสียเลย ต้องเป็นพวกกักขฬะแน่ ดังนั้นจึงแอบรังเกียจเดียดฉันท์อยู่มาก แต่หลังจากเจอพวกเขาแล้วนางก็รู้ว่าตนต้องเดาผิดแน่ ราศีชายผู้นี้แข็งแกร่งนัก ต่อให้บอกว่าพวกเขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ก็ไม่เพียงพอกับราศีนี้
เวลานี้หยุนรั่วหวาก็ยังไม่อยากให้พวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องพัก นางอยากรู้จักชายผู้นี้ให้มากขึ้น ดังนั้นเลยเชิญพวกเขาไปห้องโถง นั่งลงพูดคุยกันก่อน
"อาหารค่ำต้องรออีกครู่หนึ่งถึงจะเตรียมพร้อม ทั้งสองรับของว่างเสียก่อนเถิด" หยุนฉิงเอ๋อร์กับหยุนผิงหยุนชุ่ยเห็นของว่างประเภทขนมถั่วเขียวขนมกุ้ยฮวาธรรมดาที่สาวใช้นำมาแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเก้อเขินยิ่ง
ของว่างในรถม้าของอีกฝ่ายทั้งประณีตและพิเศษเพียงใด พอมาเห็นของว่างที่หาดูได้ดาษดื่นพวกนี้แล้วจะยังอยากกินรึ?
แต่พวกนางกับประเมินนิสัยชอบกินของโหลชีต่ำไป ถึงของว่างพวกนี้จะดูเทียบกับของว่างในยุคปัจจุบันที่นางวาดและทำออกมาไม่ได้เลย แต่นางก็อยากลองรสชาติดู ถ้าเกิดที่นี่มีพ่อครัวที่ฝีมือล้ำเลิศอยู่ล่ะ?
เพียงแต่ยามมือนางเอื้อมไปหาจานขนมกุ้ยฮวาข้างๆ หลังมือพลันโดนบางคนตบไป เสียงเพี๊ยะดังขึ้นชัดเจน ทำเอาทุกคนตกใจกันหมด
หยุนรั่วหวากลับแอบยินดี หรือว่าสตรีนางนี้จะไม่ได้เป็นที่โปรดปราน? ขนาดขนมเพียงชิ้นเดียวยังไม่ยอมให้นางกินเลย
มองสบสายตาน้อยเนื้อต่ำใจของโหลชี เฉินซ่าพูดเสียงเรียบว่า "เมื่อครู่เจ้ากินของหวานไปมากมายบนรถแล้ว ห้ามกินอีก ระวังกินมากไปแล้วฟันผุอีกทั้งอ้วนอีก"
ของหวานกินมากไปไม่ดี นางกินของหวานไปหลายจานแล้วตอนอยู่บนรถ พึ่งผ่านไปเท่าไหร่กันเชียว จะกินอีก? ที่น่าโกรธที่สุดคือนางกินมากมายเพียงนี้กลับไม่อ้วนเลย ทำให้เฉินซ่าที่อยากขุนนางให้อ้วนสักหลายกรัมเซ็งมาก
คำพูดนี้ไม่ได้แอบพูดกันสองคน ความห่วงใยรักใคร่ในน้ำเสียงนั้นทำให้ทุกคนขนลุกขนพองขึ้นมา
หยุนรั่วหวาเห็นท่าทีเฉินซ่า ฟังน้ำเสียงหวานล้ำของเขา ใจกระตุกโดยแรง จากนั้นก็ไม่อาจกลับมาที่เดิมได้เลย
บางครั้งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสตรีก็แปลกนัก บางทีชายผู้นี้อาจจะหน้าตาหล่อเหลามากก็ไม่พอให้พวกนางหวั่นไหว แต่ หากเป็นชายที่ราศีดูน่าตกใจ เย่อหยิ่งหรูหราอยู่ในตัวเอง แค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งพลันแสดงสีหน้าอ่อนโยนออกมา กลับมิมีสตรีนางใดจะหนีรอดได้เลย
พวกนางจะคิดว่า หากความรักใคร่อ่อนโยนเช่นนี้กระทำต่อข้าจะดีสักเพียงไหนนะ
จากนั้นก็จะเกิดความคิดที่ไม่ควรมีขึ้นมามากมาย หยุนรั่วหวาในเวลานี้ก็เช่นกัน
เห็นโหลชีทำหน้าเซ็ง ซีฉางอี้ยิ้มน้อยๆบอก "หลังจากแต่งงานกันแล้วดูท่าความรักของพวกท่านจะยิ่งดีกว่าเก่านัก"
พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ โหลชีรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้สืบหาข่าวฝั่งนั้นน้อยลงเลย และยิ้มบางบอก "พวกข้ารักใคร่กันดีนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วล่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ