เฉินซ่าคุกเข่าลงช้าๆต่อหน้าโหลชี
โหลชีใจกระตุก
กำลังภายในที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่นั้นของผู้ชายคนนี้ทำให้หัวใจคนสั่นไหว นางจะได้รู้เสียที รู้ว่าหลังจากแก้กู่แล้ว ผู้ชายของตนกำลังภายในเพิ่มพูนจนถึงขั้นไหนกัน
แถมภายใต้แรงระเบิดนั่น เขายังปกป้องตน วิทยายุทธ์นี้ทำให้คนตกใจจริงๆ
แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กลับคุกเข่าลงต่อหน้าตนอย่างไม่ลังเล ใช้สายตาเป็นกังวลจนแดงเรื่อจ้องมองนาง
พริบตานั้นโหลชีรู้สึกอบอุ่นและอ่อนยวบในใจจนพูดไม่ออก
นางได้เห็นความในใจของผู้ชายคนนี้ที่มีต่อนางอย่างชัดเจน
"ชีชี" เฉินซ่ามองนาง นิ้วมือนางที่ถือถ้วยชาข้างนั้นใช้แรงมากจนข้อนิ้วออกสีขาว เขาย่อมรู้ดีว่า ถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษ ต้องไม่มีใครสามารถบีบบังคับให้นางดื่มชาที่มีปัญหาเยี่ยงนี้ลงไปได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นางบอกไม่ให้เขาแตะต้องนาง "เกิดอะไรขึ้น บอกข้ามา"
"กัดเซาะวิญญาณ์" โหลชีพูดเสียงเรียบ ฟังอารมณ์ไม่ออก แต่สามคำที่นางพูดออกมานี้ ความหมายในแต่ละคำก็ทำให้ทุกคนขนหัวลุก
อันที่จริงในใจโหลชีรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ เพราะนางดันได้สัมผัสกับสิ่งนี้ที่นักพรตเลวเคยพูดถึง "พูดไปก็ง่ายๆ เป็นใยหนอนชนิดหนึ่ง"
คำตอบนี้ดูจะเหนือความคาดหมายของทุกคน
แต่พวกเขารู้ดีว่า มันต้องไม่ง่ายขนาดนั้นแน่
เวลานี้เอง เสียงของหานเสี่ยวซื่อดังขึ้นอีก แฝงเสียงหัวเราะมาดร้ายไว้ด้วย "สู้ให้ข้าอธิบายให้พวกเจ้าฟังแล้วกัน"
ในตอนที่นางกำลังจะพูด ใครก็ไม่รู้ว่า โหลชีมองเฉินซ่าแวบหนึ่ง และส่งกระแสจิตหาเขาอย่างเร็ว ดวงตาดำมืดของเขานั้นเผยแววรังสีอำมหิตออกมาวูบหนึ่ง
"กัดเซาะวิญญาณ์ เป็นใบหนอนพิษแต่โบราณของซีเจียงที่ทุกคนเข้าใจว่าสูญพันธุ์ไปหมดแล้วชนิดหนึ่ง ใยหนอนชนิดนี้จะเล็กเรียวมาก แทบจะมองไม่เห็นเลย แต่ขอเพียงสัมผัสเนื้อของคน ก็จะแนบติดผิวหนัง และเริ่มเติบโตบนผิวหนัง"
คำพูดของหานเสี่ยวซื่อพุ่งทะลวงหัวใจทุกคนราวกับงูพิษเย็นเยียบ ทำให้คนอดสั่นสะท้านไม่ได้
เฉิงสิบหันมองโหลชีอย่างตะลึง "จักรพรรดินี?"
อย่าบอกเขานะว่า นางสัมผัสโดนใยหนอนชนิดนี้แล้ว!
โหลชียิ้มบางๆ หยุนรั่วหวาอึ้งไปนานแล้ว นางหันมองโหลชีควับ ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออกเลยว่า เหตุใดนางยังนิ่งเฉยไม่ไหวติงเช่นนี้ได้?
เสียงของหานเสี่ยวซื่อยังพูดต่อ "กัดเซาะวิญญาณ์นั่นเมื่อครู่อยู่บนถ้วยชา ทั่วทั้งถ้วยชา ตั้งแต่ถ้วยถึงที่จับ อยู่เต็มไปหมดด้านบนนั้นเลยนะ"
เฉินซ่าได้ยินดังนั้นยื่นมือไปหมายจะจับมือโหลชี โหลชีเบี่ยงตัวออกทันที การกระทำของนางนี้เท่ากับเป็นการบอกทุกคนว่า คำพูดของหานเสี่ยวซื่อไม่ได้พูดผิด
ดวงตาทุกคนแดงเรื่อขึ้นมาทันที ทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้นถึงขีดสุด ต่อให้ไม่ได้จะร้องไห้ ดวงตาก็ยังแดงก่ำอยู่ดี
ส่วนในดวงตาของเฉินซ่า ประกายไฟโกรธทะลุฟ้ากำลังเต้นเร่าอย่างบ้าคลั่ง
"ฮะฮะฮะ พวกเจ้าคงไม่รู้ล่ะสิว่าทำไมนางไม่ปล่อยมือ?" หานเสี่ยวซื่อพูดอย่างภูมิใจ "เพราะ ในถ้วยชานั้นมียาถอนพิษของกัดเซาะวิญญาณ์อยู่ นางถือถ้วยชานั้นไว้ กัดเซาะวิญญาณ์ก็จะไม่ขยับ ตอนนี้นางยังปลอดภัยอยู่นะ"
เฉินซ่าสายตาหวั่นไหว
แต่กลับได้ยินหานเสี่ยวซื่อพูดอีกว่า "แต่ว่านางไม่มีทางเร็วกว่ากัดเซาะวิญญาณ์ได้ดอก ขอเพียงนางวางถ้วยชาลง กัดเซาะวิญญาณ์ก็จะมุดเข้านิ้วนางทันที จากนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว จนผิวทั่วร่างนางจะเต็มไปด้วยกัดเซาะวิญญาณ์หนึ่งชั้น แน่นอน ใยหนอนของกัดเซาะวิญญาณ์เรียวเล็กเกินไป ต่อให้ผิวนางมีกัดเซาะวิญญาณ์เคลือบอยู่หนึ่งชั้น ก็มองไม่เห็นดอก ตรงกันข้าม ไท่จื่อตระกูลเฉิน ท่านว่าผิวนางบางละเอียดใช่หรือไม่ แต่ว่าท่านจะกล้าแตะต้องนางไหม? แตะไปนิดหน่อย ท่านก็จะโดนใยหนอนเกาะตัวด้วยนะ"
พอได้ฟังคำอธิบายของนาง ทุกคนพากันสะท้านเยือกในใจ
นี่มันของบ้าอะไร?! โลกนี้มีสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?
"โดนเข้าไปแล้วจะเป็นยังไง?" เฉิงสิบถามขึ้นอย่างร้อนใจ เขามองดูสตรีที่นั่งท่ายกถ้วยชานิ่งๆอยู่บนเก้าอี้ พลางรู้สึกปวดใจจนแทบตายแล้ว จะได้หรือไม่ ให้เขาโดนแทนนางได้หรือไม่?
กัดเซาะวิญญาณ์อะไรนั่นเขาไม่กลัว ให้เขาโดนแทนนางได้หรือไม่?
"ฮิฮิ" หานเสี่ยวซื่อหัวเราะขึ้นมา "ก็ไม่ทำไม อย่างน้อยก็ยังอยู่ได้อีกครึ่งปีนะ ครึ่งปีให้หลังก็จะกลายเป็นศพสวยงามเท่านั้นเอง กัดเซาะวิญญาณ์นี่จะทำให้นางตายไปโดยรักษาสภาพแต่ดั้งเดิมเอาไว้ได้ แถมศพยังไม่เย็นไม่แข็ง มีความอุ่นเหมือนคนเป็นเลยนะ พวกเจ้าอาจไม่รู้ แต่ฉางอี้ของข้ารู้นี่ เทพธิดาคนแรกของซีเจียงก็เคยลองใช้วิธีนี้เพื่อรักษาศพชายที่นางรัก"
กระบี่ในมือโหลวซิ่นกดลงอย่างอดไม่อยู่ คอของซีฉางอี้เกิดรอยเลือดขึ้น มีเลือดไหลตามกระบี่ลงมา
ซีฉางอี้ยิ้มเศร้า "เสี่ยวซื่อ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า การที่เจ้าอยู่ในวังซีเจียงนานชนาดนั้น เพื่อกัดเซาะวิญญาณ์นี่กระมัง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ