พอได้ยินคำนี้ เฉินซ่าเหล่โหลชีหนึ่งที
องค์หญิงน้อยแหน่ะ
โหลชีกระแอม
องค์หญิงน้อยอะไร ไม่ใช่บอกว่าสัญญาหมั้นหมายเป็นโมฆะรึ? ตอนนี้สัญญาหมั้นหมายก็อยู่ในมือท่านไง
อ๋องจันทราแหน่ะ ฟังดูเก่งกาจมาก
เก่งกาจที่ไหนกัน ก็สู้ท่านไม่ได้ไม่ใช่หรือไง
เฉิงสิบรู้สึกยากจะนั่งติดเก้าอี้อยู่ข้างๆ
ตอนนี้จักรพรรดินีอยู่ในชุดบุรุษนะ ทั้งสองคนสบตากันไปมา มันดูแปลกมากนะ? ความหึงหวงของฝ่าบาทนี่เกือบจะกลั่นเป็นน้ำส้มสายชูเอามาจิ้มเกี๊ยวได้แล้วนะ
เหล่าเฉาเองก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดูแปลกนัก เขามองคนนั้น มองคนนี้ พลันรู้สึกว่าทั้งสองคนที่นั่งเคียงบ่ากัน ด้านซ้ายมีรูปร่างสูงใหญ่องอาจ ดูเย็นชา ส่วนด้านขวางดงามเกินชาย รูปร่างผอมบาง ไม่ว่าจะรูปร่างหรือราศีก็ไม่เหมือนกับคนทางซ้ายเลย พอเทียบกับเขาแล้วกลับดูแน่งน้อยอรชรมาก...
อ๊า แบบนี้นี่เอง!
ยามเหล่าเฉาเห็นเฉินซ่ายื่นมือลูบหัวโหลชี พลันรู้สึกว่าตนได้พบความจริงแล้ว
ถึงตอนนี้จะไม่ใช่สมัยชายรักชาย แต่พวกตระกูลใหญ่ๆและพวกคนมีอำนาจ พวกที่มีรสนิชมชายรักชายก็มีไม่น้อย
คุณชายเจ็ดท่านนี้หน้าตางดงามปานนี้ ท่านเฉิงคนนี้ชอบเขา นั่นก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้นะ
ไม่งั้นจะอธิบายความรู้สึกรักใคร่ไปมาระหว่างผู้ชายสองคนนี้ยังไง?
"เหอะเหอะ เดิมเหล่าเฉาอยากเล่าเรื่องความงดงามของแม่ทัพเฉียนยิงท่านนี้นะ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ทั้งสองท่านน่าจะไม่สนใจในความงามของนางกระมัง?"
ต่างเป็นพวกชายรักชายแล้ว ต้องไม่สนใจความงามของสตรีอยู่แล้ว
โหลชีกับเฉินซ่าพึ่งใช้สายตาสอดประสานสื่อสารกัน มีหรือจะสนใจว่าเหล่าเฉาคิดอะไร? พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าตนเองโดนแปะป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นพวกชายรักชายเข้าไปแล้ว พอได้ยินว่าแม่ทัพเฉียนยิงนั่นหน้าตางดงามนัก โหลชีเริ่มสนใจขึ้นมาเลย "อย่าสิ ท่านพูดมาเถอะ แม่ทัพเฉียนยิงนั่นหน้าตางดงามมาก?"
นางอยากรู้ว่าแม่ทัพหญิงอายุน้อยของราชวงศ์เฮ่อเหลียนหน้าตายังไง ก็แค่อยากรู้ อีกอย่าง นางตอนนี้ยังมีความรู้สึกกับเฮ่อเหลียนเจี๋ยอยู่ไหม? ไม่ใช่ว่านางอยากเมาท์ ก็แค่ลางสังหรณ์ ถ้าในใจนางยังมีเฮ่อเหลียนเจี๋ยอยู่ล่ะก็ น่าจะสนใจเรื่องนางอยู่บ้างกระมัง
แค่กแค่ก นี่ถือว่าหลงตัวเองไหม?
แต่นางเป็นคนระมัดระวังมาตลอด ไม่ว่าเฉียนยิงจริงๆจะคิดยังไง ขอเพียงเกี่ยวข้องกับตนเองแม้เพียงนิด เข้าใจให้มากหน่อยก็ไม่ผิดหรอก รู้เขารู้เรา
อีกอย่าง ตามที่นักพรตเลวบอก เขาศุทธิเซียนไม่ใช่ธรรมดา นางไม่อยากให้พอถึงเวลานั้นเกิดเจอปัญหาอะไรขึ้นมาที่นั่น ทางที่ดีที่สุดคือรีบรับตัวนักพรตเลวมา ในใจนางถึงจะสงบลงหน่อย
เหล่าเฉาเท้าคาง หันมองโหลชี พลันพูดขึ้น "ได้ยินว่าแม่ทัพเฉียนนั่นหน้าตางดงามนัก ไม่เป็นสองรองใครในราชวงศ์เฮ่อเหลียนเลยนะ! นั่นคือมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนางนะ ลือกันว่า ตอนนั้นนางแค่สิบห้าปี แค่เผยใบหน้าบนสนามรบ ก็ทำให้แม่ทัพศัตรูตกตะลึง เพราะอย่างนี้เลยพลาดจังหวะ โดนตวัดฟันตกจากหลังม้า"
ชะงักไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้น "แต่ว่า ตัวข้าเหล่าเฉาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ดูท่า หากคุณชายเจ็ดเป็นสตรีคงไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพเฉียนนั่นแน่!"
คำพูดนี้เป็นคำพูดจากใจจริงของเหล่าเฉา เขารู้สึกว่าคุณชายเจ็ดผู้นี้หน้าตางดงามมากจริงๆ ไม่แปลกเลยที่ท่านเฉิงที่ดูองอาจดุจขุนเขาข้างๆผู้นี้ยอมเป็นชายรักชาย
"นอกจากแม่ทัพเฉียนยิงนี่แล้ว ยังมีใครมาที่เขาศุทธิเซียนอีก?" โหลชีถามอีก
"ยังมีอีกสองคนก็ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย มีผู้หนึ่งแนะนำตนว่าเป็นราชครูแคว้นแทตย์"
"แคว้นแทตย์?" โหลชีสบตากับเฉินซ่าหนึ่งที
แคว้นแทตย์นี่ ระหว่างทางที่พวกเขามาก็ได้ยินจ้าวหยุนเฟิงเล่าให้ฟังแล้ว ว่าเป็นประเทศเกิดใหม่ และเบื้องหลังคือตำหนักมาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ