พวกเขาไม่เคยได้ยินการทดสอบของวังศุทธิเซียนมาก่อน ขอเพียงให้พวกเขาเอานกตัวหนึ่งมาจิกสักหน่อย ถ้าไม่มึนเป็นลมไป ก็สามารถขึ้นเขาศุทธิเซียนได้แล้ว
พอได้ยินว่ามีการทดสอบแบบนี้ โหลชีรู้สึกเห็นกาดำแถวหนึ่งบินผ่านตาไป
โดนนกจิก? คนวังศุทธิเซียนช่างคิดออกมาได้นะ!
แต่ว่า สถานที่สามารถสั่งสอนคนอย่างนักพรตเลวออกมาได้ นางไม่กล้าดูถูกแน่ จิกก็จิกละกัน
เพียงแต่ เมื่อก่อนนักพรตเลวเคยบอกนางไว้แท้ๆว่า อาจารย์ของเขาเป็นยอดฝีมือหลบเร้นที่ไม่สนใจอะไรโลกภายนอก พาศิษย์พี่ศิษย์น้อยไปอยู่เขาศุทธิเซียน ภูเขานั่นยังอันตรายมาก ไม่มีใครกล้าขึ้นไปง่ายๆ ตอนนี้ทำไมยอดฝีมือหลบเร้นคนนั้นกลับจะอยากเลือกเจ้าวังใหม่? ข่าวนี้ยังแพร่ออกมาอีก
อีกอย่าง คนที่ไม่สนใจโลกภายนอก จะทำอะไรให้ญาติของศิษย์มาเปิดโรงเตี๊ยมรับเซียนแบบนี้เนี่ยนะ? นี่ยังเรียกว่าไม่สนโลกภายนอก ไม่เกี่ยวข้องอีกรึ?
หรือว่าในสิบกว่าปีมานี้ที่นักพรตเลวจากไป อาจารย์และสำนักของเขาเปลี่ยนแปลงมากเกินไป?
แน่นอน นางก็ไม่คิดจะหมกมุ่นอยู่กับความวุ่นวายในนี้ ยังไงซะพรุ่งนี้ก็จะขึ้นเขาศุทธิเซียนแล้ว ถึงเวลานั้นข้อสงสัยอะไรก็จะได้รับการแก้ไข
โหลชีไม่เคยคิดว่าตนเองจะไม่ผ่านการทดสอบนั่น
"ชีชี เข้ามาอาบน้ำ" หลังจากเฉินซ่าไล่คนออกไปแล้วก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งก็เรียกนางจากข้างใน
พวกเขาจองเป็นห้องชั้นหนึ่ง เลยมีห้องอาบน้ำด้วย ในห้องทำทางไม้ไผ่ดึงน้ำเข้ามา เรียกหนึ่งครั้งก็มีน้ำร้อนไหลเข้ามาในอ่างอาบน้ำ พออุณหภูมิน้ำลดก็ยังเพิ่มน้ำร้อนได้ตลอดเวลา มันทำให้โหลชีรู้สึกประหลาดใจมาก การออกแบบนี้เทียบไม่ได้กับยุคปัจจุบัน แต่นี่เป็นยุคโบราณนี่นา นี่เป็นการประดิษฐ์ที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมาแล้ว
แถมโรงเตี๊ยมนี้ยังละเอียดอ่อนมาก วางแปะกระดาษไว้หนึ่งใบด้านข้างเพื่อบอกวิธีใช้ด้วย
โหลชีเห็นอ่างอาบน้ำที่ใหญ่พอให้บรรจุคนสามคนเข้าไป เฉินซ่าแช่น้ำอยู่ด้านในแล้ว เพราะอุณหภูมิน้ำสูง ในห้องมีไอร้อนขึ้น ทำให้ใบหน้าเขาเปียกชื้นลดทอดความเย็นชาลงสามส่วน เพิ่มความอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
เฉินซ่าแบบนี้นอกจากโหลชีแล้วไม่มีคนอื่นมีโอกาสได้เห็นเลย แต่ว่าถึงโหลชีจะเคยเห็นใบหน้าเขาแบบนี้หลายครั้ง แต่ก็ยังอดใจเต้นไม่ได้
"รอท่านอาบเสร็จข้าค่อยอาบ" โหลชีหมุนตัวจะเดินออกไป เอวพลันโดนดึง ทั้งตัวโดนเขาดึงเข้าไป นิ้วมือทั้งห้าของเขาคว้าจับความว่างเปล่า
"น้ำอ่างหนึ่งมีมากนัก อาบคนเดียวสิ้นเปลือง" เฉินซ่าพูดเสียงเรียบ มือหนึ่งดึงนางเข้าอ่างทันที
โหลชียังไม่ทันได้ถอดเสื้อผ้า ก็เปียกสนิทแล้ว ทนไม่ไหวยื่นมือไปตบเขาหนึ่งที ซัดน้ำใส่หน้าเขา "ลามก!"
เฉินซ่าหัวเราะเสียงต่ำ หันร่างกลับมา
นางกะพริบตาปริบๆด้วยดวงตากลมโตที่เปียกชื้นดูน่าสงสาร
ครึ่งเดือนนี้มานี้ที่เร่งรีบเดินทาง ส่วนมากเป็นป่า บางทีมีบ้านเรือนให้อาศัยพักแรมก็ไม่มีห้องดีๆอะไร ถ้าอยู่บนรถม้า เขาก็รังเกียจที่จะพาคนนอกหลายคนขึ้นรถด้วย
"ชีชีว่าง่ายนะ..." เฉินซ่าเสียงแหบเครือ มองดูใบหน้าที่เริ่มแดงเรื่อของนาง "เจ้าช่างงามนัก..." ใบหน้าโหลชีแดงเรื่อหนักขึ้น ทนไม่ไหวจริงๆกับการที่เขาจ้องมองนางพลางพูดแบบนี้
มุมปากเขาเผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา
"เรียกชื่อข้า มีเจ้าเท่านั้นที่เรียกได้" เขาโอบเอวแน่งน้อยของนาง
"ซ่า ซ่า...ซ่าของข้า..."
เฉินซ่าพลันรู้สึกเต็มตื้นที่หน้าอก "ว่าง่าย ที่รักของข้า..."
ด้านนอกลมหนาวพัดกระหน่ำ ค่ำคืนมืดมิด อุณหภูมิในห้องนี้กลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ลดลงเลย
วันต่อมาโหลชีคลับคล้ายคลับคลารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาดุนดันแขนตน นางยังนึกว่าบางคนจะกวนนางตอนเช้าอีกยก ยื่นมือออกไปตบอย่างไม่เกรงใจ
"วู๊วู!"
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของวู๊วูทำให้นางตื่นขึ้นมาทันที ลืมตาตื่นและลุกขึ้นนั่ง สบเข้ากับดวงตากลมโตมีประกายน้ำตาของวู๊วู ดวงตามันกำลังต่อว่านาง
ก็แค่เรียกนางตื่น ทำไมต้องตีมันด้วย?
โหลชีกุมขมับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ