"บางที สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการก็คือความไว้วางใจของท่าน?"
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เช่นนั้น คนคนนั้นต้องเป็นคนที่เย็นชามาก ไม่เคยรักใครมาก่อน สิ่งหนึ่งที่อีกฝ่ายเชื่อมั่นก็คือ: บนโลกนี้ไม่มีความรักที่ไม่มีเหตุผล
ด้วยเหตุนี้ อีกฝ่ายต้องสร้างเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ทำให้เฉินซ่าตกหลุมรัก "นาง" ขึ้นมา
"หมิงเลี่ยให้ข้าปกป้องตัวเองให้ดี" โหลชีตัวสั่นขึ้นมากะทันหัน: "ดังนั้น ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหม ที่ข้าก็เป็นคนมีสองบุคลิก เหมือนกันกับหยุนเฟิง?"
หยุนเฟิงกับจ้าวหยุน คือคนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้พวกเขาจะมีร่างกายเดียวกัน ถึงแม้ร่างกายที่รวมเป็นหนึ่งของพวกเขาก็คือจ้าวหยุนเฟิงนายน้อยของโรงพรรณยาหยุน แต่จ้าวหยุนเฟิงสามารถกล่าวได้แค่ว่าเป็นเพียงอีกตัวตนหนึ่งเท่านั้น จิตวิญญาณของคนคนนี้กลับเป็นหยุนเฟิงกับจ้าวหยุน
หยุนเฟิงอบอุ่นจ้าวหยุนชั่วร้าย ดีที่จ้าวหยุนไม่เคยทำเรื่องที่เลวร้ายต่อพวกเขา โดยรวมแล้ว ทั้งสองบุคลิกล้วนไม่ถือว่าเลวร้าย การกระทำก็ไม่ถือว่าแตกต่างกันสุดขั้ว ดีร้ายแบ่งกันอย่างชัดเจน
สิ่งที่โหลชีเป็นกังวลในตอนนี้คือ ถ้าหากว่านางก็เป็นคนสองบุคลิก คนคนนี้คือนาง บุคลิกที่ซ่อนเร้นอยู่อีกคนหนึ่งคือปีศาจที่ซวนหยวนจื้อพูดถึงคนนั้นหรือ?
ในตอนที่ยังเด็กมากคนคนนั้นก็ปล่อยข่าวลือเช่นนั้นออกมาทำให้ใต้หล้าโกลาหล ผลักตนเองไปอยู่บนกระแสลมปากที่แหลมคม เห็นได้ชัดว่าเป็นนักวางแผนและบุคคลที่มีความทะเยอทะยานในใจฝักใฝ่ในอำนาจอันดับหนึ่ง นิสัยแตกต่างจากนางอย่างสิ้นเชิงเลย!
ถ้าหากว่านั่นคือนาง......
เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่เฉินซ่าก็จะถูกนางเห็นก้อนหินสำหรับเหยียบข้ามไป เพียงเพื่อช่วยให้นางขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของอำนาจ?
ในใจของนางคิดอะไรส่งเดชอยู่ นานพักใหญ่ก็ไม่ได้ยินคำตอบของเฉินซ่า เงยหน้าขึ้นมามองดูเฉินซ่าโดยสัญชาตญาณ แต่ว่านางเพิ่งเงยหน้าขึ้นมา ก็ถูกคนบางคนกอดเอาไว้แน่นมากขึ้นไปอีก
เฉินซ่ากอดเคล้นนางเข้าไปในอ้อมแขน
"ข้ายังไม่เคยเห็นท่าทางที่เจ้ากลัวเลย" เขาปล่อยนางออก แล้วกล่าวเสียงเบาขึ้นมา
เมื่อครู่โหลชีเองก็คิดมากเกินไปจนทำให้ตนเองตกใจกลัว นางถอนหายใจเบาๆ: "ข้าก็คิดไปถึงว่า ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ถึงเวลานั้นโหลชีฉบับปีศาจอีกคนหนึ่งออกมาจริงๆแล้ว เช่นนั้นท่านยังจะตกหลุมรักนางหรือไม่ ถ้าหากท่านตกหลุมรักนาง แล้วข้าถือเป็นตัวอะไร? แต่ว่าหากท่านไม่รักนาง นั่นก็ถือว่าเป็นข้าอีกคนไม่ใช่หรือ? ถ้าหากท่านอยู่กับนางก็ทำเรื่องที่ชอบทำทุกวัน แล้วจะถือว่าผิดต่อข้าได้หรือเปล่า?"
พูดมาถึงข้างหลังนางก็พูดจนตัวเองมึนงงไป
เฉินซ่าพูดถึงประโยคสุดท้าย ใบหน้าหล่อเหลาดำมืดลงมาทันที
"เจ้าไม่มีสองบุคลิกหรอก" เขาพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมั่นใจอย่างมาก
โหลชีชะงักงัน รับกล่าวถาม: "ทำไมล่ะ?"
"ข้าไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่โอหังอย่างเจ้าจะยินดีให้คนอื่นอยู่เหนือเจ้าได้ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเจ้าอีกคน อีกอย่าง จะมีอีกบุคลิกอะไรที่ไหนที่จะมีการกระทำของปีศาจในตอนที่ยังเด็กขนาดนั้นได้กัน?" เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "แม้ว่าเจ้าจะมีอีกบุคลิกหนึ่งจริงๆ ข้าก็จะทำลายนางไปซะ!"
บอกว่าอีกบุคลิกหนึ่งก็คือนางอะไรกัน เขาไม่สนใจข้อนี้หรอก "ข้ารู้แต่ว่าคนที่ตัวเองรักคือโหลชีคนนี้ หยิ่งผยอง น่ารัก เข้าข้างคนของตนเอง ชอบกิน แข็งแกร่งมากแท้ๆแต่กลับจะแกล้งทำเป็นคนโง่ให้ได้ แล้วก็" เฉินซ่าก้มหน้าเข้าไปใกล้หูของนาง กระซิบต่อไป: "จะเผยท่าทีของผู้หญิงต่อหน้าข้าเท่านั้น......"
......เดิมทีนางซาบซึ้งมากนะ
เดิมทีนัยน์ตานางก็เปียกชื้นไปแล้ว! แต่ประโยคสุดท้ายนี่มันอะไรกัน!
"เหอะๆๆ" เฉินซ่าอดไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ "อย่าคิดมาก ข้าจะจับมือของเจ้าเอาไว้ให้แน่น"
"ปากหวานจริงๆ" โหลชีก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ "ไปเรียนมาจากไหน"
"คำพูดพวกนี้ล้วนเป็นความในใจของข้า ไม่จำเป็นต้องไปเรียน"
ทั้งสองหาความสุขในสถานการณ์ที่ลำบากจู๋จี๋กันครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันท้องก็ร้องจ๊อกๆขึ้นมา อดที่จะมองหน้ากันครู่หนึ่งไม่ได้ จากสายตาของอีกฝ่ายมองเห็นความจนใจเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็มีตอนที่ถูกบีบให้หิวได้! รูหนอนแห่งกาลเวลานี่เลวร้ายเกินไปหน่อยแล้วไหม ให้พวกเขาตกลงมาก็ช่างมันเถอะ จะเลือกสถานที่ที่มันดีหน่อยไม่ได้หรืออย่างไรกัน! ทำไมคลุมลงมาในที่ที่ไม่มีแม้แต่เสือเช่นนี้ได้ เทียนอิ่งใหญ่ไปหาเป็นครึ่งวันแล้ว ไม่มีสิ่งที่สามารถกินได้เลยสักนิด! ก่อนหน้านี้ตอนที่ลงมาเทียนอิ่งยังทับงูตัวเล็กตายไปหนึ่งตัว แต่ว่าถูกเขาทับแหลกไปโดยตรง ไม่สามารถกินได้เลย จะไปกินศพของเท็ดดี้และคนอื่นๆคงไม่ได้ใช่ไหม?
"พ่อบุญธรรมท่านนั้นของเจ้าอาจจะสามารถหาเรากลับไปได้"
"เขาเพิ่งจะถูกอาจารย์ปู่ดึงตัวกลับไป ข้าเดาว่าคงต้องหมดสติไปสักระยะหนึ่ง รอให้ตื่นแล้วจะต้องหาข้าแน่นอน" จู่ๆดวงตาของโหลชีก็เปล่งประกายขึ้นมา "ใช่แล้ว ข้าใช้การควบคุมฝัน"
เดิมทีนางก็ฝึกการควบคุมฝันเป็นแล้ว รีบเข้าไปในฝันของนักพรตเลวแล้วเรียกเขาให้ตื่น ให้เขาหาวิธีพาพวกเขากลับไป!
......
หลินจื่อจวินมองดูเสี่ยวโฉวอย่างประหลาดใจ "เจ้าคือสาวใช้ของอาจารย์อาเล็กของข้า? อยากจะเข้าไปปรนนิบัติเขา?"
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในฐานะที่เป็นสาวใช้ เข้าไปปรนนิบัตินายท่านเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ปกติอยู่แล้ว แต่ว่าเสี่ยวโฉวได้ยินคำพูดนี้กลับหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน
"จื่อจวินไม่สามารถช่วยได้หรือ?" ใบหน้าของหยุนเฟิงแดงยิ่งกว่า เขาถูกองครักษ์อวิ๋นและคนอื่นๆบีบบังคับให้ขึ้นมาใช้กลสาวงาม ในใจรู้สึกอัดอั้นจะตายอยู่แล้ว แต่ว่าในวังศุทธิเซียนแห่งนี้ถึงแม้จะเป็นวรยุทธและการฝึกตนของลูกศิษย์ที่กวาดพื้นคนหนึ่งก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาทั้งนั้น จะบุกเข้าไปไม่สามารถทำได้จริงๆ
ซวนหยวนคงเป็นอาจารย์และอาสามของจักรพรรดินี คนของพวกเขาไม่เข้าไปดูเอาไว้ก็ไม่วางใจ นี่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา จักรพรรดินีกลับมาพวกเขาจะอธิบายอย่างไร?
อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่เชื่อใจวังศุทธิเซียน ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรีบคิดหาวิธีตามหาจักรพรรดิกับจักรพรรดินีให้เจอไหม? ดังนั้นรีบหาทางส่งข่าวให้ซวนหยวนคงดีกว่า
"แม่นางหยุนเรียกข้าว่าอะไรนะ?" หลินจื่อจวินดีใจขึ้นมา ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วคว้ามือของหยุนเฟิงมาจับเอาไว้ เอ๋? มือนี้ไม่เล็กเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ