เมื่อครู่นี้เสี่ยวโฉวคือคนที่อยู่ใกล้ซวนหยวนคงมากที่สุด ในขณะที่ทุกคนต่างก็ขวางอยู่ตรงหน้าเตียงนางก็รีบกระโดดขึ้นไปบนเตียงอยากจะประคองตัวซวนหยวนคงขึ้นมาทันที แต่ว่าเพิ่งกอดเขาเอาไว้ คนอื่นๆก็ถูกพัดออกไปหมดแล้ว มีเพียงนางคนเดียวที่กอดซวนหยวนคงเอาไว้แน่นอย่างไร้ที่พึ่งพิงตามลำพัง มองดูหยุนเฟิงที่เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวด้วยความหวาดกลัว
"เจ้าเป็นปีศาจอะไรกันแน่? เจ้าคิดจะทำอะไร?" เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่ได้ฝึกวรยุทธขนาดนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าวรยุทธของอวิ๋นและคนอื่นๆก็ไม่ถือว่าด้อยแล้ว ก็ไม่สามารถต้านกระบวนท่าเดียวคนคนนี้เอาไว้ได้
"อืม?" จู่ๆเขาก็หยุดยืนกะทันหัน มองพิจารณาเสี่ยวโฉวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็เม้มริมฝีปากยิ้มออกมา แต่ถึงแม้ว่าจะยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นก็ยังคงเย็นชาไร้ความรู้สึก แฝงไปด้วยความหยิ่งผยองที่มองดูมดตัวเล็กที่อ่อนแอ
"ซวนหยวนคงเก็บเจ้าไว้ข้างกายน่าจะมีจุดประสงค์ใช่ไหม? ชะตากรรมนี้ ทั้งเบาบางทั้งอ่อนแอจริงๆ"
"หมายความว่าอย่างไร? เจ้าอย่าเข้ามานะ......" เสี่ยวโฉวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังสั่นเทา
"ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้ามีชะตากรรมเช่นนี้ ก็เก็บชีวิตของเจ้าเอาไว้ชั่วคราว ปรนนิบัติอยู่ข้างกายของข้าแล้วกัน" เขาดีดนิ้วขึ้นมา เสี่ยวโฉวไม่ทันได้ร้องออกมา ร่างกายก็ค่อยๆแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นางกลัวมากที่สุด สิ่งที่ทำให้นางกลัวที่สุดคือนางพบว่าสติของนางค่อยๆเลือนรางขึ้นมา แต่นั่นไม่ใช่ว่าจะหมดสติ นางยังรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ข้างกายคือใคร แต่ว่าอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นของตนเองกลับค่อยๆเลือนรางหายไป
อย่างเช่นนางไม่มีความหวาดกลัวไปช้าๆ และก็ไม่มีใจอยากจะปกป้องคุณชายของนาง กระทั่งในตอนที่กอดคนเอาไว้ในอ้อมแขน ฐานะของเขาไม่ใช่คุณชายของนาง แต่รู้สึกได้อย่างสงบนิ่งมากว่านี่คือซวนหยวนคง
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้นางไร้แรงกำลังจะต้านทานได้เลย
"คุณชาย......" รีบๆตื่นขึ้นมาได้แล้ว
คำพูดประโยคนี้ยังไม่ทันได้พูดจบ สีหน้าท่าทางของเสี่ยวโฉวก็สงบนิ่งลงมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว
"วางซวนหยวนคงลง แล้วถอยไปรออยู่ด้านหนึ่ง"
เสี่ยวโฉวตอบรับอย่างเชื่อฟัง วางซวนหยวนคงลงไป ลงจากเตียง ไปยืนวางสองมือลงอยู่ด้านหนึ่ง
อวิ๋นดิ้นรนอยากจะลุกขึ้นมา แต่ว่าใช้แรงมากเกินไปกะทันหัน เขากระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง เอ้อร์หลิงอยู่ข้างกายไร้การเคลื่อนไหวใดๆแล้ว ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือว่าตาย
ชิวชิ้นเซียนกับอิ้นเหยาเฟิงก็นอนราบอยู่บนพื้น พยายามดิ้นรนอยากจะลุกขึ้นมาอย่างสุดชีวิตแต่กลับทำไม่ได้ดั่งใจต้องการ
พวกเขาทนมองดู "หยุนเฟิง" ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของซวนหยวนคงต่อหน้าต่อตา กระวนกระวายใจดั่งไฟเผาไหม้
"ตอนนี้เวลาพอเหมาะพอดี ซวนหยวนคง เจ้าเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่งจริงๆ หากไม่ใช่เพราะร่างกายอ่อนแอจากการผ่านรูหนอนแห่งกาลเวลา ไม่แน่ว่าข้าจะสามารถยืมร่างกายของเจ้าใช้ได้ โหลชีนังเด็กนั่นรับมือได้ยากมากกว่าเจ้าเสียอีก บนโลกนี้คนที่นางเชื่อใจมากที่สุดก็คงจะมีแต่เจ้ากับเฉินซ่าเจ้าหนุ่มคนนั้นแล้ว เจ้าหนุ่มนั้นชี่พิฆาตหนักเกินไปยืมร่างกายได้ยาก และก็ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอยู่อีก มีแต่เจ้าที่เหมาะสมที่สุด ขอแค่ข้ายืมร่างกายของเจ้า อย่างไรโหลชีก็จะไม่มีวันระวังตัวจากเจ้า ถึงเวลานั้น ข้าจะชิงร่างนั้นกลับมาก็ง่ายแล้ว"
"หยุนเฟิง" ขณะที่กล่าวไป ก็นั่งลงไปตรงขอบเตียง ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของซวนหยวนคง สายตาเหมือนกำลังมองสำรวจ กำลังตรวจสอบสินค้า ดูเหมือนว่ายังถือว่าพอใจในใบหน้าของเขา เขาพยักหน้า แล้วก็ยื่นมือไปปลดปลดเข็มขัดของเขา
"ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเจ้าติดค้างข้า ข้าจะเอาสิ่งที่เป็นของข้าคืนมา" ขณะที่เขาพูดไป ก็ปลดเข็มขัดของเขาไปด้วย "ไม่ใช่ร่างกายของข้าก็ยุ่งยากเช่นนี้แหละ จะยืมใช้ยังต้องเปลืองแรงวุ่นวายขนาดนี้อีก โหลชีนังแพศยานั่น ตอนนั้นถึงกับสามารถบีบข้าออกมาได้ รอให้ข้าชิงร่างกายกลับมาก่อนเถอะ ข้าจะนอนกับผู้ชายที่นางรักมากที่สุดให้ได้ ฮ่าๆๆ แล้วค่อยให้ไอ้หนุ่มราชตระกูลเฉินนั่นมองดูข้านอนกับคนอื่น......"
มือของเขาค่อยๆยื่นเข้าไปในขอบกางเกงของซวนหยวนคง
"นักพรตเลว! หากท่านยังไม่ตื่นอีก ข้าก็จะถูกขังและอดตายที่นี่แล้ว! หากข้าต้องอดตายไปข้าจะกลายเป็นผีร้ายแล้วกลับไปคิดบัญชีกับท่านแน่นอน!"
เสียงตะโกนดังลั่นของโหลชีทำให้ซวนหยวนคงสะดุ้งตื่นขึ้นมา
อะไรนะ ชีชีสุดที่รักของเขากำลังจะอดตายแล้ว? ใคร ใครมันกล้ารังแกนางเช่นนี้?
ในใจของซวนหยวนคงเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ กำลังจะลุกขึ้นมาในคราวเดียว ก็รู้สึกถึงมือที่เย็นเล็กน้อยข้างหนึ่งกำลังยื่นเข้ามาในขอบกางเกงของตนเอง
"เชี่ยแม่ง! นี่จะทำลายร่างชายบริสุทธิ์ของข้าใช่ไหม?"
ซวยหยวนคงตกใจจนเหงื่อเย็นไหลออกมาทั้งตัว จับจุดสำคัญ...ของมือข้างนั้นเอาไว้ทันที ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นมา พลิกไปตามสถานการณ์ มืออีกข้างหนึ่งชกไปทางขมับของอีกฝ่ายอย่างแรงราวกับสายฟ้าฟาดทันที
"บ้าชิบ ดันมาตื่นในเวลานี้ซะได้!"
"หยุนเฟิง" บิดคอออกไป หลบหมัดที่หนักหน่วงหมัดนี้ของซวนหยวนคงไป บิดแขนสไลด์แล้วดึงออกราวกับงู หลุดออกจากการควบคุมของซวนหยวนคงในทันที
เขาถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่ที่ข้างประตู แต่ว่าไม่ได้ออกไป ซวนหยวนคงกระโดดลงมาจากเตียง มองสำรวจดูบริเวณรอบๆก่อน เห็นเสี่ยวโฉวที่ยืนวางมือลงแข็งทื่อราวกับตอไม้ เห็นคนที่ล้มอยู่บนพื้นทั้งในเรือนนอกเรือน สุดท้ายสายตาถึงได้ย้ายกลับมาที่ใบหน้าของ "หยุนเฟิง" มองพิจารณาเขาขึ้นๆลงๆ
"เจ้าเป็นใคร?"
"ข้าเป็นใคร?" ในดวงตาของเขามีความสับสนแวบผ่านไปเล็กน้อย จากนั้นก็เยือกเย็นลงมา "ข้าเป็นใครเจ้าไม่ต้องสนใจ ร่างกายของเจ้าข้าเอาแล้ว"
จู่ๆซวนหยวนคงก็หัวเราะออกมา "เจ้าที่มัน......หมาตัวไหนมันให้ความมั่นใจกับเจ้ากัน?"
ทันทีที่เสียงหยุดลง จู่ๆเขาก็ร่ายคาถาขึ้นมาหนึ่งท่า เปลวไฟเล็กๆพุ่งออกมาจากนิ้วมือ ลอยไปทางจุดฝังเข็มตรงหน้าอกของ "หยุนเฟิง"
แต่หลังจากการกระทำทั้งหมดนี้ร่างกายของเขากลับส่ายไปมา สีหน้าซีดขาวลงไปในทันที
"ค่ายกลลอกวิญญาณ?" ซวนหยวนคงสมกับที่เป็นอัจฉริยะของวังศุทธิเซียนที่ในรอบร้อยปีพบได้เพียงครั้งเดียวจริงๆ ชั่วครู่เดียวก็ตอบสนองกลับมาทันที จากนั้นก็ตัดสินใจคว้าตัวเสี่ยวโฉวที่อยู่ด้านข้างใน ใช้พลังเฮือกสุดท้ายพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างในทันที คนก็ล้มฟลุบลงไปอยู่ในลาน
ถึงแม้จะอ่อนแรงจนลุกยืนไม่ไหว แต่เขาก็ยังหัวเราะเหอะๆออกมา "แน่จริงเจ้าก็ออกมาสิ"
"หยุนเฟิง" ยืนอยู่ในประตู กัดฟันกรอด มองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา
เดิมทีซวนหยวนคงไม่น่าจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้ เขาคำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำแท้ๆ ทำไมเขาถึงตื่นได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ