ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 606

เมืองจิ้งอยู่ตรงหน้า

หัวใจของรองแม่ทัพหวางฟ่างกลับเคร่งเครียดขึ้นมา เขากระโดดขึ้นม้า ถามทหารข้างๆว่า "สายสืบกลับมารายงานหรือยัง?"

"แม่ทัพ ยังไม่มี..."

พูดยังไม่ทันจบ ด้านหน้าก็มีม้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา พอมาถึง คนก็กระโดดลงจากม้า รีบร้อนบอก "รายงาน!"

"รีบว่ามา" หวางฟ่างเริ่มเครียด

เมืองจิ้ง เมืองที่สำคัญที่สุดของด้านนี้ หากตกอยู่ในมือทหารยักษ์ร้าย ไม่กล้าจะคาดคิดถึงผลลัพธ์เลยจริงๆ หลายปีมานี้ ราชวงศ์เฉินไม่มีเรี่ยวแรงและทรัพย์สินมากมายไปเลี้ยงทหาร ดังนั้นพวกเขาเลยได้แต่รวมกำลังพลทหารมาต่อต้านศัตรู ถ้าเมืองจิ้งแตกพ่าย ทหารศัตรูทั้งสามารถแยกกำลังทหารไปได้ และกำลังทหารของพวกเขาก็ไม่เพียงพอให้แบ่งกำลังไปสกัดด้วย

จนถึงตอนนี้มีเพียงราชวงศ์ซวนหยวนที่ส่งกำลังเสริมมา แต่ราชวงศ์ซวนหยวนนับแต่ไท่ซ่างหวงและจ้านหวงรวมถึงท่านอ๋องสองคนหายสาบสูญ ขาดแคลนแม่ทัพ กำลังทหารและกำลังการต่อสู้ก็ทาบไม่ติดแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนพวกเขาพึ่งได้รับข่าว คนที่นำทหารมาก็คือแม่ทัพใหญ่ตี๋ช่านที่แก่ชราแล้ว ยังมีลูกผู้พี่ของซวนหยวนจื้อ ท่านอ๋องเฒ่าซวนหยวนโซง

ทั้งสองคนนี้ตอนยังหนุ่มก็มีชื่อเสียงนัก แต่ตอนนี้พวกเขาแก่แล้วนี่ หลายปีมานี้ราชวงศ์ซวนหยวนก็อาศัยพวกเขาพยุงอย่างยากลำบาก หรือเพราะราชวงศ์ล้วนหายสาบสูญไปตามๆกันตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อรุ่นหลานสามรุ่นติด กำลังสำคัญที่สุดหายไปแล้ว มันกระทบกระเทือนพวกเขามากเกินไป ทั้งสองคนนี้จะพยุงราชวงศ์ทั้งหมดมันยากนัก สำหรับการสั่งสอนของรุ่นต่อไปก็มีใจแต่ไร้เรี่ยวแรงแล้ว ดังนั้นเลยไม่สามารถรับภาระของคนรุ่นใหม่ต่อได้

ตระกูลเฉินและซวนหยวนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ซวนหยวนดูจะย่ำแย่กว่าพวกเขาหน่อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ที่ไฟสงครามโรมรันอยู่ก็คือราชวงศ์เฉิน ถ้าเมืองจิ้งก็เกิดเรื่อง พวกเขาน่ากลัวจะไม่มีเรี่ยวแรงสกัดห้ามผลลัพธ์ของแคว้นล่มสลาย

หวางฟ่างรู้สึกปวดใจยากจะพูดได้

สายสืบหายใจหอบพลางว่า "ประตูเมืองเมืองจิ้งปิดแน่น ว่ากันว่าเพราะประชาชนในเมืองต่างร้องไห้อาละวาดจะหนีไปราชวงศ์เฮ่อเหลียน แต่ทหารเฝ้าเมืองโกรธจัด ไม่ยอมมอบเมืองให้ทหารยักษ์ร้าย สาบานจะร่วมเป็นร่วมตายกับเมืองจิ้ง"

"ทหารเฝ้าเมืองจิ้งคือเหอฉี้..." ผ้าม่านรถม้าถูกเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของไท่ซ่างหวง สายตาเขามีประกายเศร้าสร้อยพลางว่า "เหอฉี้ตอนนั้นก็ติดตามหวงซ่างของพวกเจ้าระยะหนึ่ง เป็นคนดี"

"รีบตามติดไปโดยเร็ว กองทัพไปถึงก็จะทำให้ประชาชนวางใจ"

สายสืบนั่นพลันชะงักก่อนพูด "ข้าน้อยสืบมาได้ว่า ประชาชนล้วนพูดกันว่า กองทัพของเราถึงจะมาถึงแล้วก็สู้ทหารยักษ์ร้ายไม่ได้ ก็แค่มาตายเท่านั้น..."

"อะไรนะ?" หวางฟ่างโกรธจัด

ไท่ซ่างหวงอึ้งตะลึง ผ่านไปอยู่นานถึงถอนหายใจยาว "ไม่โทษพวกเขา ไม่อาจทำให้ประชาชนมั่นใจได้ ไม่ใช่ความผิดประชาชน ผิดที่ราชสำนักเอง"

แต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ พวกเขาก็ยังต้องไป

กองทหารเร่งรีบเดินทาง ในตอนที่เห็นเมืองจิ้ง สีหน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนสี

บนกำแพงเมืองมีควันลอยขึ้น!มีคนเป่าโข่งสัญญาณดังขึ้น!

"ทหารยักษ์ร้ายบุกแล้ว!"

บรึ้ม!

เสียงหนึ่งดังสนั่น พวกเขาประหนึ่งรับรู้ได้ถึงพื้นดินสั่นสะเทือน

"นั่นคืออะไร? กระหึ่มบ้าน?" ไท่ซ่างหวงลุกขึ้นมาฉับพลัน มองไปทางเมืองจิ้ง มีควันหนาอบอวล จนทะลุฟ้า

ทหารยักษ์ร้ายโจมตีรุนแรงเพียงนี้!

"กระหึ่มบ้านในมือทหารยักษ์ร้ายร้ายกาจกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้มากนัก!"

"เร็ว เร็วอีก ไป!" ไท่ซ่างหวงสั่งการอย่างร้อนใจ

พวกเขารีบเร่งไปยังเมืองจิ้ง และประตูตะวันตกของเมืองจิ้งในเวลานี้ บนกำแพงเมือง แม่ทัพเฝ้าเมืองเหอฉี้กำลังโบกธงสะบัด ตะโกนก้องว่า "ทนไว้! กองทัพเสริมจะมาแล้ว!"

บรึ้ม!

เสียงดังสนั่นอีกครั้ง ห่างเขาไปไม่ไกล มุมหนึ่งของกำแพงเมืองโดนระเบิดจนไม่เหลือซาก หินดินกลิ้งไปมาไม่หยุด กำแพงเมืองพลันหายไปมุมหนึ่ง ในเวลาเดียวกันที่โดนระเบิดจนไม่เหลือซากยังมีทหารหลายนายที่เฝ้าอยู่ตรงนั้น

สิ่งหนึ่งกระเด็นมาโดนหน้าเหอฉี้ เขายกมือขึ้นจับออกดู พบว่าเป็นนิ้วมือหนึ่งที่ขาด

"แม่งเอ๊ย!" เหอฉี้รู้สึกโกรธและเศร้าอีกทั้งตกใจ เขาด่าออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ "พี่น้องเอ๋ย เทน้ำมันเดือด"

เจ้าพวกลูกหมานี่! เขาต้องรักษาเมืองจิ้งเอาไว้ให้ได้ เพราะถ้าเสียเมือง ประชาชนทั้งเมืองจะโดนฆ่าล้างสิ้นเหมือนเมืองอันและเมืองฝู๋อวิ๋น!

แต่โบราณมาก็มีสงครามไม่หยุด แต่ไร้มนุษยธรรมอย่างทหารยักษ์ร้ายนี่ โหดร้ายปานนี้หาได้ยากยิ่ง!

ทหารคอยยกหม้อน้ำมันเดือดหม้อแล้วหม้อเล่าขึ้นไป และเทลงไปอย่างรวดเร็ว แต่เหล่าคนหัวดำๆที่อยู่นอกเมืองเต็มไปหมด ทหารยักษ์ร้ายอย่างน้อยมีถึงสามแสน แต่ละคนล้วนใส่ชุดเกราะสีดำ ขี่ม้าศึกน่าเกรงขาม น้ำมันเทลงไป บาดเจ็บไปแค่หลายสิบคน ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลย

ขนาดเหอฉี้ยังรู้สึกว่า จะเอาชนะมันยากมาก จะรักษาเมืองจิ้งยิ่งยากกว่า

ในตอนนี้เอง มีทหารเข้ามารายงานอย่างตื่นเต้น "กองทัพใหญ่มาแล้ว กองทัพเสริมที่ไท่ซ่างหวงนำทัพมาเองมาแล้ว!" เหอฉี้ดีใจนัก กำลังจะพูด ท้องฟ้าพลันมีเสียงร้องของนกอินทรี เงาดำใหญ่ปกคลุมลงมา พวกเขาแหงนหน้ามองอย่างไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าด้านบนจะมีคน ธนูสามดอกยิงทะลุเข้ามา แหวกเสียงลมเฉียดเข้ามา ในเวลาเดียวกันก็ยิงโดนเหอฉี้และทหารสองนายที่กำลังเทน้ำมันเดือดอยู่

ทหารล้มลง น้ำมันเดือดไหลนองเต็มพื้น ทำให้คนข้างกายหลายคนลื่นล้มและโดนลวก พริบตาเดียวเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังไม่หยุด

"ใต้เท้า!"

ทหารเข้ามาพยุงเหอฉี้อย่างร้อนรน ในเวลาเดียวกันก็ร้องเสียงดังว่า "มือธนู! ยิง! ยิงนกอินทรีตัวนั้นให้ตาย!"

มือธนูรีบง้างคันธนูอย่างร้อนรน แต่ธนูยิงไม่โดนนกอินทรีมหึมาตัวนั้น กลับโดนมันสะบัดปีกเข้าใส่

"เหอฉี้อยู่ที่ไหน?" เสียงแหบแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนขึ้นมาบนกำแพงเมือง ตัวคนนำหน้าใส่ชุดเกราะ ร่างองอาจยืดตรง แต่กลับทำให้คนรู้สึกเรี่ยวแรงไม่มีอย่างน่าประหลาด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ