ลูกถีบนี้ ทำให้หยุนฉ่ายส่งเสียงครางอู้อี้ออกมาทันที
เดิมทีโหลชีก็ไม่สามารถรับมือกับการกอดอย่างสนิทชิดเชื้อและการร้องไห้ปรับทุกข์เช่นนี้อยู่แล้ว นางร้องไห้เจียนขาดใจ แต่ว่านางกลับรู้สึกปวดใจเล็กน้อย แค่เพียงเท่านั้นเอง
บางทีน่าจะบอกว่าเป็นความดีความชอบของนักพรตเลว เพราะว่ามีเขา ดังนั้นโหลชีจึงไม่เคยรู้สึกว่าตนเองลำบากหรืออนาถเพียงใดเลย ยิ่งไม่มีความคิดที่อยากจะรีบหาพ่อแม่ของตัวเองให้เจอเลย นางไม่รู้สึกน้อยใจ เพราะนางใช้ชีวิตอย่างที่ใจชอบมากมาตลอดชีวิต และก็ไม่มีใครสามารถรังแกนางได้
นางมองไปทางนักพรตเลว เขาแตะไปที่จมูกเป็นการแสดงว่าตนเองอยากจะช่วยแต่ไม่สามารถแล้วก็รับมือกับสถานการณ์นับญาติร้องไห้เสียใจอย่างมากแบบนี้ไม่เป็นเหมือนกัน
และในเวลานี้ เสียงครางอู้อี้นั่นของหยุนฉ่ายให้ทางลงแก่นางพอดี
"จัดการนางก่อน เล่าเรื่องในสมัยนั้นออกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียดอย่าให้ตกหล่นแม้แต่นิดเดียว"
โหลฮ่วนเทียนได้ยินคำพูดนี้ของนาง ก็จะยื่นมือไปดึงหยุนฉ่ายขึ้นมาทันที โหลชีจ้องมองเขาครู่หนึ่ง: "ท่านพี่ ไม่กลัวตายท่านก็แตะต้องนางเลย"
"เสี่ยวชี?" หยุนโยวมองดูโหลชีเดินไปทางหยุนฉ่าย รีบดึงมือของนางเอาไว้อย่างประหม่าทันที โหลชีหันกลับมามองดูนางด้วยสายตาซับซ้อน: "จิตของท่านได้รับเสียหาย ร่างกายอ่อนแอว่างเปล่า ผลไม้สาวงามที่ซวนหยวนจ้านมอบให้ท่านล่ะ?"
ผู้ชายคนนั้นใช้ความพยายามไปมากเท่าไหร่ถึงหาผลไม้สาวงามนั่นมาให้กับนางได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนจิตของนางก็ได้รับความเสียหายแล้ว ทำให้ความงามลดลงหรือ?
ซวนหยวนจ้าน......
นางเรียกชื่อของพ่อของตัวเองโดยตรงเลย......
แต่ว่าหยุนโยวก็ยังถูกชื่อที่นางพูดออกมาชื่อนี้ทำให้ในใจทั้งรู้สึกเจ็บปวดและอ่อนหวาน น้ำตาเกือบจะไหลออกมาอีกครั้ง
โหลชีทนเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ เลยกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ: "มีอะไรน่าร้องไห้กัน? ในเมื่อข้าสามารถหาท่านเจอได้ ก็สามารถตามหาเขากลับมาได้อยู่แล้ว!"
คำพูดนี้พูดได้อย่างหนักแน่นผิดปกติ แฝงไปด้วยพลังที่ทำให้คนเชื่อมั่น
ในใจของหยุนโยวก็มีความรู้สึกองอาจผึ่งผายเพิ่มขึ้นมา มองดูลูกสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ นางภาคภูมิใจอย่างมาก "เสี่ยวชีเจ้ารู้ไหม? ตอนที่เจ้ายังตัวเล็กๆ" นางใช้มือทำท่าทาง ตอนที่ยังอุ้มอยู่ในอ้อมแขน "เสด็จพ่อเจ้าก็พูดเสมอว่า เจ้าคล้ายกับเขามาก หน้าตาคล้าย ต่อไปนิสัยก็น่าจะเหมือนมากเช่นกัน"
ตอนที่มีฮ่วนเทียนเขาเป็นพ่อคนครั้งแรกย่อมต้องตื่นเต้นดีใจอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับเทพสงครามของแผ่นดินใหญ่หลงหยิน มีลูกสาวตัวเล็กที่บอบบางน่ารักกลับยิ่งดึงความอ่อนโยนทั้งหมดในตัวของผู้ชายที่มีเลือดทรนงออกมา ในตอนนั้นหยุนโยวถึงขั้นรู้สึกว่าสามีของตนเองเอาใจและรักลูกสาวมากกว่า นางก็จะไปอยู่อันดับสองแล้ว
ดังนั้น ซวนหยวนจ้านผู้ซึ่งรักลูกสาวดุจชีวิตเมื่อเห็นลูกสาวก็เปลี่ยนไปเป็นเช่นนั้นกะทันหัน ความเจ็บปวดและความหวาดกลัวของเขาต้องมากที่สุดอย่างแน่นอน ในตอนนั้นไท่ซ่างหวงก็จะส่งเสี่ยวชีออกไปให้ได้ นั่นคือการกรีดมีดลงไปบนบาดแผลของเขาอีกสองสามแผลและยังโรยเกลือลงไปอีก
นางเอ็นดูสงสารสามี แล้วก็เอ็นดูสงสารลูกสาวด้วย ดังนั้นสุดท้ายจึงเลือกเสียสละตัวเอง แต่กลับทำให้ท่านพ่อพลอยติดร่างแหไปด้วย สุดท้ายแล้ว นางรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตัวเองทำได้ไม่ดีพอ ผิดพลาดก้าวเดียว ก็คือความโกลาหลไร้ที่เปรียบ คนมากมายขนาดนี้ต้องเจ็บปวดทรมานจนไม่สามารถใช้คำพูดมาเปรียบได้
หลังจากที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วโหลชีกลับบอกกับนางว่า: "เก็บความรู้สึกผิดของท่านกลับไป ผลไม้สาวงามอยู่ที่ไหน? ท่านดูแลตัวเองให้ดี ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้า รอข้าพาผู้ชายของท่านกลับมา!"
ตอนที่พูดคำพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ หยุนโยว เฉินซ่าโหลฮ่วนเทียนซวนหยวนคง อวิ๋น แล้วก็เหล่าผู้นำทหารที่บุกเข้าวังมาแล้ว รวมไปถึงซวนหยวนจื้อ เหล่าไท่จวินและคนอื่นๆล้วนได้ยินกันหมด
พวกเขาต่างก็มองดูหญิงสาวที่ใบหน้างดงามไร้ที่ติแต่ลักษณะท่าทางเย็นชาคนนี้ นางยืนอยู่ตรงนั้น ยืนได้ตรงมากกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่ง
ในใจของเฉินซ่ามีความภาคภูมิใจอย่างมากพลุ่งพล่านขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา เป็นของเขา ใต้หล้านี้ใครก็เทียบนางไม่ได้
หยุนโยวตะลึงงันไปครู่หนึ่งก็รู้สึกเมื่อยล้านัยน์ตาเล็กน้อย นางชี้ไปทางด้านหยุนฉ่าย: "ผลไม้สาวงามอยู่ที่นาง"
โหลชีเลิกคิ้วขึ้นมาครู่หนึ่ง เดินเข้าไปทางหยุนฉ่าย
ที่นี่มีคนมากมายขนาดนี้ แถมนางยังถูกเฉินซ่าสกัดจุดเอาไว้ อย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หยุนฉ่ายย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองหนีไม่รอดอยู่แล้ว นางไม่เต็มใจ ในตอนที่เห็นโหลชีเดินเข้ามากลับหัวเราะขึ้นมากะทันหัน
"องค์หญิงน้อย เจ้านึกว่าเจ้าจะสามารถหัวเราะไปจนถึงตอนสุดท้ายได้จริงๆหรือ? ฝ่าบาทคือผู้ที่ไร้เทียมทาน ฝ่าบาทถูกใจร่างกายของเจ้า ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็หนีไม่รอดหรอก"
โหลชีก้มหน้าลงไป ยื่นนิ้วชีออกมานิ้วหนึ่งค่อยๆวาดอยู่บนใบหน้าของนาง กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล: "ฝ่าบาทก็คือวิญญาณต่างโลกคนนั้นใช่ไหม? อืม เจ้ารักท่านตาของข้าไม่ใช่หรือ? ท่านตาข้าตายเพราะนาง แต่เจ้ากลับไม่เกลียดนาง?"
หยุนฉ่ายคิดไม่ถึงว่านางจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ ชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก็ยิ้มไม่ออกอีก
ได้ยินเพียงโหลชีกล่าวต่อไปอีกว่า: "จากนั้นเจ้าก็ตกหลุมรักซวนหยวนจ้านอีก อืม พ่อตาลูกเขยคู่นี้เจ้าล้วนตกหลุมรักทั้งคู่ ข้าควรจะพูดว่าเจ้ารสนิยมแปลก หรือว่าผู้ชายสองคนนี้ล้วนหล่อเหลาจนไม่นึกว่าจะมีในโลกนี้อีกแล้วดี? แต่ว่า สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้ามากกว่าคือ"
นางหยุดไปครู่หนึ่ง มือที่เดิมทีวาดอยู่บนใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยนจู่ๆก็เปลี่ยนไปกะทันหัน เปลี่ยนเป็นบีบคอนางเอาไว้ ดีร้ายอย่างไรหยุนฉ่ายก็เป็นผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกือบห้าสิบกิโล นึกไม่ถึงว่าจะถูกนางยกขึ้นมาในทันที โหลชีมองดูนางอย่างเฉยเมย กล่าวต่อไปอีกว่า: "สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าคือ ไม่ว่าจะเป็นท่านตาของข้าหรือว่าเสด็จพ่อของข้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิจะรักทั้งนั้น! ตอนนี้ เอาผลไม้สาวงามคืนกลับมาซะ!"
นั่นคือสิ่งที่ซวนหยวนจ้านหามาให้หยุนโยวอย่างยากลำบาก จะให้ผู้หญิงคนนี้ครอบครองได้อย่างไร!
พูดไป นางก็โยนหยุนฉ่ายออกไปทันที
เสียงปังดังขึ้นมา หยุนฉ่ายร่วงหล่นลงไปบนพื้น เกล็ดหิมะกระเซ็นขึ้นมา
นางไอไปสองสามครั้ง มุมปากมีเลือดกระฉอกออกมา "ผลไม้สาวงามข้าวางยาพิษเอาไว้แล้ว ข้าก็แค่อยากจะเก็บเอาไว้ถึงเวลาค่อยถามซวนหยวนจ้าน ว่าจะให้ผลไม้สาวงามนี้กับหยุนโยวนังแพศยาคนนั้นแน่นอนใช่ไหม ขอแค่ให้นางกินเข้าไป หยุนโยวก็ถือว่าตายในน้ำมือของเขา! ฮ่าๆ เจ้ากล้าให้นางกินไหม? กล้าไหม?"
โหลชียื่นมือไปลูบบนร่างกายของนางครู่หนึ่ง หยิบสิ่งของที่ยุ่งเหยิงไร้สาระออกมา หนึ่งในนั้นมีกล่องใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกดู ข้างในก็คือผลไม้สาวงามเม็ดนั้น
นางดมกลิ่นของมันครู่หนึ่ง "โย่ พิษนี้ไม่เลวนี่นา สินค้าชั้นยอด"
หยิบผลไม้สาวงามเม็ดนั่นเดินไปถึงหน้าหยุนโยวภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของหยุนฉ่าย "เชื่อในตัวข้าหรือไม่? เชื่อข้าก็กินซะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ