"จะจัดการอย่างไรกับรองแม่ทัพหลง?" ตงสือยู่ถามออกมาประโยคหนึ่งหลังจากนั้น
โหลชีก็ไม่ได้หันกลับมา: "ในเมื่อเขาเป็นทหารของท่าน ท่านก็ตัดสินใจเองเลย"
กลับมาถึงเต็นท์ใหญ่ โหลชีเรียกชิวชิ่นเซียนมา
ชี้ไปที่อิงแล้วกล่าวว่า: "เอาสิ่งที่น่าเกลียดเหมือนกับถูกสุนัขแทะที่มัดอยู่บนตัวเขานั่นออกให้หมดเลย"
ชิวชิ่นเซียนหัวเราะพุดออกมาคำหนึ่ง เหมือนกับถูกสุนัขแทะ
อิงนั่งอยู่ตรงนั้นปล่อยให้ชิวชิ่นเซียนแกะผ้าพันแผลที่อยู่บนตัวเขาออกอย่างทำอะไรไม่ได้ ในใจรู้สึกเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อย หรือยังคิดจะให้นางลงมือด้วยตัวเองอยู่? ตอนนี้นางเป็นจักรพรรดินีแห่งแผ่นดิน องค์หญิงแห่งราชวงศ์ แม่ทัพหญิงแห่งทัพใหญ่
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆก็คิดถึงช่วงเวลาที่นางเพิ่งมาถึงใหม่ๆมาก
ในตอนที่เขาเหม่อลอย ชิวชิ่นเซียนเอาผ้าพันแผลที่อยู่บนร่างกายของเขาออกหมดด้วยการกระทำที่คล่องแคล่วแล้ว กลิ่นเหม็นคละคลุ้งแผ่กระจายออกไป
เดิมทีในตอนแรกโหลชีไม่ได้สนใจ นึกว่าเป็นกลิ่นเหม็นที่ส่งออกมาจากบาดแผลที่เน่าเปื่อย แต่ว่าหลังจากที่นางดมดูอีกครั้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที คว้าตัวเฉิงสิบที่อยู่ข้างกายขึ้นมาแล้วก็โยนเขาออกไป
"อย่าเข้ามา"
อิงกับชิวชิ่นเซียนตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
โหลชีเดินเข้าไปใกล้ หยิบมีดเล็กขึ้นมาเล่มหนึ่งก็เลิกผ้าบนบาดแผลตรงบริเวณไหล่ของเขาทิ้งไป เผยให้เห็นบาดแผลที่น่าสยดสยองออกมา
บาดแผลนั่นราวกับตะขาบสีดำตัวใหญ่ สีดำที่ซึมออกไปด้านข้างพวกนั้นก็เหมือนกับขาเป็นพันๆขา ดูแล้วน่ากลัวอย่างมาก ตรงกลางของแผลเน่าเปื่อยไปแล้ว เมื่อมีดเล็กขูดไปเบาๆ ก็มีน้ำหนองที่มีสีดำแซมเหลืองไหลออกมา
"ทำไม บาดแผลมีพิษ?" อิงนึกถึงได้แค่สาเหตุนี้เท่านั้น
โหลชีส่ายหน้าช้าๆ นางมองไปที่ชิวชิ่นเซียน รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อครู่นี้หากตนเองเป็นคนลงมือยังดีหน่อย
"ชิ่นเซียน เจ้าไม่ต้องออกไปแล้ว ใช้น้ำยานี่ล้างมือซะ" นางหยิบยาขึ้นมาจากโต๊ะที่อยู่ด้านข้างแล้วยื่นให้กับนาง
ด้านนอกเต็นท์ เสียงที่กังวลของเฉิงสิบดังขึ้นมา: "จักรพรรดินี้ มีปัญหาอะไรใช่ไหม?"
โหลชีก็ไม่ได้หันกลับไป "มีนิดหน่อย แต่ว่าข้าสามารถแก้ไขได้ ไปเขียนจดหมายให้จักรพรรดิ จบศึกฝั่งโน้นแล้วก็ให้มาได้เลย" นางสามารถคาดเดาได้ สุดท้ายพวกเขาจะจบเรื่องราวทั้งหมดที่วังหลวงเฮ่อเหลียน
"แล้วก็ เขียนจดหมายให้นักพรตเลวด้วย บอกว่าหากเขาพักฟื้นได้พอประมาณแล้วก็ให้รีบมา ไม่ อีกเดี๋ยวเจ้าขี่เจ้าขาวไปรับพวกเขา ข้ายังต้องการสิ่งของอีกเล็กน้อย ให้พี่ข้าเตรียมเอาไว้ให้ข้าด้วย" พูดไป นางก็ท่องชื่อยาสมุนไพรเกือบสิบชนิดออกมา
ถึงแม้เฉิงสิบจะฟังออกว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน แต่เขารู้ว่าโหลชีพูดอะไรไปจะไปเปลี่ยนคำพูดมาตลอด ดังนั้นจึงได้แต่จดสิ่งที่นางพูดเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กัดฟันล่าง ถอยออกไปเตรียมตัว
ในเต็นท์ โหลชีกลับไม่รีบไม่ร้อน ดึงเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงตรงหน้าของอิง เอนพิงไปบนพนักพิงเก้าอี้ "เล่ารายละเอียดตลอดการต่อสู้ระหว่างพวกเจ้ากับคนของลัทธิสิ้นโลกีย์ให้ข้าฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง" ตอนนั้น ทางที่กู่เส่าอี๋อะไรคนนั้นชี้ให้เดิมทีก็เป็นทางที่ผิดอยู่แล้ว แต่ว่าอิงพวกเขากลับสามารถไล่ตามไปทางของพวกเขาได้จริงๆ หากบอกว่าในนี้ไม่มีกับดัก นางก็ไม่เชื่อจริงๆ
อิงมองดูใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของนาง นึกย้อนขึ้นมา
พวกเขาสะกดรอยตามคนของลัทธิสิ้นโลกีย์ไปตลอดทาง ก่อนที่ใกล้จะถึงราชวงศ์เฮ่อเหลียนถึงเพิ่งถูกอีกฝ่ายพบเข้า อีกฝ่ายมีประมาณร้อยกว่าคน มีคนอยู่ทุกประเภท คนที่ใช้พิษ คนที่ใช้อาวุธลับ หรือแม้กระทั่งค่ายกล กลไก วิชามนต์ คำสาป ล้วนมีทั้งนั้น นี่ทำให้พวกเขาไล่ตามอย่างปวดหัวมาก ทหารที่อยู่ข้างกายก็ถูกฆ่าอยู่ตลอด
แต่ว่าพวกคนที่เขาพาไปด้วยก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่ายๆ ก็ยังกัดอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อย ในตอนแรกอิงกับพวกเขาก็ยังไม่ได้ปะทะกันซึ่งๆหน้ากันจริงๆ จนกระทั่งพวกเขาไปถึงสถานที่ที่มีชื่อเรียกว่าหุบเขาปากอินทรีแห่งหนึ่ง จู่ๆอีกฝ่ายก็ย้อนกลับมา ในหุบเขาปากอินทรีทั้งสองฝ่ายเปิดฉากการต่อสู้ในครั้งสุดท้าย นั่นคือการต่อสู้แห่งความตาย
"ข้างกายมีคนล้มลงไม่ขาดสาย มีคนลัทธิสิ้นโลกีย์ของพวกเขา และก็มีคนของเรา ไม่รู้ว่าที่นั่นทำไมถึงได้มีแร้งกินศพมากมายขนาดนั้น สุดท้ายมีแร้งกินศพกลุ่มใหญ่มา เราเองก็เหลือคนเพียงแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น เพราะต้องหลบเลี่ยงแร้งกินศพ ทั้งสองฝ่ายถึงได้แยกออกจากกัน พวกเราหลบเข้าไปในถ้ำหินแห่งหนึ่ง หลบอยู่หนึ่งคืน หลังจากที่เราออกมา พวกเขาก็หายไปหมดแล้ว"
แร้งกินศพ......
จู่ๆโหลชีก็ยื่นมือไปฉีกเสื้อผ้าของเขาออก ให้ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า
ใบหน้าของอิงแดงก่ำขึ้นมาในทันที "จักรพรรดินีท่านทำอะไรน่ะ!"
"หน้าแดงทำไม" โหลชีกวาดตามองเขาครู่หนึ่ง: "แต่ว่า ไม่เลวเลยนี่ ยังมีกล้ามหน้าท้องอยู่"
ทันใดนั้น ใบหน้าของอิงก็ยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก อยากจะกระโดดขึ้นมาจริงๆ "จักรพรรดินี!"
อย่าทำร้ายเขาเลยตกลงไหม ตอนนี้เขากลัวแล้ว คำพูดนี้หากเข้าไปถึงหูจักรพรรดิ กล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาอาจจะถูกขัดจนเกลี้ยงไปจนหมดก็ได้ น่ากลัวจัง!
โหลชีจงใจยั่วยุเขา ก็เป็นเพราะคำพูดที่จะพูดต่อจากนี้
ในขณะที่อิงหน้าแดงก่ำมองดูนางอย่างทำอะไรไม่ถูก โหลชีกล่าวถามออกมาประโยคหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญไปเบาๆ: "องครักษ์อิง เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?"
อิงถูกแซวไปเลยจริงๆ พยักหน้าไปโดยสัญชาตญาณ "เชื่อ เชื่อแน่นอนอยู่แล้ว" เมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าเคยไม่เชื่อใจนางยังละอายใจและรู้สึกผิดอย่างมาก
โหลชีมองดูเขาอย่างลึกล้ำครู่หนึ่ง กล่าวว่า "เช่นนั้น เจ้าก็เข้าไปในเมืองหลวงเฮ่อเหลียน ไม่ว่าจะเจอใครที่อยู่ข้างในนั้น นางจะให้เจ้าทำอะไร เจ้าต้องทำตามทุกอย่าง ทำได้หรือไม่?"
ชิวชิ่นเซียนได้ยินคำพูดก็ตกใจอย่างมาก
"จักรพรรดินีไม่ได้นะ!"
อิงเพิ่งมาเลยไม่รู้ นางอยู่ที่นี่รู้ชัดเจนดีทุกอย่าง เฮ่อเหลียนเจี๋ยก็ยังบอกเลยว่านางจะเข้าไปในเมืองหลวงไม่ได้ รองแม่ทัพหลงของตงชิงหลังจากที่เข้าไปในเมืองแล้วก็กลายเป็นเช่นนี้ไป ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าวิญญาณต่างโลกอะไรนั่นอยู่ที่เมืองหลวงเฮ่อเหลียน เข้าไปตอนนี้นั่นไม่ใช่เท่ากับการรนหาที่ตายหรอกหรือ? ถึงแม้ไม่ใช่รนหาที่ตาย เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกทรยศเช่นกันนี่นา
องครักษ์อิงเข้าไป จะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือ?
อีกอย่าง เป้าหมายของอีกฝ่ายคือจักรพรรดินี เดิมทีเพราะตอนนี้คุณชายหยุนเฟิงแล้วก็อาหญิงเสี่ยวโฉวอยู่ในมือของอีกฝ่ายดังนั้นจักรพรรดินีก็มีความยำเกรงเล็กน้อยอยู่แล้ว บวกกับองครักษ์อิงอีกคนหนึ่ง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ