"เจ้าคิดค้นยาถอนพิษออกมา ข้ายังสามารถทนต่อได้หน่อย" เฉินซ่าน้ำเสียงเย็นชาจับใจ ความหมายคือ เขาสามารถอดทนต่อได้ รออีกเดี๋ยวรับรองว่าทนไม่ไหวแล้ว!
วังหลวงที่วิปริตเยี่ยงนี้ ราชวงศ์ที่วิปริต พวกเขาแค่อยากทำลายมัน! ทำลายให้สิ้นซาก!
"ข้าจะพยายามให้เร็วที่สุด"
และเวลานี้ เจ้าขาวกางปีกออก พาซวนหยวนคงและโหลฮ่วนเทียนมายังที่พักแรมนอกเมือง เยว่และอวิ๋นเข้าไปรับทันที
"ไท่จื่อ ท่านอ๋องซวนหยวน จักรพรรดิจักรพรรดินีเชิญทั้งสองท่านให้รับกองทัพไปบุกโจมตีเมืองทันทีที่มาถึง!"
โหลฮ่วนเทียนขมวดคิ้วทันที "พวกเขาสองคนล่ะ?"
"จักรพรรดิจักรพรรดินีและอิง...เข้าไปในวังหลวงเฮ่อเหลียน!"
"เหลวไหล นังหนูนั่น แค่นี้ก็รอไม่ได้รึ!" ซวนหยวนคงตบขาผ่าง ลูบของที่เอวตน และกัดฟันบอก "ฟังพวกเขาละกัน เดินทัพ บุกเมือง!"
หิมะพึ่งหยุดตก เริ่มดึกมากขึ้นเรื่อยๆ
กองทัพทหารเกือบเจ็ดแสนนายมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเฮ่อเหลียน สีดำทะมึนเป็นแถบ ยาตราทัพกประชิดเมือง
"ระเบิดมันเลย!" ซวนหยวนคงยืนบนรถม้าศึก มือถือธงคำสั่ง โบกสะบัดอย่างแรง
ระเบิดพันทำลายของโหลชีถูกโยนออกไปเป็นแถบ
บรึ้ม!บรึ้มบรึ้มบรึ้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นก้องไปทั่วกลางดึกเงียบสงัด
ประกายไฟที่ระเบิดออกมาตกลงบนธงและหญ้าแห้ง ไม่นานก็ไฟลุกพรึบขึ้นมา
"เฮ่อเหลียนหมิง!กล้าออกมารับศึกหรือไม่!"
"เฮ่อเหลียนหมิง!กล้าออกมารับศึกหรือไม่!"
โหลฮ่วนเทียนนั่งบนม้าศึก ส่งเสียงสะท้อนไปไกลด้วยกำลังภายใน
ในวังหลวง เฮ่อเหลียนหมิงตบหน้านางกำนัลที่มารับใช้เสียกระเด็น ลากชายหญิงที่นอนอยู่ข้างซ้ายขวาตนขึ้นมา และผลักพวกเขาออกไป
"ใครก็ได้! นำสองคนนี้ไปห้อยไว้เหนือกำแพงเมือง!"
เขาออกคำสั่ง หางตาพลันมีน้ำตาไหลออกมา ยังไงก็อยู่เคียงข้างเขามาหลายปี ที่แท้เขาเองก็เสียดายเหมือนกัน ที่แท้คิดว่าจะสามารถนอนได้อีกหน่อย น่าตายนัก มาบุกเมืองในเวลานี้!
"ฝ่าบาท!" คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาพลันวิ่งไปที่ตำหนักใหญ่ ไม่เห็นเลยสักนิดว่า องครักษ์ที่พาสองคนนั้นไปสบตากันด้วยสายตาเย็นเยียบ
มุมหนึ่งของวังหลวง
โหลชีกระชากชุดองครักษ์บนร่างตนออก มองดูทั้งสองคนที่แข็งทื่อ มือล้วงเอาเข็มยาวสิบกว่าเข็มออกมา และแทงเข้าไปในจุดชีพจรใหญ่ทั่วร่างสตรีนางนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมือหนึ่งวาดคาถา ประทับบนหน้าผากนาง
และในตอนที่นางกำลังทำเรื่องพวกนี้ เฉินซ่ามองดูใบหน้าที่คล้ายคลึงโหลชีอยู่หลายส่วน สองนิ้วแปรเป็นกระบี่ ตวัดไปที่ใบหน้าเขา
"ไปตายซะ!"
ชายผู้นั้นไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน รังสีอำมหิตสีดำที่กระบี่นิ้วของเขาตวัดผ่านใบหน้า ใบหน้าหล่อเหลานั้นพลันโดนทำลายลงในพริบตา
เพี๊ยะ
เฉินซ่าซัดอีกฝ่ามือหนึ่งใส่กลางกระหม่อมเขาอีก ทำเอาขาเข้าปักลงพื้นอย่างจัง เปลี่ยนรูปร่างไปเลยทีเดียว
ดันมาเจอตอนเฉินซ่าอารมณ์แย่มาก ใครก็ไม่มีตายอย่างดูดีได้
โหลชีไม่ได้หันไปมองทางเขา นางไม่คิดจะมองใบหน้านั้นอยู่แล้ว เพราะมันคือของปลอม นางไม่คิดลงมือด้วยตัวเองด้วย เฉินซ่าเองก็รู้ถึงจุดนี้ ดังนั้นเลยลงมือจัดการไปคนหนึ่ง
"บรึ้ม!"
ด้านนอกกำแพงเมืองมีเสียงระเบิดดังสนั่นมาอีก
"อีกหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็บุกเข้ามาได้แล้ว" โหลชีมือไม่หยุดเลย แต่ก็ฟังเสียงรอบด้าน
"เจ้าทำเรื่องของเจ้า"
โหลชีเทน้ำยาขวดหนึ่งในปากสตรี
"แค่กแค่กแค่ก"
พอยานั้นกรอกลงไป สตรีผู้นั้นก็ไอไม่หยุด จากนั้นดวงตานางพลันกลอกไปมาราวกับคนธรรมดา จากนั้นก็มาหยุดลงที่ใบหน้าโหลชี
"อ๊า!"
นางราวกับตกใจอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาและอยากถอยหลังไป แต่โหลชีคว้าหมับคอเสื้อนางโดยพลัน อีกมือหนึ่งวาดคาถาใส่หน้านาง เสียงฟังดูมีเสน่ห์
"อย่าขัดขืนข้า เจ้าต้องฟังข้า" นางถามเสียงเบาว่า "ข้าถาม เจ้าตอบ"
ดวงตาสตรีผู้นั้นเหม่อลอยขึ้นมาอีกครั้ง นางพยักหน้า
"เจ้าชื่ออะไร?"
"กู่ชิวหลาน..."
"เจ้าลงพิษกู่ใส่ลูกชายของฮ่องเต้เฉินใช่หรือไม่?"
กู่ชิวหลานลังเลเล็กน้อย สายตาพลันมีประกายมาดร้ายขึ้นมา "ใช่! พี่หมิงต้องการให้เขาอยู่อย่างทุกข์ทรมาน เดิมข้าอยากให้เขาตาย สุดท้ายฮ่องเต้เฉินกลับรับยาอีกตัวหนึ่งแทนเขา..."
พอได้ยินคำตอบของนาง บรรยากาศบนตัวเฉินซ่าเริ่มเย็นยะเยือกลงมา มิใช่ผู้นี้รึ? คนผู้นี้เองที่ทำให้เขาเจ็บปวดมาหลายปีขนาดนั้น!
ในที่สุดก็หาคนผู้นี้เจอ ในที่สุดก็หาเจอ!
"ยังมีอีกคำถามหนึ่ง" เขากัดฟันถามว่า "พวกจักรพรรดิซวนหยวนและฮ่องเต้เฉินอยู่ที่ไหน?" สืบหาร่องรอยพวกเขาจากปากสตรีผู้นี้ เป็นคำถามสุดท้ายที่พวกเขาลอบเข้ามาถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ