โหลชีกำลังจะกระโดดตัวขึ้นมา ใต้ร่างของนางกลับแยกออกกะทันหัน นางจะกระโดดตัวขึ้นมาก็สายเกินไปแล้ว ร่างกายเสียศูนย์ตกลงไปในทันที
"ชีชี!"
"เสี่ยวชี!"
"จักรพรรดินี!"
เสียงตะโกนหลายเสียงดังขึ้นมาพร้อมกัน โหลชีเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเงาร่างหลายเงากระโจนลงมา ต่างก็กระโจนมาทางนางโดยไม่มีความลังเล หนึ่งในนั้นยังมีจิ้งจอกม่วงตัวเล็กๆอีกด้วย
บินลงมา พวกเขาบินลงมาพร้อมกัน
ฮูหยินโหยวที่เหลือเพียงร่างที่พิการก็ถึงกับยืนหยัดลมหายใจเอาไว้เฮือกหนึ่ง แล้วก็กลิ้งตามลงมา
"ในที่สุดประตูแห่งหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดออก......"
เจ้าวังวังศุทธิเซียนถูกหลินจื่อจวินประคองขึ้นมา มุมปากมีเลือดกระฉอกออกมา "เร็ว ส่งข่าวไปให้ผู้นำเผ่ามนต์ขาว แล้วเรียกทุกคนที่อยู่ในวังมา ปล่อยบันไดสวรรค์ลงหุบเขาศักดิ์สิทธิ์"
หลินจื่อจวินตกตะลึงไปตั้งนานแล้ว ได้ยินคำพูดของเขาก็อดที่จะกล่าวถามขึ้นมาไม่ได้: "ท่านเจ้าวัง หุบเขา หุบเขาศัทธิ์สิทธิ์เปิดออกเช่นนี้หรอกหรือ? ไม่ได้ต้องการกุญแจของเผ่ามนต์ขาวหรอกหรือ?"
เจ้าวังวังศุทธิเซียนถอนหายใจยาวๆออกมาเฮือกหนึ่ง "ชาวโลกไม่รู้ หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกปิดผนึกในปีที่ฮ่องเต้ซวนหยวนกับฮ่องเต้เฉินทยอยเกิดเรื่องต่อเนื่องกันแล้ว กุญแจแสงจันทร์หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย บัดนี้หุบเขาศักดิ์สิทธิ์เปิดออก ต้องเป็นเพราะกุญแจปรากฏขึ้นมาแล้วอย่างแน่นอน......"
"แต่ว่าศิษย์ไม่เห็นว่าพวกเขามีใครนำกุญแจมาด้วยเลยนี่นา"
"กุญแจแสงจันทร์ ไม่จำเป็นต้องนำมาถึงหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมีการสัมผัสกับกุญแจโอสถน้ำพุก็จะสามารถรวมกันเป็นกุญแจแห่งยา ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด โหลชีก็คือร่างแห่งกุญแจ"
ในเวลานี้โหลชีและคนอื่นๆยังไม่เข้าใจ
ความจริงแล้ว กุญแจหยกที่เหมือนกับแสงจันทร์นั้น ไม่ได้มีการใช้งานอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้
แน่นอนว่า ก็ไม่มีคนรู้เช่นกัน คนของเผ่ามนต์ขาวก็อยู่อีกด้านหนึ่งของด้านหลังเขาศุทธิเซียน เนื่องจากเส้นทางการเกิดไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนของเผ่ามนต์ขาวที่จะมีสิทธิเข้าสู่หุบเขาศัทธิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขารู้แค่ว่าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้กับเขาศุทธิเซียน แต่กลับไม่รู้ว่าหุบเขาศักธิ์สิทธิ์กับเขาศุทธิเซียน ความจริงแล้วมันอยู่ด้วยกัน
"หุบเขาศักดิ์สิทธิ์เปิดกว้าง ที่เปิดออกเป็นเพียงทางที่ถูกปิดผนึกไปก่อนหน้านี้เท่านั้น จะเข้าไปสู่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับโหลชีแล้ว" เจ้าวังวังศุทธิเซียนมองดูท้องฟ้าที่พร่ามัวโกลาหล จู่ๆในดวงตาก็มีน้ำตาที่มีสีเลือดเล็กน้อยไหลออกมา
"ท่านเจ้าวัง......"
โหลชีและคนอื่นๆตกลงไปอยู่ตลอด เวลาดูเหมือนจะนานมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันถึงด้านล่างเร็วมาก
พวกเขาตกลงไปบนเนินลาดชันก่อน บนเนินลาดชันเต็มไปด้วยหญ้าแห้งอ่อนนุ่ม หญ้ายาวมากลื่นมากและหนาทึบมาก ตกลงไปบนนั้นไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ว่ามันก็เหมือนกับพรมลื่น พวกเขาไม่สามารถหยุดความเร็วในการสไลด์ลงได้เลย กลิ้งลงไปอย่างไม่หยุด
"ชีชี!"
เฉินซ่าสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ทิ้งตัวลงไป เร่งความเร็วในการไล่ตามไปทางโหลชี โหลชีกัดฟัน เหวี่ยงแส้ออกไป ในความเร็วขณะกลิ้งที่รวดเร็วก็ไม่ทันได้มองว่าเป็นใคร ดีที่ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ตาไวมือเร็ว มือข้างหนึ่งคว้าปลายแส้เอาไว้ทันที แล้วดึงอย่างแรง ร่นระยะห่างของทั้งสองคนให้สั้นลง ไม่ง่ายกว่าที่จะกอดนางเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง
โหลชีรู้สึกได้ถึงความโล่งใจอย่างมากของเขาได้อย่างชัดเจน
ในสถานที่เช่นนี้ เวลาแบบนี้ สิ่งเดียวที่เฉินซ่ารู้สึกกลัวก็คือการไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับโหลชี ไม่สามารถมองเห็นนาง โอบกอดนางเอาไว้ เคียงบ่าเคียงไหล่กับนาง
"ในเวลาเช่นนี้พวกเจ้าก็ยังสามารถโชว์ความรักได้!" โหลฮ่วนเทียนก็กลิ้งลงมาเช่นกัน ตะโกนออกมาคำหนึ่งอย่างเหลือทน
บรรดาองครักษ์ที่ตามลงมาติดๆต่างก็รู้สึกเหงื่อตกเล็กน้อย ในเวลาแบบนี้......
ทำไมถึงยังมีแรงกระตุ้นที่อยากจะยิ้มได้อยู่อีกนะ?
"ซ่า ข้ามีความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น" โหลชีถูกเฉินซ่าปกป้องเอาไว้อย่างดี ใบหน้าแนบชิดอยู่บนหน้าอกที่ร้อนผ่าวของเขา และก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขาเร็วกว่าปกติเช่นกัน
"เพราะข้าอยู่กับเจ้า" เฉินซ่ากอดนางแน่นมากยิ่งขึ้น
เสียงตุ๊บดังอู้อี้ขึ้นมา พวกเขาตกลงไปข้างล่างก่อน
ทันทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นมาหลายเสียง ทุกๆคนล้วนกลิ้งตกลงมา
เฉินซ่ากอดโหลชีเอาไว้แล้วลุกขึ้นมาก่อน สายตาชำเลืองมอง มองเห็นฮูหยินโหยวที่อยู่ไม่ห่างออกไป กำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น เหลือเพียงมือเดียวขาเดียว บนร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือด แต่เห็นได้ชัดว่านางยังมีชีวิตอยู่
คนชั่วอายุยืนพันๆปี บางทีอาจจะหมายถึงคนอย่างนางนี่แหละ
อวิ๋นกับเยว่มองหน้ากันครู่หนึ่ง มองไปทางเฉินซ่าพร้อมกัน "จักรพรรดิ ข้าน้อยไปจัดการนาง......"
เฉินซ่ากลับส่ายหน้า "ไม่ เก็บชีวิตของนางเอาไว้ชั่วคราวก่อน"
คนคนนี้ตอนนี้ไม่ตายยังดี พวกเขาสามารถมองเห็นสภาพเหตุการณ์ของนางได้โดยตรง หากว่าตายไปแล้ว ใครจะรู้ว่านางตายไปจริงๆ หรือว่าไปช่วงชิงร่างกายของใครอีก?
โหลชีกวาดตามองนางครู่หนึ่ง "น่าจะเพราะไม้เท้ากระดูกของอาจารย์ปู่มีความลี้ลับมหัศจรรย์ นางจึงสร้างปัญหาไม่ได้ชั่วคราวแล้ว"
ไม้เท้ากระดูกที่อยู่ในมือเจ้าวัง คือสิ่งนางเห็นแล้วก็ยังรู้สึกเคารพและยำเกรงเล็กน้อย นางไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่คิดว่าวังศุทธิเซียนก็ต้องมีของล้ำค่าที่มีไว้รักษาความมั่นคงถึงจะถูก แล้วก็อำพันมังกร มันคืออะไรกันแน่?
เพราะอะไรฮูหยินโหยวถึงต้องแยกวิญญาณหุ่นเชิดออกมาไม่ขาดสาย ตนเองกลับซ่อนตัวอยู่ในวังศุทธิเซียนแห่งนี้ตลอด? เป็นเพราะต้องการจะหาอำพันมังกรจริงๆ? อาการป่วยของนางต้องการอำพันมังกรจริงๆหรือ?
แล้วก็ เดิมทีนางก็รอให้สถานที่แห่งนี้เปิดโดยตลอดอยู่แล้ว?
เวลานี้ จู่ๆวู๊วูก็ร้องขึ้นมา
"วูวู!"
โหลชีและคนอื่นๆมองไปทางมัน
ที่แห่งนี้ราวกับช่องแคบระหว่างภูเขาเล็กๆ มีหญ้าประเภทนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ถึงแม้จะแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังนุ่มนวลแวววาวผิดปกติ ใช้มือไปสัมผัสให้ความรู้สึกราวกับผ้าไหม ลมไม่รู้ว่าพัดมาจากไหน หญ้าพวกนั้นแกว่งไกวไปมาราวกับเกลียวคลื่น ดูแล้วมหัศจรรย์มาก แต่ว่าด้านหน้าไม่ไกลออกไปจากพวกเขา กลับมีสถานที่หนึ่งโล้นโกร๋น ไม่มีหญ้าขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ความกว้างเท่าคนสองคนเดินขนานกัน คดเคี้ยวไปข้างหน้า เป็นเส้นทางที่อยู่ในคลื่นหญ้า
ตรงกลางถนนสายนั้น มีต้นพืชสีแดงสดที่ดูเตะตาผิดปกติอยู่ต้นหนึ่ง
หลังจากที่วู๊วูร้องขึ้นมาสองเสียงแล้วก็พุ่งไปทางต้นพืชต้นนั้น แต่ว่าโหลชีขว้างแส้ม้วนไปทางมัน แล้วดึงตัวมันกลับมา
"นั่นก็คืออำพันมังกร"
คนที่พูดคือโหลฮ่วนเทียน
ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน
"ท่านพี่ ท่านรู้ได้อย่างไร?"
โหลฮ่วนเทียนชี้ไปที่ฮูหยินโหยว
ฮูหยินโหยวถึงกับกำลังใช้หนึ่งมือหนึ่งขา ค้ำยันร่างที่พิการคืบคลานไปทางต้นพืชต้นนั้น ด้านหลังร่างกายมีรอยเลือดยาวลากไปตามทาง
"อำพันมังกร อำพันมังกร ที่แท้อำพันมังกรก็อยู่ตรงปากทางประตูหุบเขาศักดิ์สิทธิ์นี่เอง อำพันมังกรเป็นของข้า เป็นของข้า!"
ปากนางพึมพำตะโกนขึ้นมา ไม่สนใจทุกๆคนอีก คลานไปทางอำพันมังกรอย่างไม่หยุดนิ่ง
อวิ๋นแทงกระบี่ลงไปบนพื้นด้านหน้าของนาง ขวางทางไปของนางเอาไว้ "เจ้าจะเอาอำพันมังกรไปทำอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ