ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 634

"เกิดอะไรขึ้น? เจ้าวังอยู่ที่ไหน?"

โหลชีกำลังคิดจะเข้าไปหิ้วตัวเขา เฉิงสิบก็รีบแย่งเข้าไปหิ้วเขามาแล้ว เลยได้รับสายตาชื่นชมจากฝ่าบาท

หลินจื่อจวินหันกลับไปมองตำหนักที่สูงที่สุด พลางหลับตาลงว่า "ความผิดของวังศุทธิเซียน ภัยของวังศุทธิเซียนจริงๆ นางมารเยี่ยงนั้นซ่อนตัวในวังศุทธิเซียนมาหลายปีขนาดนี้ กลับมิมีผู้ใดพบเจอนางเลย ตอนนั้นเจ้าวังพานางกลับมา ดังนั้นตอนนี้เจ้าวังจึงคิดจะรับผิดชอบด้วยตัวเองผู้เดียว จะขับไล่นางมารนั่น แต่นางมารร้ายกาจมากเกินไป วังศุทธิเซียนใกล้จะถูกทำลายแล้ว! ทำศิษย์พี่ศิษย์น้องมากมายล้มตาย!"

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกใจ มีนางมารอะไรมาอีกเนี่ย?

โหลชีเองยังคิดไม่ตก นางรู้สึกว่าผู้หญิงบ้านั่นต้องวิญญาณแตกสลายแน่แล้วแท้ๆ ตอนนั้นนางมองเห็นเต็มตา ทางนี้ทำไมยังมีนางมารอีกคนหนึ่งล่ะ? หรือว่าตอนนี้นางมารมีเต็มใต้หล้ากันแล้วเนี่ย?

พวกเขาสลัดหลินจื่อจวินทิ้ง รีบเหาะขึ้นยอดเขา

หลินจื่อจวินยืนมองตามแผ่นหลังพวกเขาอยู่ที่เดิมอย่างงุนงง ทันใดนั้นก็กัดฟันกรอดตามขึ้นไปด้วย

ช่างเถิดช่างเถิด!

ถ้าวังศุทธิเซียนจะล่มสลายตอนนี้แล้วจริงๆ เขาก็จะขอฝังร่างไว้ที่นี่ด้วย! ยังไงซะเขาก็เติบโตมาในวังศุทธิเซียน ที่นี่คือบ้านของเขา! บ้านแตกแล้ว หากครอบครัวตายหมด เขาอยู่รอดคนเดียวจะมีความหมายอะไรอีก

"เจ้าวัง! ศิษย์มาแล้ว!"

หลินจื่อจวินพกเอาท่าทีตัดสินใจเด็ดขาดแล้ววิ่งกลับเข้าตำหนักอีกครั้ง

พวกโหลชีกับเฉินซ่าเข้ามาเร็วกว่าเขาสองก้าว แต่ตอนพวกเขามาก็ได้ยินเพียงเสียงบรึ้ม เศษกระเบื้องหินมากมายลอยออกมา รอจนพวกเขาหลบพ้นแล้วเจ้าตำหนักใหม่ ฝุ่นผงในนั้นคละคลุ้ง แต่ไม่พบใครเลย

มีแต่ซากศพที่พื้นไม่กี่ศพ ใส่ชุดวังศุทธิเซียน ล้วนเป็นศิษย์วังศุทธิเซียน แต่ใบหน้าพวกเขาบิดเบี้ยว ใบหน้าเหี่ยวย่น สีหน้าเทา ดูเหมือนดูดฝิ่นมาเป็นเวลานาน แต่ละคนสภาพอนาถมาก

โหลชีเข้าไปสำรวจศพพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดูไม่ออกเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน ตอนนี้เองหลินจื่อจวินเข้ามาแล้ว

"ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วดี ดังนั้นเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องในวังจึงล้วนเคารพนบนอบนาง แต่ใครก็ไม่คิดว่า อันที่จริงนางได้แอบร่ายมนต์ใส่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องนานแล้ว! เจ้าวังบอกว่า นางสูบจิตวิญญาณของพวกเขามาเป็นของตน" หลินจื่อจวินมองดูเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เคยพูดคุยเล่นหัวกันมากับเขาในวันวานตอนนี้กลับนอนตายตาไม่หลับแล้ว ปวดหัวใจยิ่งนัก

"ฮูหยินโหยวใช่ไหม?" โหลชีกัดฟันกรอด

มนต์

มนต์ดำอีกแล้ว

ท่านยายของนางน่าจะเป็นเผ่ามนต์ขาว ตามคำบอกเล่าของหยุนโยวเมื่อก่อน นางไม่น่าจะชอบมนต์ดำ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรียนมนต์ดำเลยด้วย

ดังนั้นนั่นน่าจะไม่ใช่ท่านยายของนาง

แต่ถ้าไม่ใช่ท่านยายของนาง ตอนนั้นทำไมถึงรับรู้ได้ว่าหยุนโยวเกิดเรื่องขึ้น และยังมาหานางให้รีบไปช่วยคนอีกล่ะ?

"ฮูหยินโหยว และก็ไม่ใช่ฮูหยินโหยว" หลินจื่อจวินกัดฟันบอก "ข้าไม่แน่ใจ เจ้าวังเป็นคนพูดคำนี้เอง!"

"พวกเขาจะไปที่ไหนกันล่ะ?"

"เขตหวงห้ามหลังเขา..."

เขตหวงห้ามหลังเขา

ทุกคนรีบเหาะกันไป

พอเห็นเขตหวงห้ามนั่น โหลชีสบตากับเฉินซ่า ต่างมองแววตะลึงในดวงตาอีกฝ่าย เพราะเขตหวงห้ามนี่ จากจุดที่พวกเขายืนอยู่ทางเข้าแล้วเห็นอยู่ตอนนี้นั้น เหมือนกับเขตหวงห้ามของเผ่าชักมังกรไม่ผิดเพี้ยน!

"นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?" เฉินซ่าเองก็ขมวดคิ้วแล้ว

เวลานี้ รอยแยกบนท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุม เหมือนโดนอะไรดึงดูดให้ไป ได้เคลื่อนย้ายมาที่ตำหนักยอดเขา ค่อยคืบคลานมาที่เขตหวงห้าม

เสียงบรึ้มดังขึ้น หินทรายกระจายบินว่อน พื้นดินสะท้านสะเทือน

เสียงดาบกระบี่แว่วลอยมา ลมพัดแรงขึ้น และแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาแทบยืนไม่อยู่แล้ว ผิวหน้าทุกคนโดนลมพัดจนเหี่ยวย่น พูดจาก็ต้องอาศัยตะโกน

"ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เข้าไปดูก่อน" โหลชีตะคอกดัง ไม่ว่าฮูหยินโหยวในนั้นจะเป็นยังไง พวกเขาไม่เห็นกับตา ไม่ทำลายลงกับมือ ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี

แต่ละคนพยายามฝ่าลมบุกเข้าไป

เมฆดำกดทับด้านบน บนพื้นดินสีดำ ล้วนมีหลุมลึกที่ระเบิดออกมาทุกที่

ผู้อาวุโสวังศุทธิเซียนสภาพน่าอนาถเจ็ดคนพยายามคุมค่ายกลกักวิญญาณอย่างยากลำบาก เจ้าวังยืนอยู่บนไหล่คนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าหัวกระดูกที่ดำเมี่ยมอันหนึ่ง กำลังชี้ไปที่สตรีในค่ายกลด้วยสีหน้าโกรธจัด

เหนือหัวพวกเขา หมอกดำนั่นที่ประหนึ่งพายุหมุนกำลังใกล้จะลงมาแล้ว ทำเอาฝุ่นผงคละคลุ้งจนเคืองตาผู้คนได้

ผู้หญิงตรงกลางนั่นผมสีดำกลายเป็นครึ่งดำครึ่งเทา ผมเผ้ากระจาย แต่ในตอนที่นางหันหน้ามา โหลชีเห็นใบหน้านาง สตรีวัยกลางคนที่เดิมใบหน้ามีเสน่ห์ ตอนนี้กลับใบหน้าเรียบลื่นดุจลูกพลัม งดงามดุจดอกโบตั๋น ริมฝีปากแดงฟันขาว ดูแล้วอายุแค่ยี่สิบสี่ยี่สิบห้าเท่านั้น อายุกำลังงาม แต่พอมาคู่กับผมครึ่งดำครึ่งเทา กลับดูแปลกนัก

นางใส่ชุดสีม่วง คลุมเสื้อคลุมขนมิ้งค์ขาว ข้อมือใส่กำไลสีเงิน โหลชีมองออกในทันทีว่า กำไลนั่นเหมือนกับที่นางเห็นในกล่องเป๊ะ

หรือว่าจะเป็นคู่กัน?

ฮูหยินโหยวก็มองเห็นโหลชี แววตานางเผยประกายแสงประหลาดออกมา เหมือนกำลังตื่นเต้น และก็เคียดแค้น และเหมือนกับคนอดอยากที่เจออาหาร

แววตานี้โหลชีคุ้นเคยดี ตอนผู้หญิงบ้าคนนั้นมองนางถึงจะไม่มีแค้น แต่แทบจะเหมือนกันเลย!

โหลชีเริ่มผุดความคิดบ้ามากอันหนึ่งขึ้นมา แต่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ