ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 638

"ใช่แล้ว พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?" ซวนหยวนจ้านก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ "เสี่ยวชี หลายปีมานี้เจ้า......" ไปอยู่ที่ไหนมา? เติบโตมาอย่างไร? มาอยู่กับเฉินซ่าได้อย่างไร?

เขามีคำถามมากมายเหลือเกิน

และฮ่องเต้เฉินก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

"ซ่าเอ๋อร์ พิษกู่ในร่างกายของเจ้า?"

"แก้แล้ว"

ที่แท้ ฮ่องเต้เฉินรู้ว่าเขาถูกพิษกู่แล้ว

"ตอนนี้ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?"

"ถามต่อไปเช่นนี้จะถามไปถึงเมื่อไหร่กัน? เสด็จ......เสด็จแม่ล่ะ?"

"เสด็จแม่เจ้า......" สีหน้าของฮ่องเต้เฉินแปลกประหลาดเล็กน้อย เฉินซ่าขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เขารีบส่ายหน้าทันที: "นางยังมีชีวิตอยู่!"

ซวนหยวนจ้านกล่าวว่า: "ให้ข้าพูดดีกว่า เฉินซ่า ตอนนั้นเสด็จแม่ของเจ้าช่วยท่านตาของเสี่ยวชีเอาไว้ ตอนนี้จึงได้แต่แช่อยู่ในสระพลังชีวิต ไม่สามารถออกมาได้"

ทีนี้ เฉินซ่ากับโหลชีต่างก็ตกตะลึงไป

โหลชีร้องเสียงหลงออกมา: "ท่านตาข้ายังมีชีวิตอยู่?"

ซวนหยวนจ้านส่ายหน้า "พวกเจ้าไปดูก็จะรู้เอง"

.......

ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ภาพมายาจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายสิบฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ทุกวันไม่มีอะไรทำ ก็คือค้นหาวิธีการออกจากหุบเขา ต่อกรกับภาพมายา ฆ่าสัตว์ป่าสองสามตนเป็นครั้งคราว ต่อสู้กับสภาพอากาศที่เลวร้าย นอกเหนือจากนี้ ยังต้องค้นหาอาหาร ค้นหาของที่สามารถกันความหนาวเย็นที่สามารถใช้แทนเสื้อผ้าได้

ถ้าหากว่าเป็นเมื่อวาน เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็คือชุดที่ทำมาจากผ้ากระสอบ ไม่ใช่ชุดที่เก็บรักษาเอาไว้อย่างดีชุดนี้

ระหว่างทางที่เดินหน้า ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยของซวนหยวนจ้านกับโหลชี

ตอนนั้น หุบเขาศักดิ์สิทธิ์เกิดภาพนิมิต ผู้นำเผ่ามนต์ขาวรู้ว่าฮ่องเต้เฉินและฮองเฮาพาไท่จื่อผ่านมา เลยส่งคนไปเชิญพวกเขาเข้าสู่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ง่ายที่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์จะเปิดสักครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะหาสมบัติล้ำค่าและยารักษาโรคให้กับเฉินซ่า พวกเขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน จึงย้อนกลับมากลางทาง

ในตอนแรกยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าต่อมาห้วงเวลาบิดเบี้ยว ดูเหมือนจะมีคนอยากจะเอาชีวิตของพวกเขาอย่างลับๆ ในหุบเขาสถานการณ์อันตรายเกิดขึ้นอยู่ตลอด คนที่พวกเขาพามาด้วยก็ไม่มีใครรอดพ้นจากภัยพิบัติ กู่จิ้งเอ๋อร์ตกลงไปในสระพลังชีวิต ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ฮ่องเต้เฉินได้แต่ให้คนรับใช้ใกล้ชิดพาเฉินซ่าออกไปจากหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ก่อน ตัวเองก็อยู่ตามหาภรรยาสุดที่รัก

ซวนหยวนจ้านกลับถูกห้วงเวลาที่บิดเบี้ยวดึงเข้าโดยตรง

หลังจากนั้นหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกปิดผนึกเพราะห้วงเวลาที่บิดเบี้ยว

หลายสิบปีมานี้ พวกเขาอยู่ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็เคยพบกับคนที่เมื่อก่อนเข้ามาล่าขุมทรัพย์ หลังจากนั้นก็ออกไปไม่ได้อีก แต่ว่าคนพวกนั้นส่วนใหญ่ชราภาพแล้ว ไม่นานต่างก็ทยอยตายจากไป

"เหตุผลที่ข้ากับฮ่องเต้เฉินมาถึงที่นี่ ท่านพ่อตากล่าวแล้วว่า ต้องเป็นเพราะกลอุบายของวิญญาณต่างโลกในตอนนั้นแน่" ใบหน้าของซวนหยวนจ้านเต็มไปด้วยความโกรธ "นางสร้างความหายนะให้กับท่านพ่อตากับเสี่ยวชียังไม่พอ เดิมยังวางแผนจะควบคุมแต่ละราชวงศ์เอาไว้ในกำมือ กักขังจักรพรรดิของแต่ละราชวงศ์เอาไว้ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้นางได้ดูดซับพลังชี่แห่งจักรพรรดิเป็นระยะๆ "

"แต่ว่าข้ากับฮ่องเต้เฉินจะยอมให้นางสมหวังได้อย่างไร? หากใต้หล้าอยู่ในการควบคุมของนาง ก็จะมีชาวบ้านนับไม่ถ้วนต้องตายภายใต้การฝึกวรยุทธที่บ้าคลั่งของนาง วิชามนต์ที่ชั่วร้ายจะรุ่งเรือง นับถือในความคาดหวังการเป็นอมตะอย่างบ้าคลั่งของนาง!"

ซวนหยวนจ้านกล่าวเสียงขรึม: "ฮูหยินโหยวมีคุณธรรม เสียสละการฝึกตนทั้งหมดและชีวิตโดยสมัครใจด้วยตนเอง ช่วยท่านพ่อตาวางค่ายกลแห่งวิญญาณต้องห้าม ไม่ให้วิญญาณต่างโลกนั่นเข้าสู่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ยังใช้วิชาคาถาวิญญาณ สร้างความเสียหายต่อการฝึกตนของนางอย่างมาก ทำให้นางจำต้องใช้คาถาลอกวิญญาณรักษาเสถียรภาพพลังวิญญาณของตัวเองเอาไว้ และก็ไม่สามารถออกจากเขาศุทธิเซียนแห่งนี้ได้! นอกเสียจากว่านางจะได้อำพันมังกร"

ซวนหยวนจ้านมองไปทางเฉินซ่า: "ในตอนนั้นเพื่อช่วยเสี่ยวชีท่านพ่อตาสูญเสียการฝึกตนไปกว่าครึ่งแล้ว จะวางค่ายกลและวิชาคาถาวิญญาณเช่นนี้ จำต้องดูดซับการฝึกตนและกำลังวังชาของคนอีกคนหนึ่ง เสด็จแม่ของเจ้าจึงอุทิศการฝึกตนทั้งหมดและกำลังวังชากว่าครึ่งเพื่อสิ่งนี้ เพราะเหตุนี้ร่างกายจึงอ่อนแออย่างยิ่ง ทำได้เพียงแช่อยู่ในสระพลังชีวิต แล้วใส่น้ำดอกไม้พลังชีวิตจำนวนมากลงไปทุกวันเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ตอนนั้นหลังจากที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้แล้วท่านตาของเสี่ยวชีก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดเกินครึ่งปีได้ ข้ากับฮ่องเต้เฉินก็ค้นหาวิธีออกจากหุบเขามาโดยตลอด จวบจนถึงวันนี้"

โหลชีกับเฉินซ่าฟังจนพูดอะไรไม่ออกนานพักใหญ่

หมายความว่า ตอนนั้นพวกเขาอยู่ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ยังเคยต่อสู้กับวิญญาณต่างโลกนั่นข้ามหุบเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างดุเดือดครั้งหนึ่ง และเหตุผลที่ฮูหยินโหยวออกไปจากหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ไม่ได้เป็นเพราะโรคประหลาดอะไร แต่เป็นเพราะถูกท่านตาของนางใช้วิชาคาถาวิญญาณทำร้าย!

ฮูหยินโหยว ท่านยายของนาง สมัครใจเสียสละตัวเอง ใช้ร่างกายของตนเอง กักขังผู้หญิงบ้าคนนั้นเอาไว้

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขา บางทีตอนนี้แผ่นดินใหญ่หลงหยินแห่งนี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงบ้าคนนั้นแล้ว ด้วยความบ้าคลั่งของผู้หญิงคนนั้น ถึงเวลานั้นจะต้องมีชาวบ้านมากมายแค่ไหนที่ต้องตายอย่างอนาถ ถึงเวลานั้น ทั่วทั้งใต้หล้าต่างก็จะฝึกวิชาเฉือนวิญญาณชิงร่างที่ชั่วร้ายของนาง จิตใจของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก ที่บ้าก็บ้าไป ผู้ที่ไม่บ้าก็ถูกบีบคั้นจนตาย ไม่ว่าความสัมพันธ์ใดๆก็จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลจากวิชาชั่วร้ายแบบนี้

ทั่วทั้งใต้หล้าจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนกัน?

แต่ว่าผู้คนในใต้หล้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ความสงบสุขของพวกเขา ความมั่นคงของแผ่นดินใหญ่หลงหยินแห่งนี้ คือสิ่งที่คนเหล่านี้แบกรับเอาไว้อย่างสุดชีวิต!

จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหล่านั้นไม่รู้ว่า เหตุผลที่พวกเขายังสามารถมีชีวิตอยู่อย่างดี นั่งอยู่บนบัลลังก์นั่น เป็นเพราะฮ่องเต้เฉิน ฮ่องเต้จ้าน เพราะท่านตาและท่านยายของนาง!

พวกเขายังถึงขนาดคอยซ้ำเติมราชวงศ์เฉินกับราชวงศ์ซวนหยวนอยู่ตลอด! โหลชีรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที เฉินซ่าเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของนางก็รู้แล้วว่านางคิดอะไร รีบจับมือของนางเอาไว้ทันที

"รอให้ข้าออกไปแล้ว จะนำทัพเหยียบใต้หล้านี้ให้ราบคาบ"

"ไปด้วยกัน!"

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของโหลชีถูกจุดประกายขึ้นมาในทันที

พวกเขาล้วนไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว เดิมทีก็ไม่พอใจแต่ละราชวงศ์อยู่แล้ว ตอนนี้มารู้ความจริง ไหนเลยจะยังอดทนเอาไว้ได้?

สามีภรรยาคู่นี้ หลังจากที่ออกจากหุบเขาแล้วก็นำทัพกวาดล้างใต้หล้าจริงๆ โคนล่มแต่ละราชวงศ์ใหญ่ทั้งหมดลงมา นับแต่นี้เป็นต้นไปหลงหยินมีเพียงนามสกุลเฉินกับซวนหยวนเท่านั้น!

เห็นพวกเขาหยิ่งทะนงโอหังเช่นนี้ ฮ่องเต้เฉินกับซวนหยวนจ้านมองหน้ากันครู่หนึ่ง ต่างก็รู้สึกอาจหาญและยิ่งใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด

"ใช่ เราต้องสามารถออกไปได้แน่ หนึ่งปีไม่ได้ ก็สิบปี!"

ซวนหยวนจ้านตบไปที่หัวไหล่ของโหลชีเบาๆ

ลูกสาวคนเล็กคนนี้ เติบโตจนสูงและดีเช่นนี้แล้ว นิสัยก็เหมือนเขาจริงๆ

โหลชียกอำพันมังกรที่อยู่ในมือขึ้นมา ยิ้มจนคิ้วตาโค้ง: "พนันกันเลย เราสามารถออกไปได้ภายในวันเดียว ถ้าหากท่านแพ้ หลังจากที่กลับซวนหยวนแล้วก็พยายามทำลูกกับแม่ข้า ให้กำเนิดน้องชายให้ข้าเล่นคนหนึ่ง"

"แค่กๆๆๆ!" ซวนหยวนจ้านไอจนหน้าแดงก่ำไปหมด ไม่ไหว ไม่ไหว ใครเป็นคนเลี้ยงลูกสาวสุดที่รักของเขากัน? ทำไมคำพูดอะไรก็กล้าพูดได้!

ถูกเจ้าหนูเฉินซ่าสอนจนเสียคนใช่ไหมเนี่ย?

เฉินซ่าที่ถูกพ่อตาจ้องมองด้วยสายตาโกรธเคืองกอดโหลชีเข้าไปในอ้อมแขนของตนเองด้วยใบหน้าสงบนิ่ง "ถ้าหากว่าชอบเด็ก ข้าจะพยายาม เราให้กำเนิดเองไม่ดีกว่าหรือ?" เขากระซิบข้างหูของโหลชี

"นี่คืออำพันมังกร?" ฮ่องเต้เฉินกลับจ้องมองอำพันมังกรที่อยู่ในมือของโหลชี ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายเจิดจ้า

โหลชีพยักหน้า

"อำพันมังกรมีจิตวิญญาณ รากตื้นเขิน ว่ากันว่ามันสามารถเลือกสถานที่เติบโตไปตามลม ดังนั้นจึงมีคนบอกว่าที่คือยาวิเศษที่วิ่งหนีและหลบซ่อนตัวเป็น เพราะว่ามันไม่ได้เติบโตอยู่กับที่ อำพันมังกรเหนือกว่าปลาดุกเทพ ผู้ที่มีวาสนาอย่างมากเท่านั้นถึงจะได้มันมา เจ้าได้มันมาได้อย่างไร?"

ฮ่องเต้เฉินยากที่จะปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ