โหลชีอาเจียนแต่อาเจียนอะไรไม่ออก ความรู้สึกคลื่นไส้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกนางสงสัยว่าตัวเองกินอะไรผิดไป ยังสงสัยว่าน้ำที่ส่งมาในครั้งนี้มีปัญหา แต่ว่าเมื่อการคาดเดาพวกนี้ถูกนางตัดไปทีละข้อ จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทันทีที่ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่ให้ความสนใจกับนางอยู่ตลอดเห็นสีหน้านางเปลี่ยนไป หัวใจก็เต้นโครมคราม กระดอนขึ้นมาถึงลำคอในทันที รีบอุ้มนางขึ้นมาในแนวนอนทันที
"หมอเทวดา!" เขาตะโกนขึ้นมาคำหนึ่งอุ้มนางเอาไว้แล้วบินโฉบไปทางตำหนักยา
บรรดาองครักษ์ลับของตำหนักสามตำหนักสองเห็นจักรพรรดิกับจักรพรรดินีหายไปในทันใด ต่างก็กระโดดออกมาอย่างประหม่า ไล่ตามไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ตลอดทาง คนมากมายขนาดนี้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาไม่น้อย ทำให้พ่อลูกซวนหยวน ซวนหยวนคง เฉิงสิบ องครักษ์เยว่ แล้วก็คู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานทั้งสามคู่ต่างก็เปิดประตูวิ่งออกมา
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"จักรพรรดิอุ้มจักรพรรดินีไปทางตำหนักยาแล้ว!" เพราะผู้ที่ส่งเสียงสอบถามคือซวนหยวนจ้าน เฉิงสิบจึงไม่กล้าปิดบัง
ซวนหยวนจ้านและคนอื่นๆต่างก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาในทันที
"เฉินซ่าไอ้สารเลวนั่นมันทำอะไรกับเสี่ยวชีของเรา?"
"ไป รีบตามไปดูกันเร็ว!"
ซวนหยวนฮ่วนเทียนเห็นเสด็จพ่อกับเสด็จอาของตัวเองกำลังจะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว รีบยื่นมือออกไปคว้าตัวพวกเขาเอาไว้อย่างจนใจ "พวกท่านแน่ใจหรือว่าตำหนักยาอยู่ทางนั้น?"
ซวนหยวนจ้านถลึงตาจ้องมองเฉิงสิบครู่หนึ่ง "เจ้าหนุ่มซื่อบื้อ ยังไม่นำทางอีก!"
ดังนั้น คนกลุ่มหนึ่งต่างก็มุ่งหน้าไปทางตำหนักยาอย่างอึกทึกครึกโครม
เวลานี้โหลชีกลับไม่ประหม่าแล้ว และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลทางด้านจิตวิทยาหรือเปล่า หลังที่ตัวเองแน่ใจความรู้สึกคลื่นไส้ก็ดีขึ้นมาอย่างมากในทันที
"ซ่า ท่านต้องอุ้มให้ดีนะ อย่าให้สั่นไหวมากเกินไปล่ะ" เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านข้างหู โหลชีเห็นท่าทางเขาประหม่าเช่นนี้ หัวเราะพุดออกมาอย่างมีความสุข
"เจ้ายังจะหัวเราะอีก?"
เฉินซ่าอุ้มนางหยุดลงในสวนด้านหลังของตำหนักยา เห็นรอยยิ้มที่สดใสของนาง ก็กัดฟันขึ้นมาทันที
หมอเทวดาพาลูกน้องดูแลยาออกมาต้อนรับอย่างเร่งรีบ
"หมอเทวดา รีบตรวจให้นางเร็ว"
ตัวโหลชีเองในเวลานี้ก็แน่ใจแล้ว แต่ก็อยากจะให้หมอเทวดาจับชีพจรอีกครั้ง ก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ แต่เมื่อนางเห็นว่าเฉินซ่ายังอุ้มนางเอาไว้ตลอด ก็อดที่จะเตือนสติไม่ได้: "ถ้าอย่างไรท่านวางข้าลงมาก่อนดีไหม?"
"ใช่ จักรพรรดิ วางจักรพรรดินีลงมาก่อนเถอะ" หมอเทวดาปาดเหงื่อ เช้าตรู่เช่นนี้ การต่อสู้ของจักรพรรดิจักรพรรดินีทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมคราม ได้รับความตระหนกตกใจไม่น้อย
เมื่อก่อนพิษกู่ของจักรพรรดิมักจะกำเริบอยู่บ่อยๆ แต่ว่าปีสองปีมานี้ล้วนปลอดภัยไร้กังวล เขารู้สึกว่าตัวเองปลูกยาสมุนไพรทำยาทุกวันรู้สึกว่างและสบายมาก คนก็เกียจคร้านไปแล้ว ใกล้จะไม่ชินกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้แล้ว มันทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อยจริงๆ ยังนึกว่ามีพิษร้ายแรงหรือว่ากู่ประหลาดอะไรเสียอีก
เฉินซ่าเพิ่งจะวางโหลชีลงไปบนเก้าอี้ยาวอย่างระมัดระวัง ข้างนอกก็มีเสียงคำรามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของซวนหยวนจ้านดังมา
"เจ้าหนูตระกูลเฉิน! เสียวชีของเราเป็นอะไรไป?"
เขาเป็นพระราชาของประเทศแล้ว ท่านพ่อตาของเขาท่านนี้ยังเอาแต่เรียกเขาว่าเจ้าหนูเฉินซ่าอยู่ตลอด เรียกเช่นนี้ทำให้เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดึงดันมุทะลุ ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่!
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินซ่าดำมืดเล็กน้อย "ทหาร ขวางคนเอาไว้! ห้ามให้ผู้ใดรบกวนการวินิจฉัยชีพจรของจักรพรรดินี!"
เทียนยีตี้เอ้อเฉิงสิบและคนอื่นๆทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร่วมมือกันขวางอยู่ตรงหน้าประตูตำหนัก
ใบหน้าของซวนหยวนจ้านก็ดำมืดลงมาเช่นกัน "พวกเจ้าทั้งหลายเป็นคู่ต่อสู้ของข้าหรือ? ไม่อยากถูกข้าเตะก้นก็รีบถอยออกไปเลย!"
ซวนหยวนคงก็ถลึงตาเช่นกัน "พวกเจ้าจะก่อกบฏหรือ กล้ามาขวางเรา?"
เฉิงสิบทำหน้าระทมทุกข์ "ฮ่องเต้จ้าน ท่านอ๋อง ได้โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย เราก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน" หากว่าพวกเขาไม่ฟังคำสั่งของจักรพรรดิ นั่นถึงจะเป็นการกบฏที่แท้จริง
นี่คือเทพเซียนทะเลาะกันมารน้อยรับเคราะห์จริงๆ ความจริงใครจะดูไม่ออกล่ะ เพราะจักรพรรดินีท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็แค่ใช้โอกาสนี้ทะเลาะวิวาทกันที่นี่เพราะความอิจฉาเท่านั้น ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ?
องครักษ์เยว่ขยิบตาให้ซวนหยวนฮ่วนเทียนอย่างลำบากใจ หวังให้ท่านผู้นี้สามารถช่วยไกล่เกลี่ยให้ ไหนเลยจะคิดว่าซวนหยวนฮ่วนเทียนจะสะบัดชุดคลุมดิ้นทอง ไปนั่งอยู่บนหินประดับที่อยู่ด้านข้าง ปรบมือพร้อมหัวเราะฮิๆขึ้นมา: "เฮ้ย พวกท่านจะสู้ก็สู้ให้มันน่าดูหน่อยนะ ทุกวันนี้น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว สู้กันให้ดูหน่อย!"
ทุกคนแทบจะหัวเราะจนท้องแข็งขึ้นมาพร้อมกัน
โหลชีอยู่ในตำหนักพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จำต้องส่งเสียงกล่าวออกมาว่า: "พวกท่านเสียงดังเกินไปแล้ว"
ฝ่ามือของซวนหยวนจ้านตบไปทางซวนหยวนฮ่วนเทียน กล่าวดุไปด้วย: "เป็นเพราะเจ้าหัวเราะน่าเกลียดเกินไป รบกวนน้องหญิงของเจ้าแล้ว!"
"เชี้ยเอ้ย!" ซวนหยวนฮ่วนเทียนกระโดดออกไปในทันที จ้องมองไปทางเขาด้วยสายตาโกรธเคือง: "ท่านกับเสด็จอาเอะอะโวยวายก่อน อย่าผลักความรับผิดชอบมาที่ข้าหน่อยเลย!"
ทุกคนต่างก็แหงนมองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด
ทันทีที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้มา พวกเขาก็อย่าคิดที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขเลยจริงๆ
กระบี่ดื่มเลือดของเฉินซ่าถูกโยนออกมาทั้งกระบี่ทั้งฝัก "หุบปากให้หมด!"
เดิมทีหมอเทวดาคือได้รับความตื่นตระหนกตกใจ ถูกพวกเขาก่อกวนวุ่นวายเช่นนี้กลับสงบสติอารมณ์ลงมา ได้จับชีพจรให้กับโหลชีแล้ว
ทันใดนั้น เขาก็เบิกตากว้าง มองดูโหลชีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"จักร.. จักรพรรดินี........." อาจจะเป็นเพราะว่ากะทันหันเกินไป ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงกับตะกุกตะกักจนพูดไม่ออก
โหลชีเห็นการแสดงออกทางสีหน้าและปฏิกิริยานี้ก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดไม่ผิด นางถอนหายใจเบาๆก่อน จากนั้นก็กะพริบตา ริมฝีปากก็ฉีกรอยยิ้มออกมา
"รอเดี๋ยว ชีชี เจ้าอย่าเพิ่งยิ้มเช่นนี้ ทำไมข้ารู้สึกขนลุกในใจล่ะ?" เฉินซ่าไม่เคยเห็นโหลชีเผยรอยยิ้มเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงจับมือของนางเอาไว้แน่นในทันที
"คนโง่" โหลชีมองดูเขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
เฉินซ่ามองไปทางหมอเทวดา หมอเทวดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า: "จักรพรรดิ กระหม่อมแจ้งข่าวดีแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ