ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 66

อันที่จริง อันที่จริงมีคนไม่มากที่ติดตามเฉินซ่าท่องยุทธภพเพื่อพิชิตโลกจริงๆ ตอนนี้พ่อบ้านแม่บ้านใหญ่ทั้งยี่สอบคนในพั่วอวี้ อย่างน้อยเจ็ดส่วนเป็นคนดั้งเดิมในพั่วอวี้ มีบางส่วนติดตามอดีตเจ้าเมืองต่อมาได้ยอมจำนนต่อเขา บางคนมีความแค้นและความเกลียดชังต่ออดีตเจ้าเมืองและเข้าร่วมกับเขาด้วยความสมัครใจเอง

คนเหล่านี้อาจจะไม่ได้สามัคคีปรองดองกันขนาดนั้น แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาต่างหวังว่าตำหนักจิ่วเซียวสามารถยืนหยัดและมั่นคงอยู่ในโลกนี้ได้! พั่วอวี้ สามารถเป็นประเทศได้! ด้วยวิธีนี้ ตำแหน่งของพวกเขาสามารถสูงขึ้น พลังอำนาจสามารถมากขึ้น จะได้เดินออกไปได้อย่างสง่างาม!

ผู้ชายในโลกนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน? ใครไม่อยากมีชื่อเสียง?

เจ้าเมืองคนก่อนแม้มีความทะเยอทะยาน และมีความสามารถ แต่ยังไงก็ไปไม่ถึงจุดหมาย และตอนนี้พวกเขาฝากความหวังไว้ที่เฉินซ่า เฉินซ่า มีความสามารถและความกล้าหาญนั้นอย่างแน่นอน หากเพราะพลังอำนาจที่พระสนมนำมา เช่นนั้น ความรุ่งโรจน์ของพั่วอวี้กำลังจะมา!

ทุกคนมีความสุขยินดีปรีดา ในเวลาเดียวกันก็มีความภาคภูมิใจ พวกเขากำลังเตรียมการอย่างลับๆ เตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกพระสนม พวกเขาก็สามารถเริ่มวางแผนปฏิบัติการได้ทันที เริ่มได้ทันที!

สาวงามทุกคนแต่งตัวหรูหราและเตรียมพร้อม พูดได้ว่า พวกนางได้ผ่านมาหลายด่าน และมีคนตกรอบไปเยอะ ไม่ใช่แค่สาวงามที่มีสถานะจากทั่วทุกมุมโลกที่มาที่นี่ แต่ยังรวมถึงบางคนที่ต้องการฉวยโอกาสเข้าไปในตำหนักจิ่วเซียว ได้เป็นนางบำเรอก็ยังดี เป็นสาวที่มีอำนาจในพั่วอวี้ เป็นนางบำเรอ ล้วนมีคุณสมบัติมาเข้าร่วมพิธีคัดเลือกพระสนม และเมื่อเปรียบเทียบกับองค์หญิงเป่ยชาง ด่านที่พวกนางต้องฝ่ายังมีอีกมากมาย

ตั้งแต่เช้าก็ต้องตรวจร่างกายก่อน

แน่นอน การทดสอบนี้ค่อนข้างซับซ้อนเช่นกัน ต้องดูว่ายังบริสุทธิ์หรือไม่ และรูปร่างสวยงามหรือไม่ อ้วนไปไม่ได้ ผอมเหลือแต่กระดูกไม่ได้ ขี้เหร่เกินไปไม่ได้ ร่างกายพิการไม่ได้ ร่างกายไม่ขาวไม่สะอาดไม่ได้ มีกลิ่นปากไม่ได้ มีกลิ่นตัวไม่ได้ มีขนตามตัวเยอะไปไม่ได้...... ยังไง ก็ต้องให้สวยงามสุดๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นผลให้สาวงามในกลุ่มนี้ เหลือเพียงสิบคนเท่านั้น

ในสิบคนนี้ ก่อนหน้านี้มีสามคนจากตำหนักหนึ่งรวมอยู่ด้วย มีท่านหนึ่งชื่อหลันอี้เป็นลูกสาวของอดีตเจ้าเมืองเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งก่อน จึงถูกตัดสิทธิ์ออก

บวกกับสาวงามที่มีสถานะเหล่านั้นแล้ว มีสาวงามทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน

สาวงามยี่สิบเอ็ดคน ใช้เวลาช่วงบ่ายในการเตรียมความพร้อม จากนั้นในงานเลี้ยงตอนกลางคืนก็ต้องแสดงด้านที่สวยงามที่สุดของตัวเอง สุดท้ายก็จะมีเฉินซ่าเป็นคนเลือก ส่วนจะเลือกใคร และจะเลือกกี่คน นั่นเป็นเรื่องของเขาเอง

บ่ายวันนี้ ในที่สุดสาวใช้ในตำหนักจิ่วเซียวก็รู้ซึ้งว่าสาวใช้ของนายท่านนั้นต้องทำงานยุ่งขนาดไหน เพราะสาวงามเหล่านั้นต่างมีความปรารถนาของตัวเอง และพยายามทำให้ดีที่สุด และแสดงด้านที่สวยงามที่สุดของตัวเองออกมา ดังนั้นพวกเขาจะขอสิ่งของต่างๆ หรือให้พวกนางสอบถามข้อมูลของสาวงามคนอื่นๆ พูดสั้นๆคือ มันเป็นวันที่วุ่นวายที่สุด

ทุกคนกำลังยุ่งมาก และในวังก็เริ่มเตรียมงานตั้งแต่ตอนเย็น มีโต๊ะและที่นั่งบนทางเดิน และตรงกลางมีก้อนอิฐสีเทาเป็นลานกว้างใหญ่ ปูพรมเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง รอบๆพรมมีเสาโคมไฟสูงขนาดเท่าเอวคน ด้านบนมีโคมไฟวังสามารถส่องสว่างสนามเต้นรำได้อย่างชัดเจน

มีสาวใช้บริการผลไม้สดและเหล้าชั้นดี องครักษ์เฝ้าอยู่รอบนอก จะไม่ผ่อนคลายการเฝ้าระวังเพียงเพราะเป็นงานเลี้ยงในวัง

"องค์ชาย พวกข้าจะทำอย่างไรดี?" ในมุมทางเดิน เพราะเป็นพื้นที่ต่ำเล็กน้อย และมีช่อไม้ดอกขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ไม่สามารถมองเห็นทุกมุมของสถานที่ ดังนั้นจึงระบุให้เป็นตำแหน่งระดับต่ำ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงในวังที่นั่งตำแหน่งนี้มีฐานะต่ำต้อยที่สุด ในเวลานี้ คนที่ไว้หนวดตรง ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าชุดต่างแดนนอกพั่วอวี้กำลังถือแก้วเหล้า และจ้องมองไปที่ตรงข้ามของลานกว้างขนาดใหญ่ ในระยะดังกล่าว จึงสามารถดูได้เพียงคร่าวๆว่าเป็นใคร แต่ท่าทางและการเคลื่อนไหวเห็นได้ไม่ชัดเจน

"รอ"

ชายที่มีหนวดคนนี้คือซีฉางหลี

มันไม่ง่ายกว่าที่พวกเขาจะแอบเข้ามาได้ แต่นอกจากงานเลี้ยงในวังนี้ ไม่สามารถไปไหนได้ และตอนนี้ได้แต่นั่งรอที่นี่ เพราะเฉินซ่ายังไม่ออกมา

"ไหนบอกว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเฉินซ่าก็จะเป็นเหมือนหมารอตายตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้จริงๆว่าในงานนี้เขาจะใช้วิธีไหนปรากฏตัวออกมา" ลูกน้องของซีฉางหลีพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น

อันที่จริง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้คนในงานนี้ที่รู้เรื่อง ต่างก็รอคอย รอดูว่าเฉินซ่าจะปรากฏตัวออกมาอย่างไร

ในเรื่องนี้ ทัศนคติของเขาเวิ่นเทียนก็ค่อนข้างแปลก ไหนบอกว่าเทพธิดาของเขาเวิ่นเทียนชอบเฉินซ่าไม่ใช่เหรอ พวกเขาควรรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเฉินซ่า แต่ก็ยังจะเลือกวันนี้เพื่อให้เขาคัดเลือกพระสนม นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

พูดได้เลยว่า คนที่มาในครั้งนี้ บางคนมาเพื่อความสนุก เพื่อมาดูเรื่องตลกของเฉินซ่า

ตามข่าวลือ ทุกวันที่สิบห้าเฉินซ่าจะเป็นเหมือนหมารอตายตัวหนึ่ง แต่เรื่องเฉพาะเจาะจงไม่มีใครรู้

ในสถานการณ์ความคิดที่แปลกใจต่างๆนานา งานเลี้ยงในวังก็เริ่มขึ้น

ภายใต้การนำทางของสาวใช้ได้พาแขกเข้ามาที่โต๊ะนั่ง ถึงแม้จะรอเฉินซ่าไปสักพัก แต่ก็ไม่มีใครรีบร้อน จะออกมาได้หรือไม่ค่อยว่ากัน วิธีการปรากฏตัวออกมา คือแบกหามออกมา หรือใช้ไม้ปิดการมองเห็นเพื่อป้องกันไม่ให้คนเห็นหรือ?

ไม่ว่าอย่างไร สำหรับคนที่ไม่หวังดีจะคิดว่า ไม่มีทางที่เฉินซ่าจะเดินออกมาด้วยตัวเขาเองได้

ไม่เห็นหรือว่าที่นั่งของเขาเป็นที่นั่งที่นุ่มสบาย?

"ฝ่าบาทมาถึงแล้ว!"

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็กลั้นหายใจและรอให้เฉินซ่าปรากฏตัว

ลมกระโชกแรงโชยมา และร่างลอยมาจากท้องฟ้า ทุกคนเพ่งเล็งอย่างตั้งใจ ในที่นั่งหลัก เฉินซ่าได้นั่งอยู่บนนั้นแล้ว ชุดคลุมยาวสีดำปักด้วยเส้นด้ายสีเงิน ทำให้มีออร่าน่าเกรงขาม รูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลา

แววตาของเขาคมลึก ดวงตาสีเข้ม ดูได้จากที่ไหนว่ามันผิดปกติ?

การปรากฏตัวเช่นนี้ ไม่เพียงแต่บอกทุกคนว่า เขาไม่เพียงแค่สบายดี และกำลังภายในยังแข็งแกร่งไม่มีผลกระทบอะไรเลย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ