ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 79

แต่ความเข้าใจผิดก็คือความเข้าใจผิด น้ำเสียงที่ดุจดั่งสามีที่ไม่สามารถมอบชีวิตที่ดีให้กับภรรยาได้แบบนี้ของเฉินซ่า ยังคงทำให้โหลชีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้างเล็กน้อย

นางส่ายหน้าไปมาแล้วพูดว่า "อยู่ข้างนอกสามารถดื่มน้ำซุปที่มีเนื้อแบบนี้ได้ กินแป้งย่างเข้าไปตั้ง สองชิ้น ช่างเป็นเรื่องที่พออกพอใจมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ข้าเคยลองทำได้แค่อ้าปากดื่มน้ำฝนและแทะรากหญ้ามาสามวันสามคืน......"

พอพูดถึงตรงนี้เราก็หยุดชะงักไปชั่วคราว การเริ่มต้นพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ด้วยความเฉลียวฉลาดของเฉินซ่า ไม่แน่ว่าวันไหนที่นางพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะถูกเขาจับพิรุธได้ และถ้ามีพิรุธก็จะเป็นการบ่งบอกว่านางไม่ใช่คนในโลกนี้

แต่พอนึกอีกที นางก็รู้สึกว่าบางทีเฉินซ่าอาจจะสงสัยมานานแล้วก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเสีย คืนนั้นในภูเขาลึก เธอก็ได้ตกลงจากฟากฟ้ามาสู่อ้อมแขนของเขาโดยตรง

เพียงแต่เขาไม่เคยซักถามถึงที่มาของนาง ซึ่งทำให้นางรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อยว่าทำไมเขาถึงไม่ถามเลยล่ะ?

เฉินซ่าเหลือบมองดูนาง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้เคยมีชายใดอยู่กับเจ้ามาก่อนหรือไม่?

เอาละสิ เมื่อกี้เพิ่งจะพูดว่าทำไมเขาถึงไม่ถาม เขาก็ถามนางขึ้นมาด้วยคำถามแบบนี้เสียแล้ว

"ข้าต้องตอบคำถามนี้อย่างไรเจ้าคะ? ที่ท่านหมายถึงคือผู้ชายที่มีความสัมพันธ์แบบไหนหรือเจ้าคะ? ข้าไม่ได้เกิดและโตมาในเมืองแม่หม้ายนะ ข้างกายข้าก็ต้องมีผู้ชายแน่นอนอยู่แล้ว" นางตั้งใจกะพริบตาปริบๆให้เขาด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

อันที่จริงเฉินซ่าถามคำถามนี้ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรเลย เขาเพียงแต่ได้ยินนางพูดขึ้นมาว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไรบ้าง ทันใดนั้นเขาจึงอยากจะรู้ว่า ตอนที่นางทำได้แค่ดื่มน้ำฝนและแทะรากหญ้า มาตลอดสามวันสามคืนนั้น ข้างกายมีชายใดหรือไม่ ถ้าหากว่ามี ผู้ชายที่ผ่านพายุฝนและความทุกข์ยากด้วยกันมาแบบนั้น นางคงจะจดจำเอาไว้ใจเสมอสินะ

แต่เมื่อถูกนางถามกลับมาเช่นนี้ และได้เห็นดวงตาที่กะพริบตาอย่างชั่วร้ายเป็นพิเศษนั้นของนาง เขาก็เลยจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องที่ค่อนข้างชั่วร้ายข้างต้นตามนางต่อไป

ในครั้งแรกที่เจอนาง นางสวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาด แต่อย่างไรเสีย มันก็เผยให้เห็นส่วนต่างๆของร่างกายที่ไม่ควรเปิดเผยมากเกินไปแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่นางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้จะต้องแตกต่างจากที่ที่พวกเขาอยู่นี้ และผู้คนก็ค่อนข้างที่จะเป็นกันเองมากอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้น ที่นางพูดว่ามีผู้ชายอยู่ข้างกาย หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่สามารถขึ้นไปบนเตียงของนางได้? ผู้ชายที่นอนกอดนาง? หรือว่าจะเป็นผู้ชายที่มีทั้งหมดของนาง?

ทันใดนั้นลมหายใจของเฉินซ่าก็เย็นยะเยือกลงมาจนถึงที่สุดแล้ว อันตรายที่ปรากฏออกมาอยู่ในภายในดวงตาสีเข้มคู่นั้น ทำให้โหลชีรู้สึกว่าตัวเองล้อเขาแรงเกินไปแล้วขึ้นมาทันที นางจึงรีบเก็บสีหน้าทะเล้นเอาไว้ แล้วโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดว่า "ไม่มีไม่มี ไม่มีจริงๆ"

หลังจากที่เฉินซ่าใช้มือใหญ่ๆคว้านางมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองแล้ว เขาก็ใช้มือจับศีรษะของนางเอาไว้ไม่ให้ขยับ แล้วกดริมฝีปากลงไปจูบนางอย่างรุนแรง เขาจูบนางจนกระทั่งนางหอบฮั่กๆ แก้มแดงก่ำและดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัว เขาจึงปล่อยนาง แล้วถามว่า "แล้วมีชายใดทำแบบนี้กับเจ้าหรือไม่?"

"ไม่มี ท่านเป็นคนแรก!" โหลชีพูดด้วยความคับแค้นใจ

ทรราช แม้กระทั่งจูบก็ยังบ้าระห่ำขนาดนี้ ซึ่งทุกครั้งนางมักจะรู้สึกว่าแม้แต่ลมหายใจของตัวเองเขาก็อยากจะกลืนเข้าไปในท้องของเขาและรู้สึกว่าเขาอยากจะม้วนเอาริมฝีปากและลิ้นของตัวเองออกไปกลืนกินอยู่เสมอ

มือขนาดใหญ่อันอบอุ่นข้างหนึ่งของเขาครอบอยู่บนหน้าอกของนาง แล้วเขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแฝงไปด้วยเจ้าเล่ห์"มีชายใดเคยสัมผัสตรงนี้หรือไม่?"

โหลชีอยากจะตบไปบนใบหน้าเขาสักหนึ่งฉาดมาก แต่สุดท้ายยางก็ได้แต่จ้องมาที่เขาอย่างโกรธเคือง "มี!" เมื่อดวงตาทั้งสองข้างของเขามืดสลัวลง นางก็พูดเสริมต่อไปอีกหนึ่งประโยคว่า "ก็คนที่ชื่อเฉินซ่าคนนั้นไง!"

ความมืดสลัวสลายไป ล่องลอยกลายเป็นระลอกคลื่นแห่งแสงขึ้นมา ดวงตาที่สว่างสุกใสเช่นนี้ ทำให้ความโกรธของโหลชีก็หายไปในทันใด ผู้ชายคนนี้หล่อมากจริงๆ จะมองตรงไหนก็ดูดีไปหมด โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้!

อืม คิดไปคิดมา ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบนี้เป็นของนาง ดูเหมือนว่ามันก็ดีมากเหมือนกันนะ

ผู้ชายที่ดูดีจนโหลชีหลงใหลในรูปโฉมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวในขณะนี้ก็รู้สึกพอใจและดีใจอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง เขาดีใจมาก "โหลชี ข้ามีความสุขมาก ข้าจะตกรางวัลให้เจ้า"

นางยังไม่ทันได้ถามออกมาว่าเขามีความสุขเรื่องอะไร และต้องการจะตกรางวัลอะไรให้นาง ริมฝีปากของเขาก็กดลงมาอีกครั้งเสียแล้ว

ไอ้คนสารเลว ตกรางวัลให้มันมีแก่นสารสักหน่อยจะได้ไหม? จะหลงตัวเองอย่างนี้ไม่ได้นะ และอย่าได้เอาจูบของตัวเองมาเป็นรางวัลเป็นประจำแบบนี้เข้าใจไหม?!

พวกเขาอยู่ในวิหารนี้ ส่วนองครักษ์คนอื่นๆล้วนอยู่ที่ห้องถัดไป จึงไม่มีใครเห็นพวกเขา แต่ทว่าเบื้องหน้าของพวกเขาก็คือพระพุทธรูปองค์หนึ่งเลยนะ อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธองค์ที่มีเมตตาธรรมและไร้ซึ่งความปรารถนา แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ไม่ดีเลย

ตอนที่องครักษ์เยว่กลับมานั้น โหลชีเพิ่งจะถูก "ปลดปล่อย" แต่แก้มของนางยังคงแดง และริมฝีปากก็ยังคงบวมเล็กน้อย

เขากวาดตามองดูนาง แล้วยิ้มแย้มไปมาอย่างรู้เท่าทัน

"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ไปไหนมาหรือเจ้าคะ?" โหลชีไม่พอใจกับรอยยิ้มที่รู้เท่าทันของเขา นางจึงจ้องเขม็งมองไปที่เขา

"ไปตรวจดูรอบๆอีกครั้งมาน่ะ"

ในท้ายที่สุด เยว่ก็ยังไม่ค่อยกล้าปล่อยวางการระแวดระวังภัยต่อสถานที่แห่งนี้

เมื่อโหลชีได้ยินดังนั้นก็กดไลค์ให้เขา แล้วพูดว่า "ใต้เท้าองครักษ์เยว่ค่อนข้างละเอียดรอบคอบมากจริงๆ ถ้าเป็นใต้เท้าองครักษ์อิง ก็คงดื่มแกงเนื้อแห้งกินแป้งย่างแล้วเตรียมพร้อมจะเข้านอนไปตั้งนานแล้วล่ะเจ้าค่ะ"

อิงที่กำลังยุ่งอยู่ไกลออกไป ณ ตำหนักจิ่วเซียวได้จามเสียงดังขึ้นมาเสียแล้ว

อยู่ไกลขนาดนี้ยังจะทำให้คนซวยโดยไม่รู้ตัวไม่ได้นะ

เยว่อดหัวเราะไม่ได้ แล้วจึงพูดว่า "ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้าหน่อย หวังว่าโหลชีจะรับคำ"

ทันใดนั้นโหลชีก็รู้สึกระแวดระวังตัวขึ้นมา "เจ้าก็พูดมาก่อนสิว่าเป็นเรื่องอะไร ข้าถึงจะพิจารณาว่าจะรับคำหรือไม่" เยว่รับมือยากกว่าอิง ถึงแม้ว่าอิงจะชอบพูดโต้เถียงและทะเลาะกับนางเสมอ แต่ความคิดก็ไม่มีมากเท่าเยว่นะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ