ก่อนหน้าที่รถม้าจะสั่นสะเทือน พวกเขารับรู้ไม่ได้เลยว่ามีคน และพื้นยังยุบลงไปฉับพลัน ถ้ามีคนคงหนีไม่ทันแน่
เดิมพวกเขาเตรียมตัวเข้านอนแล้ว เพราะว่าอยู่ด้านนอก เลยไม่อาจทำตัวสบายๆเยี่ยงอยู่ในตำหนักสามได้ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงยังสวมอยู่อย่างดี เพียงแต่ถอดผ้าคลุมออก และเสื้อคลุมชั้นนอกหนาๆออกเท่านั้น ชุดที่โหลชีเตรียมให้ตนเองเป็นชุดบุรุษ ก่อนหน้านี้เดินซื้อของในเมืองอยู่นาน รวมถึงชุดบุรุษสิบกว่าชุดด้วย ดังนั้นตอนนี้มาใส่ก็ดูไม่ออก แต่เหล่าองครักษ์กลับไม่กล้ามองมา คงมั่นในมารยาท เพราะในสายตาพวกเขา ไม่ใส่เสื้อคลุมก็เท่ากับเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่ได้ใส่ถุงเท้า เปลือยสองขาขาวออกมา
เฉินซ่าโอบนางไว้แน่น ไม่มีท่าทีจะปล่อยนางลงเลยสักนิด
ส่วนตัวเขาเองยืนเหยียบหิมะเท้าเปล่า
"หยิบถุงเท้าและเสื้อผ้าในรถม้าออกมาก่อนเถิด" โหลชีร้องบอก
พูดจบปุ๊บ เฉิงสิบเหาะเอาของมาให้แล้ว เขาก้มหัวต่ำเดินเข้ามาใกล้ ยื่นเสื้อผ้ามาตรงหน้าปิดบังสายตาตนไว้
โหลชีรับมา สวมถุงเท้าให้ตนเองในอ้อมกอดเฉินซ่า เฉินซ่าถึงยอมวางนางลง และหยิบเสื้อคลุมชั้นนอกสีดำของนางมาสวมให้ จากนั้นรัดสายรัดเอวชนิดพิเศษให้นาง และคลุมผ้าคลุมให้นาง ถึงผ่อนลมหายใจน้อยๆ
"ท่านรีบใส่รองเท้าสิ" โหลชีสูดจมูก ย่อตัวลงไปจะช่วยเขาใส่รองเท้า
เฉินซ่ากลับรั้งนางขึ้นมา "ข้าใส่เองได้"
"งั้นข้าจะลงไปดูนะ!" โหลชีพูดพลางวิ่งเข้าไป
หลุมยักษ์นั่นมีขนาดราวสิบเมตร ความลึก ดูจากความสูงที่พวกเยว่ยืนอยู่ ดูจะประมาณห้าเมตร
ม้าที่ลากรถถึงจะไม่ใช่ม้าเหงื่อโลหิต แต่ก็เป็นม้าสีชาดที่หาได้ยากยิ่ง ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บ ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่มีองครักษ์คอยตรวจตราบาดแผลแล้ว
ตัวรถหนักมาก ล้วนแต่ใช้ไม้ชั้นดีอย่างหนา กลับไม่ได้แตกหักพังทั้งคัน มีเพียงบางจุดที่แตกหัก ส่วนประตูเป็นเพราะเฉินซ่าถีบกระเด็นเอง
พวกเขาซ่อมรถไม่เป็น สภาพรถแบบนี้ต่อให้ยกขึ้นไปได้ก็ซ่อมไม่ได้แล้ว
โหลชีโอดครวญในใจ ไม่มีรถม้านอนหลับแล้ว
"ไปเอาข้าวของในรถม้าออกมาตรวจดูเถิด" เยว่กำลังสั่งการองครักษ์คนหนึ่ง
พอเห็นโหลชีกระโดดลงมา ก็ทำเขาตกใจหนักมาก "โหลชี เจ้าควรอยู่ข้างกายนายท่าน!" น้ำเสียงเขาตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด หากเลยยามจื่อ(ช่วงเวลาห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน) ก็จะเป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำแล้ว
เมื่อกี้โหลชีลืมคิดไป ตอนนี้พอเขาบอก นางตกใจมาก วันขึ้นสิบห้าค่ำ นางต้องอยู่ติดตัวไม่ห่างเฉินซ่าเลย "ข้าลืมไป" นางเตรียมกระโดดขึ้นไป แต่เฉินซ่ากลับกระโดดลงมา และกุมมือนางไว้ทันที
เยว่กับโหลชีพากันถอนหายใจโล่งอก
ถึงจะยังไม่ถึงเวลา แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน
ด้านบนมีเสียงโหลวซิ่นดังมา "หยุดนะ"
จากนั้นก็มีเสียงคนแปลกหน้าดังขึ้น "พวกเรามิได้คิดร้าย แค่อยากมาดูว่าเกิดอันใดขึ้น มีสิ่งใดให้พวกเราช่วยหรือไม่?"
"ไม่มี"
"รถม้าของพวกท่านหล่นลงไปใช่หรือไม่? ได้ยินว่าบางพื้นที่ของทุ่งน้ำแข็งบอบบางนัก มิใช่พื้นจริงๆ หากเป็นหลุมที่โดนน้ำแข็งปกคลุมอยู่ และมีหิมะตกทับถมมาเป็นเวลานานจนดูเหมือนพื้นจริงๆ อันที่จริงเหมือนหลุมกับดักก็ไม่ปาน ข้าว่าคงเป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกท่านจุดไฟขึ้น รถม้าก็หนัก เลยกดทับพื้นที่น้ำแข็งตรงนี้และตกลงไปในหลุมเดิม"
น้ำเสียงนั้นพูดไม่ช้าไม่เร็ว มีหลักมีฐาน ขนาดโหลชียังรู้สึกดูเหมือนนักวิชาการมาพูดเลย เดิมนางก็เดาไว้แบบนี้
พวกเขาโชคร้ายเอง มาในสถานที่แบบนี้ แล้วยังมาเลือกที่นี่ค้างอ้างแรมอีก
"ขอบใจในความเป็นห่วงของท่าน เชิญกลับไปเถิด" น้ำเสียงของโหลวซิ่นไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อครู่ แต่ยังคงล้อมกรอบไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามา ชายผู้นั้นพูดอีก "ในเมื่อไม่ต้องการความช่วยเหลือ งั้นพวกเรากลับไปพักผ่อนล่ะ สหายท่านนี้ ข้าแซ่เหนียน ชื่อตัวเดียวว่าตาว มาที่นี่เพื่อเพิ่มความรู้ มิได้คิดร้ายอันใด หากมีสิ่งใดให้ช่วย ขอเพียงเรียกชื่อ ข้าจะมาแน่นอน"
โหลชีได้ฟังคำพูดของชายที่ชื่อว่าเหนียนตาวคนนั้น รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีจริง น้ำเสียงจริงใจสงบเรียบตลอด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เลยสักนิด และไม่ได้โกรธกับการผลักไสและเย็นชาของโหลวซิ่นเลยด้วย
"เหนียนตาวผู้นี้พูดไม่ผิดเลย สาเหตุที่แผ่นดินยุบเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ" เยว่พูดหลังจากตรวจสอบบริเวณรอบๆ เขาหัวเสียอยู่ไม่น้อย เขาเป็นคนเลือกที่ค้างแรม แต่กลับมิได้คิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้เลย และยังสังเกตไม่ได้ว่าพื้นที่แถวนี้มีปัญหาอีก
ตอนนี้ม้าได้รับบาดเจ็บ รถม้าก็เสียแล้ว
"รถม้าไม่มีก็คือไม่มี ต่อไปรถม้าอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้" เฉินซ่าพูดเสียงเรียบ
เวลานี้เอง องครักษ์คนหนึ่งร้องออกมา
"พบเจออันใดรึ?" เยว่ถามขึ้นทันที
"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ ฟังสิ"
องครักษ์คนนั้นเคาะไปที่กำแพงตรงหน้า เป็นกำแพงที่สร้างจากน้ำแข็งและหิมะ พอเคาะไปก็ได้ยินว่าด้านในเป็นโพรง
"หรือว่าจะมีหลุมอีก?"
"เจาะให้ทะลุ" โหลชีบอก
"ข้าเอง" เยว่ซัดฝ่ามือใส่กำแพงน้ำแข็งนั้น และเห็นเกล็ดน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นน้ำแข็งลื่นอีกชั้นหนึ่ง ดูแล้วใสเล็กน้อย "เอ๋?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ