บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 167

ยันต์ทิพย์ของเย่จายซิง นางยอมรับเองว่ายังคงวาดได้ไม่เลว

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนโลก ไม่มีชี่ทิพย์อะไร นางวาดฮู้อะไรล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น หลังจากมาถึงแผ่นดินเทียนเหย้าแล้ว นางขยันหมั่นเพียรฝึกฝน ประสิทธิผลของฮู้ที่วาดออกมาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

นางเคยซื้อยันต์ทิพย์ของคนอื่น ประสิทธิผลยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของนางเลยนะ

แต่ว่ายันต์ทิพย์ขายไม่ออก ก็ไม่เป็นอะไร ต่อไปลูกค้ามากขึ้น ประเภทสินค้าที่ขายย่อมต้องมากขึ้นอีก วันนี้เพิ่งจะวันแรกเท่านั้น

ท้องฟ้ายังไม่มืด เย่จายซิงก็ให้ผู้ติดตามปิดร้าน อีกทั้งแขวนป้ายเวลาทำการไว้บนประตู

ตอนที่โจวเหม้ยวิ่งไปซักไซ้เอาความอย่างเดือดดาล เห็นเพียงแค่ประตูใหญ่ที่ปิดสนิท โกรธจนนางตบไปบนประตูหนึ่งที ผลสุดท้ายตนเองถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไป

คาดไม่ถึงว่าบนประตูมีแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ผู้แข็งแกร่งจัดวางม่านอาคมไว้แล้วสิบกว่าชั้น

โกรธจนนางแทบจะกระอักเลือด

หลังจากออกจากหอชวนรื่อ ในเวลานั้นนางไม่ได้มาหอไป๋เป่าที่อยู่นอกเมืองในทันที รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ด้วยเหตุนี้นางมอบหมายหญิงรับใช้คนหนึ่งมาเพื่อซื้อโอสถไขกระดูกเยือกอีกครั้ง พร้อมทั้งให้เย่จายซิงผู้นั้นมาคุกเข่าขอโทษขอขมานางต่อหน้าด้วยตนเอง นางถึงจะพิจารณายกโทษให้อีกฝ่าย

ใครจะรู้ว่าทันทีที่อีกฝ่ายได้ยินหญิงรับใช้รายงานชื่อของนางออกไป ก็ทำให้คนนำหญิงรับใช้ของนางขับไล่ออกไป และสลักลงคำพูดดูหมิ่นเช่นนี้“คนของสำนักเมฆแดงไม่ให้เข้าด้านใน”ลงบนป้าย นำป้ายตั้งตระหง่านไว้ที่ประตู

โจวเหม้ยแค้นจนกัดฟันกรอด ก็คือหนานกงเหยาเองก็ไม่กล้าดูหมิ่นนางอย่างโจ่งแจ้งตรงไปตรงมาเช่นนี้ เย่จายซิงผู้นี้ ความกล้าสุนัขมากมายเหลือเกิน!

นางเกิดโทสะอยู่พักใหญ่ กำลังจะไปหอไป๋เป่าหาเย่จายซิงคิดบัญชีด้วยตนเอง แต่กลับพบเจอเรื่องนิดหน่อย เมื่อนางจัดการเรียบร้อยแล้วกลับมาอีกครั้ง กลับพบว่าอีกฝ่ายปิดประตูไปแล้ว นางจะไม่โมโหได้อย่างไร?

ก็เหมือนกับเก็บสะสมพลังที่ดุร้ายไว้แล้วชกลงไปบนปุยฝ้ายแรงๆสักหมัด

“เย่จายซิงสมควรตาย! ไป หาสถานที่ที่นางอยู่ให้พบ ข้าต้องการจะไปหานางด้วยตนเอง!”

โจวเหม้ยขบฟันกราม กล่าวออกคำสั่ง

นางมองดูป้ายที่วางอยู่ตรงประตู ตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านบนขัดลูกหูลูกตายิ่งนัก ในฐานะที่นางเป็นบุตรสาวของอาจารย์ใหญ่สำนักเมฆแดง จะยอมปล่อยให้ลิ่วล้อตัวเล็กๆคนหนึ่งมาหมิ่นเกียรติของสำนักได้อย่างไรกัน!

“อีกอย่าง เจ้าไปบอกท่านพ่อข้า ให้เขาส่งยอดฝีมือมาให้ข้าสักสองสามคน ทุบหอไป๋เป่าอันนี้ให้ข้าซะ!”

“ผู้ใดจะทุบร้านค้า?”

ในตอนนี้เอง องครักษ์ลาดตระเวนของเฉินตูเดินมาพอดี ได้ยินคำพูดของโจวเหม้ยเข้าพอดี

สีหน้าของโจวเหม้ยเปลี่ยนไปทันที ยังไม่ทันได้พูด องครักษ์ที่นำหน้าก็กล่าวขึ้น:

“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูโจว ต้องขออภัยจริงๆ ร้านค้าของเฉินตูต่างก็ชำระภาษีหินทิพย์ก้อนใหญ่แล้ว พวกข้ามีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของร้านค้า โดยเฉพาะหอไป๋เป่าร้านนี้ ชำระภาษีหินทิพย์ก้อนใหญ่มากกว่าร้านค้าอื่นๆหลายเท่า พวกข้าก็ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าคุณหนูโจวมีความแค้นกับเถ้าแก่ของหอไป๋เป่า ไปพบนางเป็นการส่วนตัวจะดีที่สุด อย่าให้พวกข้าองครักษ์เหล่านี้ต้องทำงานลำบากเลย”

“ข้าเพียงแค่กำลังพูดเล่นเท่านั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องจริงจัง”

โจวเหม้ยสีหน้าไม่ดี กล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชา

นางไม่ได้โง่ถึงขนาดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับองครักษ์เหล่านี้ ถึงแม้ว่าต่างก็เป็นผู้มีฐานะต่ำต้อย แต่ทั้งหมดเป็นองครักษ์ของราชวงศ์ เป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยภายในเมืองเฉินตูโดยเฉพาะ เกิดปะทะกับพวกเขาขึ้นมา ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับราชวงศ์

“เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี ดูเหมือนว่าพวกข้าเข้าใจผิดแล้ว”

หัวหน้าองครักษ์เอ่ยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ทั้งพยักหน้าทั้งโก้งโค้ง วางลักษณะท่าทางของตนเองให้ต่ำ ดูเหมือนประจบสอพลอ แท้ที่จริงแล้วคือไม่อยากล่วงเกินผู้ใด อีกทั้งเขาไม่ได้เดินจากไปทันที แต่รอให้โจวเหม้ยจากไปก่อน

โจวเหม้ยกัดฟันเดินออกไปแล้ว ภายในใจเดือดดาล

“มิใช่กล่าวว่าเย่จายซิงผู้นั้นเป็นผู้ที่เพิ่งมาเฉินตูได้ไม่นานหรือ เหตุใดนางจึงรู้ว่าต้องชำระภาษีหินทิพย์ให้แก่องครักษ์หลายเท่าตัว!”

“คุณหนู เย่จายซิงผู้นี้ดูเหมือนว่าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว พวกเราจะต้องเตรียมป้องกันเอาไว้เสียหน่อย”

หญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยกล่าว

“ฮึ่! แต่ว่าก็เป็นแค่คนบ้านนอกที่มาจากแคว้นเล็กๆที่กันดารเท่านั้น!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา