บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 172

“หนานกงหลี มิใช่ว่าน้องสาวเจ้าเมื่อวานก็กินโอสถไขกระดูกเยือกไปหนึ่งเม็ด มีหรือไม่มีผลอันใดเจ้ามิรู้หรือ?”

เมื่อได้ยินหนานกงหลีสั่งให้หญิงรับใช้ไปซื้อโอสถ องค์หญิงหลิวอิ๋งก็กวาดดวงตาเมล็ดซิ่งคู่นั้นไป แววตามีความเย็นชาเล็กน้อย

“เมื่อวานหม่อมฉันอยู่ที่ห้องฝึกฝนตลอดเวลา ไม่ได้เห็นน้องเหยา เพียงแต่ว่าเช้านี้ตอนออกจากบ้านได้ยินผู้คนเอ่ยถึง หม่อมฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ในใจคิดว่าก็เป็นเพียงแค่โอสถระดับหกเม็ดหนึ่งเท่านั้น จะมีผลมากมายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน คาดว่าคงเป็นการกล่าวเกินความเป็นจริง แต่ทว่าไม่คิดว่าองค์หญิงก็มีพระประสงค์จะซื้อโอสถไขกระดูกเยือกเช่นกัน หม่อมฉันคิดว่าองค์หญิงเกิดมาพร้อมกับพระโฉมที่งดงามสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ต่างก็ให้ความสนใจต่อโอสถนั่น หม่อมฉันก็ย่อมอยากลองดูเสียหน่อยเช่นกัน”

หนานกงหลีเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง

เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งก็ดูดีขึ้นไม่น้อย แต่ก่อนหนานกงหลีค่อนข้างห่างเหิน เก็บตัวพูดน้อย รูปร่างหน้าตาก็ด้อยกว่าตนเองไม่เท่าไหร่ ฉะนั้นนางจึงไม่ชื่นชอบหนานกงหลีมากสักเท่าใดนัก

วันนี้กลับคล้อยตามตนเอง เห็นได้ว่าที่อยู่ภายในใจของหนานกงหลี ความงามเทียบกับตนเองไม่ได้

องค์หญิงหลิวอิ๋งพยักหน้าอย่างเย็นชา กล่าว: “ข้ารังเกียจคนที่กุเรื่องสร้างภาพ ถ้าหากโอสถนั่นไม่ได้ผล จะต้องให้คนไปกวาดล้างหอไป๋เป่านั่น”

หนานกงหลีกล่าวในใจเป็นตามที่คาดไว้องค์หญิงมีเจตนาอันเป็นปฏิปักษ์ต่อหอไป๋เป่า จะกล่าวให้ถูกต้องก็คือมีเจตนาอันเป็นปฏิปักษ์ต่อเย่จายซิง ก็ไม่เข้าใจว่าเจตนาอันเป็นปฏิปักษ์นี้มาจากที่ใด หรือว่าเป็นเพราะสาเหตุที่ในข่าวลือที่ว่าเย่จายซิงหน้าตางดงามกว่าองค์หญิงงั้นหรือ?

ในเวลาอันรวดเร็ว องครักษ์และหญิงรับใช้ก็กลับมาถึง เพียงแต่ว่าทั้งสองคนต่างก็ไม่สามารถซื้อโอสถกลับมาได้

“กราบทูลพระองค์หญิง วันนี้โอสถไขกระดูกเยือกของหอไป๋เป่าขายหมดแล้วขอรับ เถ้าแก่ของพวกเขากล่าวว่า การกลั่นโอสถต้องการเวลา ให้ข้าน้อยค่อยไปอีกครั้งในตอนบ่าย”

พวกเขาใช้หินทิพย์ชั้นดีจำนวนหนึ่งล้านทำบัตรสมาชิกระดับราชา แท้ที่จริงแล้วเย่จายซิงไม่ได้สนใจว่าพวกเจ้าจะมีจุดมุ่งหมายอันใด มีเงินแต่ไม่ทำกำไรนางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา

หินทิพย์ชั้นดีหนึ่งล้านก้อน ที่เฉินตูก็เป็นทรัพย์สินจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่ง ตระกูลขุนนางเล็กบางส่วนล้วนไม่สามารถนำหินทิพย์จำนวนมากมายเพียงนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่านางไม่มีโอสถขายให้พวกเขาในตอนนั้น ในที่สุดนางก็บอกต่อภายนอกว่าโอสถได้ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ค่อยหยิบออกมาอีกสองเม็ดก็เพื่อให้ตนเองมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งนางได้ยินว่าเหยียนเฟิงแอบส่งเสียงอยู่ในที่ลับ กล่าวว่าคนผู้นี้เป็นองครักษ์ขององค์หญิงหลิวอิ๋ง ฉะนั้นนางก็ไม่ต้องการนำโอสถให้แก่นางรวดเร็วเช่นนี้

ก็ให้นางรอสักครึ่งวัน ไม่ใช่ว่าจะได้สิทธิพิเศษเพราะนางเป็นองค์หญิง

“มาดใหญ่โตยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าให้ข้ารอโอสถของนาง ในมือนางจะไม่มีโอสถไขกระดูกเยือกเชียวหรือ? ข้าไม่เชื่อ!”

สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งอึมครึมขึ้นมา

หญิงสาวสองสามคนรีบพูดคล้อยตามทันที:

“ถูกต้องเพคะ! คาดไม่ถึงว่าจะให้องค์หญิงรอ เย่จายซิงผู้นี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงยิ่งนัก!”

“นางช่างมั่นใจในตนเองยิ่งนัก ช่างทำให้คนรังเกียจจริงๆเพคะ!”

“องค์หญิงอย่าได้ถือสาคนประเภทนี้เลยเพคะ ประชาชนคุณภาพต่ำประเภทนี้ก็แค่อยากทำกำไร อย่าได้นำมาใส่พระเลยเพคะ จะช้าจะเร็วสักวันก็จะต้องโชคร้าย”

มุมปากขององค์หญิงหลิวอิ๋งกระตุก เพียงคำพูดของนางสองสามคำก็นำหัวหอกชี้ไปทางเย่จายซิงแล้ว หญิงผู้สูงศักดิ์เหล่านี้นางไม่ชื่นชอบเย่จายซิง เพื่อประจบเอาใจนาง จะต้องไปหาเรื่องเย่จายซิงอย่างแน่นอน

นางต่างก็ไม่ได้ทำอันใด ก็สามารถทำให้สาวน้อยผู้นั้นอยู่ในเฉินตูต่อไปไม่ได้แล้ว

นางมองดูเล็บสีชมพูที่งดงามละเอียดอ่อนอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้พูดจา ปล่อยให้พวกนางไปคาดเดาความคิดของนางอย่างตามใจ

หนานกงหลีผลุบนัยน์ตาลงไม่ได้ส่งเสียง คิ้วใบหลิวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

......

โจวเหม้ยได้ยินว่าหญิงรับใช้ของตนเองถูกเย่จายซิงดูหมิ่นอย่างโหดร้ายหนึ่งยก โกรธจนหน้ากลายเป็นสีเขียว

นางพายอดฝีมือสองสามคนไปด้วยในเดี๋ยวนั้น ลงเขามุ่งหน้าออกนอกเมืองไปยังหอไป๋เป่าเพื่อหาเรื่องเย่จายซิง

“พระชายา โจวเหม้ยแห่งสำนักเมฆแดงพาคนมาแล้วขอรับ”

คนยังไม่ทันถึงหอไป๋เป่า เย่จายซิงก็ได้ยินเหยียนเฟิงส่งเสียงเตือนมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา