องค์หญิงหลิงหยุนเพียงแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา
“เย่เจียหยู ข้าละไม่รู้เลยว่า เป็นเพราะเจ้าที่มีใจขวัญกล้าเทียมฟ้าหรือว่ามีที่พึ่งพิงจึงไม่คิดเกรงกลัวเช่นนี้! แม้แต่สีขาวตระกูลเจ้ายังกลับคำเป็นดำได้ พวกเจ้าคิดว่าศาลปกครองเป็นสถานที่ที่ให้พวกเจ้าเล่นแง่ได้งั้นหรือ?”ทั้งในและนอกเฉินตูล้วนแต่มีศาลปกครองตั้งอยู่ เพื่อเอาไว้ตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรือผิด เพื่อใช้แก้ไขปัญหาหรือไขคดีต่างๆที่เกิดขึ้นที่ใดมีมนุษย์ที่นั่นย่อมมีปัญหาข้อพิพาท ไม่เพียงแต่บนโลกของปุถุชนธรรมดา แม้แต่โลกของเทพญาดาต่างล้วนแต่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
อีกทั้งภายใต้อำนาจขององค์จักรพรรดิแล้ว ขุนนางทั่วทั้งเฉินตูล้วนแต่ทำงานด้วยความเที่ยงตรง ยุติธรรม ไม่มีผู้ใดหาญกล้าเข้ามาใช้อำนาจในทางที่มิชอบอย่างแน่นอนเว้นแต่ว่า พวกเย่เจียหยูคิดว่าสามารถไปติดสินบนจ้าวนครได้งั้นหรือ?เป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก!
“ องค์หญิงเพคะ พระองค์โปรดอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์รับไม่ได้ถึงได้ตั้งใจกระทำเช่นนี้ ทว่า พี่ซุนมิได้ชอบท่านแล้ว ในคราก่อน ก็เป็นท่านที่บอกกับหม่อมฉันเองว่าพระองค์มิชอบพี่ซุนแล้วเช่นกัน แต่เป็นเพราะว่า พระองค์ต้องการไหว้วานให้พี่ซุนช่วยจัดการบางอย่างให้กับท่าน ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว องค์หญิงท่านก็วางมือเถิด อย่าได้กระทำเรื่องให้มันไม่น่าดูเลยเพคะ”เย่เจียหยูพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีมีเหตุผลคำพูดที่กล่าวออกมาอย่างมีนัยยะเช่นนี้ กล่าวหาว่าสิ่งที่องค์หญิงหลิงหยุนพูดออกมาทั้งหมด เป็นเพราะว่าพระนางเกลียดแค้นเย่เจียหยูถึงได้กระทำออกมาเช่นนี้ เพื่อมิให้ซุนหยวนชิ่งเชื่อคำพูดของนางซุนหยวนชิ่งในยามนี้ชมชอบเย่เจียหยู เขาย่อมเชื่อในคำพูดของนาง รวมไปถึงเมื่อวานที่เขาล่วงรู้เรื่องของเซื่ยซือห้าวที่เกิดจาก “แรงรักแรงแค้น”เช่นนั้นแล้ว เขาหาได้รู้สึกแปลกใจอันใดไม่ ทั้งยังมารออยู่ที่ศาลปกครองในวันนี้ เพื่อให้จ้าวนครยืนยันความบริสุทธ์กลับมาให้เย่เจียหยูอีกด้วย จักได้ไม่มีผู้ใดคิดนอกเรื่องอีก“หลิงหยุน เจ้ามิต้องมาดึงดันคิดจะก่อความวุ่นวายที่นี่อีกแล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปที่ศาล หากเจ้าจะไปก็ไป หากมิไปก็กลับไปเสีย แต่ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้ ต่อไปนี้เจ้าอย่าได้ริคิดอาจมาใส่ร้ายป้ายสีหยูเอ๋อร์อีกเป็นอันขาด!”องค์หญิงหลิงหยุนเพียงส่งยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมกับก้าวนำไปก่อนในทันทีนางย่อมต้องไปอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น นางยังจะเรียกคนจากสมาคมปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงมาร่วมด้วยเช่นกัน นางอยากจะรู้ยิ่งนักว่าเย่เจียหยูจะปากหนักไปได้สักกี่น้ำ
“นางน่ารังเกียจเกินไปแล้ว หยูเอ๋อร์ เจ้ามิต้องเสียใจไป ต่อไปนี้การกลั่นยาข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง ส่วนคนในสมาคมนั้น เจ้าไม่ต้องไปคบหากับพวกเขา !”เมื่อซุนนหยวนชิ่งเห็นเย่เจียหยูมีท่าทางโศกเศร้าเสียใจนั้น ก็รีบร้อนเอ่ยปลอบใจนางในทันที
“ท่านพี่ซุน ที่จริงแล้ว ข้าไม่ต้องการให้เรื่องเป็นเช่นนี้เลย ทว่า นี่หาใช่ความผิดของข้าไม่”เย่เจียหยูพลันร่ำไห้ออกมาในทันที ใบหน้าที่อ่อนหวานพลันเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาไปในทันทีเพียงแค่เอ่ยปากว่าร้องไห้นางก็ร้องออกมา นับว่านางฝึกฝนจนคุ้นชินแล้วซุนหยวนชิ่งเห็นนางที่รักเป็นเช่นนี้ จึงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก“แน่นอนว่ามิใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะว่าเจ้ามีเสน่ห์เกินไป ถึงไม่มีบุรุษคนใดครอบครองเจ้าได้ เซี่ยซือห้าวผู้นั้นก็เช่นกันเป็นเพราะเขาไม่อาจครอบครองเจ้าได้ ถึงเลือกทำลายชื่อเสียงของเจ้าเช่นนี้ เจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่แท้จริง ทว่า เจ้ามิต้องเป็นกังวลมากไป หลังจากที่จ้าวนครตัดสินคดีแล้วไซร้ ต่อไปนี้ย่อมไม่มีผู้ใดมาพูดถึงเจ้าในทางที่ไม่ดีอีกแล้ว”“อื้มอื้ม พี่ซุนท่านดีต่อข้ายิ่งนัก ผู้ใดล้วนแต่ไม่เชื่อใจข้า มีเพียงท่านเท่านั้นที่ยืนหยัดเชื่อใจข้าเช่นนี้”เย่เจียหยูกะพริบตาไปมา พร้อมกับมองไปที่ซุนหยวนชิ่งด้วยใบหน้าอ่อนหวาน พินิจเช่นไรก็นางก็ดูน่าสงสารยิ่งนักภายในใจของซุนหยวนชิ่งพลันสั่นรัวไปในทันที อดมิได้ที่จะดึงคนรักเข้ามาในอ้อมกอดของตนเองในขณะเดียวกัน เย่เจียหรงพลันปรากฏตัวออกมา“พี่!”เพียงแค่เย่เจียหยูเห็นเย่เจียหรงเดินเข้ามานั้น ก็ราวกับเห็นบุคคลสำคัญในทันที ภายในใจของนางพลันสงบลงไปไม่น้อยแท้จริงแล้ว ภายในใจของเย่เจียหยูรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจยิ่งนักผู้ที่หลบหนีงานแต่งงานก็คือนาง หากนางประมาทไปนิดเดียวละก็ ชื่อเสียงของนางย่อมต้องป่นปี้ไปหมดเป็นแน่ สิ่งของสิ่งใดที่ได้มาไม่ง่ายต่างก็ถูกนำส่งคืนไปหมดแล้ว“หยูเอ๋อร์ เจ้าถูกทำให้อับอายแล้ว เจ้าวางใจเถิด ท่านจ้าวนครเป็นคนใหญ่คนโตย่อมต้องมอบความยุติธรรมมาให้กับเจ้าได้แน่”เย่เจียหรงมองมาที่เย่เจียหรู พร้อมกับกล่าวต่อนางด้วยท่าทีอ่อนหวานรวมกับน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความอ่อนโยน เสมือนกับว่าเย่เจียหยูกำลังพบกับความอับอายครั้งใหญ่อย่างแท้จริงเมื่อชุยหยวนชิ่งได้เห็นเช่นนั้น ภายในใจก็ยิ่งเกิดความเชื่อถือมากขึ้นไปอีก แม้แต่พี่สาวของหยูเอ๋อร์ยังแสดงท่าทีออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่านางถูกใส่ความอย่างแท้จริง
ทว่า ภายในใจของเย่เจียหยูกลับเต็มไปด้วยความยินดี เมื่อได้เห็นท่าทีเฉยเมยของพี่สาวตนเองนั้น นางก็รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องราวได้ถูกแก้ไขไปหมดแล้ว
“พวกเราเตรียมตัวเดินทางกันเถิด”ด้วยตำแหน่งของผู้นำครอบครัวนั้น เย่เจ๋อหย่งพลันกล่าวประกาศออกมาไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงศาลด้านนอกของศาลปกครองในทันที เมื่อมาถึงพลันพบว่ามีผู้คนไม่น้อยเลยที่มาคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังมีคนของสมาคมปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงรวมอยู่ด้วยอีก“พวกท่านมาได้อย่างไรกัน?”สีหน้าของซุนหยวนชิ่งพลันมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะมารอหัวเราะหยูเอ๋อร์ของเขา“เป็นหลิงหยุนให้พวกข้ามา นางกล่าวว่าเย่เจียหยูหนีงานมงคลตนเอง ทั้งยังขโมยเงินก้อนใหญ่มาอีกด้วย อีกทั้งในยามนี้บุรุษผู้นั้นก็ยังมาตามถึงหน้าประตูจวนอีก!”“ใช่แล้ว เฮอะเฮอะ ข้าละไม่อยากจะคิดเลย ด้วยท่าทางอ่อนหวานของเย่เจียหยูแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเช่นนี้!”น้ำเสียงที่พวกเขาพูดออกมานั้น หาได้ดังไม่ แต่ก็มิได้เบาด้วยเช่นกัน คนกลุ่มนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับหลิงหยุน ย่อมต้องเป็นหลิงหยุนที่สั่งให้พวกเขามากล่าววาจาเสียหายให้กับเย่เจียหยูอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะดูน่าอายยิ่งนัก หากทุกอย่างเป็นเรื่องจริงแล้วไซร้ นับว่ากลายเป็นหัวข้อขบขันครั้งใหญ่เชียว ผู้คนร่วมแต่ชมชอบเรื่องที่น่าขายหน้าเช่นนี้มากนัก“องค์หญิงหลิงหยุน นางตั้งใจ”
เย่เจียหยูพลันเอามือปิดหน้าของตนเองเอาไว้ สายตาพลันปรากฏท่าทีตกอกตกใจออกมา ราวกับไม่คิดเลยว่าคนอย่าองค์หญิงหลิงหยุนจะทำเช่นนี้ได้“กลับไป ข้าจะไปชำระแค้นกับพวกเจ้า!”ซุนหยวนชิ่งพลันหันไปถลึงตาใส่คนพวกนั้น พร้อมกับหันมาเอ่ยคำปลอบใจต่อเย่เจียหยูในทันที“เจ้าไม่ต้องโมโหไป พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิด อีกครู่หนึ่งผลของการตัดสินย่อมออกมาแล้ว พวกเขาจักต้องออกมากล่าวขอโทษเจ้าอย่างแน่นอน”เย่เจียหยูพลันพยักหน้าลงด้วยท่าทีเสียใจ“ความยุติธรรมนั้นอยู่ที่ใจคน พวกท่านได้โปรดระมัดระวังคำพูดของตนด้วย”เย่เจียหรงพลันหันไปกล่าวกับทุกคนที่อยู่โดยรอบด้วยท่าทีอ่อนโยน พร้อมกับนัยน์ตาที่เปล่งประกายแวววับเมื่อนางเอ่ยปากพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ชะงักไปในทันที ด้วยท่าทีที่นิ่งเชย พร้อมด้วยจิตใจที่แน่วแน่ของนาง ทำให้ทุกคนที่มองดูอยู่นั้น ต่างก็รู้สึกว่าบางทีที่บุรุษผู้นั้นทำลงไปอาจจะเป็นเพราะทั้งรักทั้งแค้นก็เป็นได้ ถึงได้คิดที่จะทำลายชื่อเสียงของสตรีเช่นนี้หลังจากที่เย่เจียหยูเข้าไปด้านในแล้วนั้น นางพลันตกตะลึงออกมาในทันที“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง!”เย่เจียหยูพลันมองไปยังเย่จายซิงที่นั่งอยู่ด้านในมานานแล้วนั้น พร้อมกับกรีดร้องออกมา“อะไรกัน พี่รองไม่อยากให้ข้ามางั้นหรือ? เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ข้าจะไม่มานั่งชมได้อย่างไรกัน”เย่จายซิงพลันยิ้มมุมปากขึ้นมา ราวกับหัวเราะเยาะทุกคนที่กำลังรอดูเห็นการณ์อยู่ภายในใจของเย่เจียหยูพลันรู้สึกได้ถึงลางร้ายในทันที นางเกลียดเย่จายซิงเป็นอย่างมาก เพียงแค่เห็นนางเสมือนกับนางได้เห็นดาวหางเย่เจียหยูพยายามที่จะกดอารมณ์ความไม่พอใจของนางเอาไว้ พลางยิ้มเจือนๆ ออกมาว่า “มาได้ แน่นอนว่าเจ้ามาได้อยู่แล้ว ทว่า วันนี้อาจจะต้องทำให้น้องสี่รู้สึกผิดหวังไปบ้าง!”“เช่นนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป”เย่จายซิงพลันเผยอารมณ์เยาะเย้ยออกมาองค์หญิงหลิงหยุนที่มิใช่ญาติสนิทนั้น พระนางย่อมไม่อาจเข้ามาชมได้ ทว่า ศาลตัดสินเช่นนี้ สามารถใฟ้ผู้คนภายนอกมองเห็นเหตุการณ์ภายใน หากแต่จะต้องแออัดกันเสียหน่อยหากแต่องค์หญิงหาได้สนใจไม่ ขอเพียงแค่พระนางได้เห็นเย่เจียหยูต้องพ่ายแพ้ไปเป็นพอ นับว่าพระนางไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้วในยามนี้ พระนางไม่ได้สนใจที่จะเกลียดเย่จายซิงอีกต่อไป นางในยามนี้เกลียดสตรีที่แสดงท่าทีเสแสร้งออกมาเช่นเย่เจียหยูเสียมากกว่าเมื่อเย่เจียหรงเห็นเย่จายซิงนั้น นางพลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ไม่นานก็แย้มยิ้มออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปกล่าวถามสารทุกข์สุกดิบเสียหลายคำ พลางพูดถึงหอไป๋เป่าขึ้นมา ทั้งยังกล่าวว่าไว้วันหลังนางจะไปหอไป๋เป่าเพื่อเยี่ยมนางอีกด้วยเย่จายซิงเพียงแย้มยิ้มติมิได้ตอบกลับไป ทว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเย่เจียหยูที่ยังควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองไม่ได้แล้วนั้น เย่เจียหรงนับว่าลึกล้ำกว่ามากนักเมื่อเห็นพี่สาวของตนมีท่าทีนิ่งเฉยได้เช่นนี้ เย่เจียหยูพลันรู้สึกโล่งใจลงไปหลายส่วน ทั้งยังคิดไปถึงว่า หากเริ่มการพิจารณาคดีเริ่มขึ้นเมื่อใด เซี่ยซือห้าวเกรงว่าจะไม่มาเข้าร่วมได้เป็นแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...