ผ่านไปไม่นานท่านจ้าวนครจึงได้เดินทางมาถึงศาล
ไม่ว่าผู้คนภายนอกจะพากันครุ่นคิด กล่าวซุบซิบพูดคุยเช่นไรออกมา เสียงรอบด้านพากันเงียบลงไปในทันที
“ทั้งเจ้าทุกข์และจำเลยอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่หรือไม่?”
ท่านจ้าวนครเป็นบุรุษวัยกลางคน ด้วยท่าทีเคร่งขรึมของเขา แม้จะมิได้แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดออกมา ทว่า ก็ทำให้ผู้คนอดที่จะให้ความเคารพยำเกรงได้ไม่ยาก อีกทั้งชื่อเสียงการทำงานที่ซื่อตรงไม่คดโกง
การที่จะดำรงตำแหน่งจ้าวนครได้นั้น นับว่าไปสิ่งที่ยากที่สุด ด้วยความที่ต้องระมัดระวังการกระทำของตนตลอดเวลา เพื่อมิให้ตนเองไปขัดขาตระกูลขุนนางใหญ่ๆ หรือบุคคลที่มีอำนาจภายในเมืองต่าง ๆ
หากเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในชั้นศาลได้ละก็ การพิจารณาคดีย่อมเป็นไปได้ยาก
ข้างกันมีท่านผู้เฒ่าคนหนี่งกวาดสายตาไปมาโดยรอบ พลางกล่าวขึ้นมาว่า
“เรียนใต้เท้า จำเลยมาถึงแล้วขอรับ ทว่า เจ้าทุกข์ยังไม่มาปรากฏตัวอยู่ในศาล”
จ้าวนครเพียงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าวถามเวลา
จากนั้นจึงหันมากล่าวกับทุกคนโดยทั่วกันว่า
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งก้านธูปที่จะเปิดศาลพิจารณาคดี หากว่าถึงเวลาเมื่อใดแล้ว เจ้าทุกข์ยังไม่มาปรากฏตัวอีก การพิจารณาคดีจักต้องหยุดก่อน รอเปิดศาลเพื่อพิจารณาคดีในรอบสองแทน”
ที่นี่ หารพิจารณาคดีในคราแรก หากคนมาไม่ครบหาได้ตัดสินคดีความเลยไม่ ยังมีโอกาสรอบที่สองอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นับว่ามีความเห็นใจแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่บ้างนางเสิ่นพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ใต้เท้าเจ้าคะ นั่นก็หมายความว่าเซี่ยซือห้าวมิกล้ามาแล้วไม่ใช่หรือในคราหน้ามันย่อมไม่กล้ามาอีกเป็นแน่ ยังจะต้องรีรอมันไปทำไมกัน เพียงแค่ตัดสินบุตรีของข้าว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ!”
“บังอาจ! ในศาลใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาตีร้องเล่นงิ้วได้หรือ?”
เพียงแค่น้ำเสียงที่ทุ้มลึกของจ้าวนครตวาดออกมานั้น
ท่านผู้เฒ่าพลันกล่าวสมทบขึ้นมาในทันที “ในเมื่อเจ้าทุกข์มิกล้ามา มิได้หมายความว่าบุตรีของเจ้าจะเป็นผู้บริสุทธิ์”
นางเสิ่นรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก พลางกล่าวขึ้นมาว่า
“เซี่ยซือห้าวผู้นั้น ยามที่อยู่ในแคว้นหงส์แดงก็เป็นเพราะหลงรักบุตรีของข้าข้างเดียว ถึงได้ผลีผลามกระทำการเช่นนี้ออกมา ในยามนี้ ยังตามมาราวีทำลายชื่อเสียงบุตรีข้าถึงเฉินตูอีก เมื่อตนเองเกิดความกลัวขึ้นมาเช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้ามาที่ศาลอีก เช่นนี้บุตรีของข้าก็ต้องพ้นข้อกล่าวหาแล้วไม่ใช่หรือ!”
“จักพ้นข้อกล่าวหาหรือไม่ ย่อมต้องมีหลักฐาน ข้าผู้เป็นจ้าวนครเพียงแค่ต้องการดูหลักฐานเท่านั้น หากเปิดศาลพิจารณาคดีถึงสองครั้งแล้ว เจ้าทุกข์ยังไม่มาอีก เรื่องนี้หาใช่เรื่องที่ศาลปกครองเช่นข้าจักต้องเป็นผู้จัดการต่อไม่”ท่านจ้าวนครเพียงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชานั่นก็หมายความว่าหากจำเลยต้องการจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองที่นี่นั้น นอกเหนือจากว่า หลักฐานที่เจ้าทุกข์นำมาเป็นของปลอมแล้วหากเจ้าทุกข์ไม่มา จำเลยจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่นั้น มีแต่ตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่รู้
นางเสิ่นโมโหยิ่งนัก นางมิได้คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านี่ขึ้น พวกนางคิดว่า ขอเพียงแค่เซี่ยซือห้าวไม่อาจมาปรากฏตัวได้แล้ว นั่นก็แปลว่าหยูเอ๋อร์ของนางเป็นผู้บริสุทธิ์
ยามที่นางเสิ่นคิดที่จะเอ่ยต่อไปนั้น กลับถูกเย่เจียหรงพูดตัดบทเข้าเสียก่อน
“ท่านแม่มิต้องรีบร้อนไปหรอกเจ้าค่ะ ลูกรู้ดีว่าท่านเป็นห่วงชื่อเสียงของน้องรอง ส่วนที่เหลือก็รอเซี่ยซือห้าวมาเสียก่อนค่อยพูดเถอะเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้น ยามที่ใต้เท้าตัดสินคดีออกมา ความจริงก็จะประจักษ์ออกมาให้ผู้คนได้เห็นเอง พวกเราตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง ”
นางเสิ่นจึงได้แต่นั่งลงอยู่ด้านข้าง อย่างมิใคร่พอใจนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...