บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 189

“จงอยู่ในความสงบ! ในยามนี้ ข้าผู้เป็นจ้าวนครจะทำการสอบสวนหญิงชราผู้นี้ ผู้อื่นห้ามพูด”ท่านจ้าวนครพลันตีค้นผู้พิพากษาลงบนโต๊ะไม้ พลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมเย่เจียหยูที่รอจะได้พูดคุยกับหญิงชราเสียสองสามประโยค จึงหมดโอกาสไปในทันที สีหน้าพลันแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ พร้อมทั้งนัยน์ตาที่หลุกหลิกไปมาอย่างตื่นตระหนกซุนหยวนชิ่งยังคงยืนอยู่ข้างกายนาง พร้อมกับกล่าวคำปลอบใจออกมา เพื่อให้สีหน้าของนางดีขึ้น ราวกับว่าเขาเชื่อถือในคำพูดของนางทุกอย่าง ทั้งยังคิดว่าหญิงชราท่านนี้ ต้องเป็นคนที่ถูกเซี่ยซือห้าวข่มขู่มาอย่างแน่นอนเซี่ยซือห้าวเตรียมการมาดียิ่งนัก ทั้งยังวิปลาสอีกด้วย การที่หยูเอ๋อร์ต้องมาเจอคนเช่นนี้ นับว่าน่าสงสารยิ่งนักเย่เจียหยูในยามนี้ไม่มีสติตังจะหันไปตอบกลับซุนหยวนชิ่ง ภายในใจของนางพลันรู้สึกกระวนกระวายไปหมดท่านจ้าวนครที่ตัดสินคดีมานับร้อยนับพันคดี ผู้ใดกำลังรู้สึกกระวนกระวายใจมีหรือที่พวกเขาจะมองไม่ออก?ท่านผู้เฒ่าจึงได้พาหญิงชราเดินเข้ามาใกล้ๆ ท่านจ้าวนครจึงเอ่ยถามว่า“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเป็นอันใดกับเย่เจียหยูงั้นหรือ?”“ข้าเป็นท่านย่าของเดรัจฉานผู้นี้! เป็นย่าแท้ๆ!”หญิงชราตอบกลับด้วยความโกรธแค้นเดรัจฉาน?มุมปากของเย่จายซิงพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยความเยาะเย้ย ในคราก่อน เป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่มักจะใช้คำนี้ด่าว่านาง ทว่า ในยามนี้นางกลับใช้มันด่าหลานที่นางรักมากที่สุด ช่างเป็นลมน้ำหมุนเวียนสับเปลี่ยนเสียจริงฮูหยินผู้เฒ่าเกลียดแค้นครอบครัวของเย่เจ๋อหย่งยิ่งนัก วันเวลาที่ผ่านมา นางต้องทนอยู่กับความยากลำบากมากกว่าทั้งชีวิตที่นางเคยพบเจอเสียอีก มีหรือที่นางจะช่วยพูดให้กับเย่เจียหยู

“ทั้งเย่เจียหยูและเซี่ยซือห้าวเคยมีการหมั้นหมายกันมาก่อนหรือไม่ที่แคว้นหงสา?”ท่านจ้าวนครกล่าวถาม“มีเจ้าค่ะ! ทางด้านจ้าวนครแคว้นหงสาต่างก็กำลังดำเนินเรื่องงานมงคลให้กับพวกเขาแล้ว ทว่า นางเดรัจฉานผู้นี้กลับมิอยากแต่งให้กับเซี่ยซือห้าว พลางกล่าวว่า เซี่ยซือห้าวในยามนี้เป็นคนพิกลพิการไร้แขนไปแล้ว หาได้มีความสามารถอันใดหลงเหลืออยู่ไม่! นางอย่างจะแต่งให้กับนายน้อยตระกูลลั่วเจ้าค่ะ จิตใจที่โลภมากของนางเดรัจฉานผู้นี้สูงเทียมฟ้ายิ่งนัก พวกคนในครอบครัวของมันทั้งหมด พากันชุบมือเปิบเงินในจวนแม่ทัพแล้วพากันหนีมาที่นี่ ทิ้งข้าที่เป็นหญิงแก่เอาไว้ในตระกูลเซี่ย ให้เผชิญหน้ากับแรงอาฆาตของพวกเขาเพียงผู้เดียว!!”

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าพูดจบ สีหน้าของเย่เจียหยูพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที

ซุนหยวนชิ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน พลางส่ายหัวไปมา เขาไม่เชื่อคำพูดของหญิงชราผู้นี้

ท่านจ้าวนครจักต้องมอบความบริสุทธิ์ให้กับหยูเอ๋อร์ของเขาได้แน่

สีหน้าของเซี่ยซือห้าวพลันมืดครึ้มไปในทันที ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเย่เจียหยูมีนิสัยที่น่ารังเกียจ หากแต่พอได้มาฟังจริงๆ ความเกลียดแค้นการอับอายเมื่อถูกดูหมิ่นพลันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

“ทุ้ย! นางยังกล้าที่จะแต่งให้กับนายน้อยตระกูลลั่วอีกเหรอ! มิคิดสำเหนียกดูตัวเองหรืออย่างไร ถึงยังกล้าฝันถึงตระกูลลั่วอีก!”“หญิงชราผู้นี้ต้องเป็นท่านย่าของนางอย่างแน่นอน นางย่อมมิได้กล้าโกหกเป็นแน่”“รู้หน้าไม่รู้ใจ คนในตระกูลนี้เลวยิ่งนัก!”“ซุนหยวนชิ่งมาชมชอบสตรีนางนี้ สายตาฝ้าฟางไปแล้วหรือ”ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างพากันพูดคุยหารือกันเสียวุ่นวายองค์หญิงหลิงหยุนพลันยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา ซุนหยวนชิ่ง นี่แหละคือสตรีที่เจ้าชมชอบนักชมชอบหนา!ท่านจ้าวนครมิได้ถามคำถามอื่นใดอีก ทั้งยังให้หญิงชราเขียนคำให้การเอาไว้ จากนั้นก็พากันไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง“ใต้เท้าเจ้าคะ! คำให้การของท่านย่าของข้า ต้องเป็นเพราะเซี่ยซือห้าวบังคับให้พูดเช่นนี้แน่นอนเลยเจ้าค่ะ นี่หาใช่ความจริงไม่ ย่อมไม่อาจมีน้ำหนักเป็นหลักฐานอันใดได้!”เย่เจียหรงพลันหันไปกล่าวกับท่านจ้าวนครด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม“ไม่ผิด”ผู้ใดจะรู้ว่า ท่านจ้าวนครเพียงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า

“เมื่อครู่ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดถึงนายน้อยลั่วขึ้นมานั้น ข้าที่เป็นจ้าวนครพลันนึกได้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นายน้อยลั่วพลันส่งโอสถมาให้ศาลปกครองมาไม่น้อยเลย หนึ่งในนั้นมียาคำจริงที่เอาไว้ใช้ในการสอบสวนอยู่ด้วย ข้าได้ให้คนนำมาทดลองใช้ดูแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เลวเลย

ในเมื่อทั้งสองฝ่ายความคิดไม่ตรงกันเช่นนี้ ทั้งยังไม่ยอมรับผมอีก เช่นนั้นก็คงต้องใช้ยาคำจริงมาพิสูจน์กันแล้ว ”เมื่อได้ยินว่า “ยาคำจริง” สามคำนั้น เย่เจียหยูพลันขนหัวลุกสู้ในทันที สายตาพลันจับจ้องไปยังเย่จายซิงก่อนหน้านั้น เย่จายซิงเคยใช้ยาคำจริงมาก่อนแล้วอีกทั้ง ลั่วกูหยุนและเย่จายซิงต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวด้วย ย่อมต้องเป็นเย่จายซิงที่บอกให้ลั่วกูหยุนนำยาคำจริงมาส่งที่ศาลปกครองเป็นแน่พวกนางพอจะรู้แล้วว่า เหตุใดจู่ๆเย่จายซิงถึงมานั่งฟังเรื่องราวในยามนี้ด้วย ที่แท้เย่จายซิงก็มารอดูพวกนางขายหน้าอยู่นี่เอง!พลันเห็นมุมปากของเย่จายซิงยกโค้งขึ้นมาในทันที พร้อมกับสายตาดำขลับที่จ้องมองมาที่พวกนางด้วยความเยาะเย้ย เสมือนกับกำลังรอชมเรื่องน่าขันของพวกนาง

“ไปนำยาคำจริงเข้ามา แล้วเอาไปให้เจ้าทุกข์กับจำเลยกิน”ท่านจ้าวนครพลันออกคำสั่งผู้คนด้านนอกที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันประหลาดใจไปในทันที ทั้งยังไม่เคยรู้เลยว่ายาคำจริงมันมีอยู่ในโลกนี้ด้วย มันสามารถทำให้คนพูดความจริงออกมาได้หรือ?“ไม่เอา! ข้าไม่กิน! ข้าไม่กินยาคำจริง!”เมื่อโอสถถูกนำมาแล้ว เย่เจียหยูพลันกรีดร้องปฏิเสธออกมาหากแต่เซี่ยซือห้าวเกิดความลังเลใจไปครู่หนี่ง เมื่อชำเลืองมองไปยังเย่จายซิงแล้วนั้น เขาก็หยิบโอสถเข้าปากไปในทันที

“ที่นี่คือศาล หากไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้วิธีที่พิเศษมาทำการตรวจสอบ ข้าที่เป็นใต้เท้าจึงสั่งให้พวกเจ้าทั้งสองกินโอสถไป หากว่าเจ้าไม่กิน นั่นแปลว่าเจ้ามีความผิดอยู่ในใจนะแม่นางเย่”ท่านผู้เฒ่าจึงเดินเข้ามา พลางพูดไปด้วย พร้อมกับจัดการบีบคางเย่เจียหยูเอาไว้ แล้วจึงโยนโอสถเข้าไปในปากของนางในทันทีเพียงแค่โอสถเข้าไปในปาก มันก็หลอมละลายไปในทันที เย่เจียหยูที่อยากจะคายออกมานั้นก็ไม่อาจทำได้ทันแล้วสีหน้าของนางพลันซีดเผือดไปในทันที. ในยามนั้น นางเคยเห็นเย่จายซิงสั่งให้สาวใช้กินยาคำจริงเข้าไป ยามที่สาวใช้พูดคำโกหกออกมานั้น หลอดเลือดที่อยู่ทั่วร่างของนางคล้ายกับจะระเบิดออกมาในทันที พร้อมกับรีบสารภาพความจริงออกมา ถึงได้รอดพ้นจากความตายมาได้“หยูเอ๋อร์ เจ้ามิต้องกลัว ในเมื่อใต้เท้ากล่าวว่าจะใช้ยาคำจริงนั้น เจ้าเพียงแค่พูดความจริงออกมาก็พอแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า ใต้เท้าเองก็จักคืนความบริสุทธิ์ของเจ้ากลับมาได้แน่”ซุนหยวนชิ่งยังคงเอ่ยคำปลอบใจออกมาเย่เจียหรงได้แต่แอบกำหมัดเอาไว้ นางมิเคยเห็นยาคำจริงมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินหยูเอ๋อร์พูดออกมาบ้าง นางจึงรู้สงสัยมันยิ่งนัก เพียงโอสถเม็ดเดียวย่อมไม่อาจทำให้คนพูดความจริงออกมาได้แน่

“เย่เจียหยู ทั้งเจ้าและเซี่ยซือห้าวเคยมีการหมั้นหมายกันมาก่อนหรือไม่!”น้ำเสียงของท่านจ้าวนครดังราวกับสายฟ้าฟาด ดังเข้าไปในโสตประสาทของเย่เจียหยูในทันที นางพลันส่ายหน้าไปมา“ไม่เคย ไม่อ๊าย!”จู่ๆ นางก็กรีดร้องออกมาเสียเสียงดัง เส้นเลือดทั่วร่างพลันค่อยๆปูดบวมขึ้นมา คล้ายกับใกล้จะระเบิดออกมาก็ไม่ปาน“มี! ข้าเคยหมั้นหมาย!”นางร้องตะโกนออกมาในทันทีเมื่อเย่เจียหยงได้ยินเสียงของน้องสาวตนเองยอมรับออกมานั้น นัยน์ตาที่ส่องสกาวพลันมืดครึ้มคล้ายกับแตกสลายไปในทันทีเย่เจ๋อหย่งคล้ายกับจิตใจได้แตกสลายไปแล้วเช่นกันมีเพียงนางเสิ่นเท่านั้น ที่จับแขนของซุนหยวนชิ่งเอาไว้ “หลานชาย เจ้าอย่าไปเชื่อนะ ยาโอสถต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนเลย หยูเอ๋อร์ของข้า หาได้เคยหมั้นหมายกับเซี่ยซือห้าวไม่!”“บังอาจ!”ท่านจ้าวนครกวาดสายตามองไปที่นางเสิ่นในทันที พร้อมกับหันมาถามเย่เจียหยูต่อว่า“เจ้าและเซี่ยซือห้าวเคยมีความสัมพันธ์แนบเนื้อกันหรือไม่? เป็นที่ใดเวลาใด? หยดเลือดที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้านั่น ใช่หยดเลือดหยวนหยินของเจ้าหรือไม่?”เย่เจียหยูพลันกัดปากแน่นอย่างไร้หนทางที่จะพูดโป้ปดออกมา สุดท้ายจึงได้พยักหน้าอย่างเอียงอายออกมาว่า“มี ก่อนที่ข้าจะออกจากแคว้นหงสาคืนหนึ่ง ภายในโรงเตี๊ยม ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นข้าที่ทำการปักขึ้นมาเอง ยามที่มีเลือดออกในขณะนั้น เซี่ยซือห้าวได้นำผ้าเช็ดหน้าของข้าไปเช็ดเลือดเก็บเอาไว้ พลางกล่าวว่าเขาอยากได้เป็นของที่ดูต่างหน้า”หา!ที่แท้เป็นเรื่องจริงหรือ!นางเป็นสตรีใจง่ายจริงๆด้วย เพียงเพื่อหินทิพย์หลายล้านก้อน ถึงกับต้องมานอนกับบุรุษ ทั้งยังทำการหนีงานมงคลสมรสตัวเองอีก!หากมิใช่เป็นเพราะยาคำจริงละก็ ทุกคนคงไม่มีทางรู้ได้แน่ว่านางเป็นบุคคลที่ไร้ยางอายเช่นนี้ นางแสดงได้ดียิ่งนัก ท่าทีน่าสงสารเช่นนั้น ทำตัวคล้ายกับผู้ที่ถูกทำร้ายก็ไม่ปานเมื่อได้ยินว่าซุนหยวนชิ่งยังมอบจวนให้พวกนางได้พักอาศัยอยู่หลังหนึ่งนั้น คงคิดว่าสตรีผู้นี้สวยงามราวเทพธิดากระมัง ที่ไหนได้ นาก็เป็นเพียงแค่สตรีที่นำหยดเลือดหยวนหยินของตนไปแลกกับหินทิพย์เพียงเท่านั้นสีหน้าของซุนหยวนชิ่งพลันมืดคล้ำราวกับก้นหม้อ เขาเพียงเอ่ยขึ้นมาว่า“ใต้เท้าขอรับ ยาคำจริงเกิดปัญหาหรือไม่ขอรับ บางทีหยูเอ๋อร์อาจจะกลับคำพูดก็ได้นะขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา