บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 190

ข้อสงสัยของซุนหยวนชิ่งหาได้ทำให้จ้าวนครกรุ่นโกรธไม่

ท่านจ้าวนครเพียงชี้ไปที่ยาคำจริง พร้อมกล่าวว่า

“ในเมื่อเจ้าสงสัยในประโยชน์ของยาคำจริงนั้น ท่านผู้เฒ่า นำยาคำจริงไปให้เขาลองสักเม็ดหนึ่งปะไร”ท่านผู้เฒ่าพลันพยักหน้า พร้อมกับยื่นยาคำจริงไปด้านซุนหยวนชิ่งในทันทีซุนหยวนชิ่งลังเลไปครู่หนึ่ง “ผู้ใดจะรู้กันว่ายาคำจริงมีผลลัพธ์เช่นไร มีข้อเสียเช่นไรไม่ บางทีมันอาจจะส่งผละกระทบต่อร่างกายก็เป็นได้ ข้าไม่อาจกินมันซี้ซั้วเข้าไปได้เช่นกัน”โอสถยาคำจริงเช่นนี้ ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าซุนหยวนชิ่งจะสงสัยในการทำงานของยาคำจริง แต่เขาก็มิกล้ากินยาคำจริงเข้าไปเช่นกันท่านผู้เฒ่าหาได้คิดสนใจไม่ ยามที่ซุนหยวนชิ่งพูดกับท่านจ้าวนครอยู่นั้น ท่านผู้เฒ่าก็พลันดีดเม็ดยาคำจริงเข้าปากซุนหยวนชิ่งไปในทันทีเย่จายซิงที่มองเห็นเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าผู้นี้ ฝีมือโหดเหี้ยมยิ่งนัก“เจ้าทำอะไรลงไป!”

ซุนหยวนชิ่งรับร้อนกล่าวออกมา

ท่านผู้เฒ่าเพียงแค่ยิ้มตาหยีและเดินถอยกลับไปที่เดิมของตนเองเท่านั้น

ท่านจ้าวนครจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า

“ มีคนอยู่ที่นี่มากมายเช่นนี้ ในเมื่อเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับโอสถยาคำจริงนั้น นี่จึงเป็นโอกาสอันดี ที่จักได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นโดยทั่วกัน ดังนั้น หากข้าถามอันใดเจ้าไป เจ้าเพียงตอบมาตามตรงก็พอแล้ว จักได้มิเกิดปัญหาอันใดตามมา หากเจ้าคิดโป้ปดละก็ เส้นเลือดในกายเจ้าก็จะเกิดการระเบิดออกมาจนสามารถปลิดชีพเจ้าได้ในทันที เช่นนั้นแล้ว ประสิทธิภาพของยาคำจริงเป็นเช่นไร เจ้าคงรู้เป็นอย่างดีแล้วกระมัง จักได้ไม่มาตั้งข้อสงสัยกับข้าที่เป็นใต้เท้าอีก””ซุยหยวนชิ่งพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขากลัวว่าท่านจ้าวนครจะเอ่ยถามสิ่งใดที่ไม่ควรถามออกไป

ยังดีที่ ท่านจ้าวนครเพียงเอ่ยถามว่า

“ซุนหยวนชิ่ง เจ้าได้หมั้นหมายกับผู้ใดหรือไม่?”

“ไม่มี”

ซุนหยวนชิ่งจึงรีบตอบไปตามตรง

“เช่นนั้นเจ้ามีสตรีในดวงใจหรือไม่? เป็นผู้ใด? เหตุใดจึงถูกใจนาง?”“เป็นเย่เจียหยู ข้าชื่นชอบที่นางมีท่าทีอ่อนหวานจิตใจดี ทั้งยังงดงามหาที่ใดเปรียบ ทั้งยังมีความสามารถมากมาย ในบางครั้งบางครา ยังสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารได้ไม่ยาก อยากจะให้ผู้คนกอดรัดนางด้วยความรักใคร่ อีกทั้ง แววตาที่นางใช้มองข้านั้น เต็มไปด้วยความรักจากใจจริง นั่นทำให้ข้ารู้สึกชมชอบนางที่ตรงนี้”“ล้วนแต่เป็นท่าทีเสแสร้งทั้งนั้น!” เซี่ยซือห้าวพลันพูดแรกขึ้นมา พร้อมด่าฉากใหญ่ว่า“ตัวข้าเอง ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ ถึงได้ชมชอบนางเช่นหัน นางมีรูปลักษณ์ที่ทำให้บุรุษเช่นพวกเราชมชอบ นางช่างเป็นนางสารเลวโสเภณีโดยแท้จริง!”เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้น พลันตกตะลึงไปในทันที ที่แท้สตรีนางนี้มีมารยาล้ำเลิศยิ่งนัก แม้แต่บุรุษธรรมดายังหลงรักนางได้ไม่ยาก“ไม่ ไม่ใช่”เย่เจียหยูที่อยากจะพูดแก้ตัวให้กับตนเองนั้น

ยามที่นางตั้งใจจะเอ่ยปากพูดออกมา เส้นเลือดทั่วร่างของนางก็พลันเกิดการบีบรัดในทันที เจ็บปวดเสียจนนางต้องกรีดน้องออกมาเสียฉากใหญ่“อ๊าย! ใช่แล้ว! ไม่ผิดไป! ข้าตั้งใจที่จะเกี้ยวพวกเจ้าเท่านั้น! ในทีแรกเป็นเพราะเซี่ยซือห้าวมีประโยชน์กับข้า ข้าจึงตั้งใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขา ทั้งยังไปเกลี้ยกล่อมกับเย่จายซิงว่าเซี่ยซือห้าวชมชอบนาง เพื่อเย่จายซิงมาเกี่ยวพันกับเขา เพื่อนางอับอายขายหน้าต่อเซี่ยซือห้าว เช่นนี้ข้าจะได้มีรูปลักษณะเป็นสตรีอ่อนหวานบริสุทธิ์!

ต่อมา เมื่อเซี่ยซือห้าวหลงรักข้าจนหัวปักหัวปำ ข้าก็เลยรู้วิธีที่จะใช้มัดใจบุรุษได้ในทันที ยามที่อยู่กับซุนหยวนชิ่งนั้น ข้าจึงเรียนรู้วิธีที่จะใช้เกี้ยวพาราสีให้เขาชมชอบข้า วิธีนี้ ง่ายกว่าตอนข้าทำกับเซี่ยซือห้าวเสียอีก เขามีความใจใหญ่ ข้าจึงแสร้งทำทีเป็นชื่นชมเขา เพื่อให้ในใจเขารู้สึกลำพองตัวเอง เมื่อเขาตกหลุมรักข้าจนหมดหัวใจแล้ว ผ่านไปไม่นานเขาก็ยกจวนให้พวกข้าอาศัยอยู่ในทันที”เย่เจียหยูพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากว่านางเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จนนางเสียสติไปในทันทียามที่เย่เจียหยูได้สติกลับมานั้น ก็ปิดปากตนเองไม่ทันเสียแล้วซุนหยวนชิ่งพลันเดินเข้าไปตบหน้านางอย่างรุนแรง พร้อมกับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ เจ้ามันสารเลวจริงๆ!”แต่ก็ยังมิหนำใจ ทั้งยังลากเย่เจียหยูมาบนพื้น พร้อมกับเตะนางเสียหลายครั้งแม้แต่ บิดามารดาและพี่สาวของนางที่ยืนอยู่ข้างกันนั้น ก็ยังมีผู้ใดลุกเข้าไปช่วยเหลือเย่เจ๋อหย่งและนางเสิ่นทั้งตกใจทั้งโมโห มิรู้ว่าตนเองควรจะจัดการเรื่องราวให้ไปทิศทางเช่นไรดีเย่เจียหรงที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่นั้น แววตาของนางฉายแววล้ำลึกยิ่งนักก็ยังเป็นท่านจ้าวนครที่ร้องตะโกนให้ซุนหยวนชิ่งหยุดมือ พร้อมกับสั่งคนลากตัวเขาออกมา

ประสิทธิภาพของยาคำจริงมีเวลาไม่นานนัก ทว่า สิ่งใดที่ควรถามก็ได้เอ่ยถามไปจนหมดแล้ว ทุกคนล้วนเห็นด้วยตาฟังด้วยหูตนเองทั้งหมด พวกเขาย่อมคิดได้เองว่าผู้ใดผิด ผู้ใดถูก มิจำเป็นต้องให้ท่านจ้าวนครทำการตัดสินสิ่งใดอีก ผู้คนล้วนแต่รู้แจ้งเห็นชัดหมดแล้ว

ยามที่ท่านจ้าวนครกำลังประกาศว่าเย่เจียหยูเป็นผู้กระทำผิดนั้น ชาวบ้านก็ได้เตรียมทั้งไข่เน่าผักไม้ใบหญ้าต่างๆ ขึ้นมาโยนใส่ไปที่เย่เจียหยูในทันที

นับว่าโชคดีที่เย่จายซิงรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ยามที่การพิจารณาคดียังไม่ทันจบลง นางก็ได้หลบตัวเดินออกมาจากศาลก่อนแล้ว

ทั้งท่านจ้าวนครและท่านผู้เฒ่าเอง หนีไปเร็วยิ่งนักมิทันเห็นเงาคน พวกเขาก็หายไปแล้ว

ผู้คนที่อยู่ด้านในต่างก็ได้รับความซวยไปพร้อมๆกับเย่เจียหยู ทั่วร่างพลันเต็มไปด้วยกลิ่นไข่เน่าและมูลไก่ต่างๆมากมาย

“ผู้ใดอยากได้ยาคำจริงๆ ไปซื้อได้ที่หอไป๋เป่า!”

ก่อนจะจากไปนั้น เย่จายซิงยังอดมิได้ที่โฆษณาร้านขายโอสถของตนเอง จนทำให้นางเสิ่นที่ได้ยินโมโหเป็นฟืนเป็นไฟไปในทันทีเมื่อได้เห็นภาพงิ้วเหล่านั้นแล้ว เย่จายซิงเพียงแย้มยิ้มและกลับไปหอไป๋เป่าของตนเองเมื่อคิดถึงสภาพครอบครัวของเย่เจียหรงแล้วนั้น ภายในใจของเย่จายซิงพลันรู้สึกเป็นสุขยิ่งนัก ความสุขของตนที่เกิดจากความทุข์ของผู้อื่นช่างดีจริงๆ ทว่า คนเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการสั่งสอนมาตั้งนานแล้ว เรื่องในวันนี้นับว่าเป็นอันใดกัน อนาคตข้างหน้าพวกเขายังต้องเจอมากกว่านี้อีกนอกเสียจากว่า ตระกูลของพวกเขาจะย้ายถิ่นออกจากเฉินตูไปที่อื่น มิเช่นนั้น หากยังอยู่ในเฉินตูคงได้โดนชาวบ้านมาทุบตีไม่เว้นวันแน่ ทว่า พวกเขาจะทำใจออกจากเฉินตูที่รุ่งเรืองมากที่สุดไปได้หรือ? ที่นี่เป็นศูนย์รวมอำนาจที่รุ่งเรืองที่สุดเอาไว้เชียว ตระกูลพวกเขายึดติดกับอำนาจเหล่านี้จะตายไปเกรงว่า พวกเขาคงจะพยายามลำบากในยามนี้ เพื่อที่จะได้ชิวิตที่ดีในวันหน้าแทนกระมังยาคำจริงนั้น เป็นยาที่นางได้มอบให้กับลั่วกูหยุนนางรู้ดีว่าถึงอย่างไรเย่เจียหยูย่อมไม่ตกปากรับคำเป็นแน่ รวมไปถึงแผนการอันล้ำเลิศของเย่เจียหรงด้วยนั้น จักต้องเล่นลิ้นเล่นกลมากมายแน่ ไม่ว่าเซี่ยซือห้าวจะเอาหลักฐานมากองไว้ตรงหน้ามากเท่าใดก็ตาม พวกนางก็ไม่ยอมรับอย่างแน่นอน

ดังนั้นจึงได้มอบยาคำจริงให้เย่เจียหยูกินเข้าไป เพื่อให้เย่เจียหยูเป็นคนสารภาพออกมาด้วยตนเองจะดีกว่าในยามนี้ ก็เพียงปล่อยให้พวกหมากัดกันไปมาเสียก่อน ให้พวกนางได้ดิ้นรนกันไปเช่นนี้ นั่นทำให้เย่จายซิงรู้สึกสงบสุขยิ่งนัก“พระชายาเพคะ นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อนางเดินเข้าไปได้ไม่นาน ก็พลันได้ยินเสียงของเหยียนเฟิงดังขึ้นมาในทันทีภายในใจของนางในยามนี้เต็มไปด้วยความสุขท่วมท้น ฝีเท้าพลันรีบก้าวไปยังบนหอคอยในทันที ก็พลันพบกับโม่เสิ่นหยวนที่ยืนพิงหน้าต่างอยู่ แผ่นหลังที่สูงใหญ่ เมื่อได้ยินการมาของนางนั้น เขาก็พลันหันหน้ามาหา คิ้วที่เป็นเรียวยาวฉายแววเย็นชาออกมานั้น กลับดูอ่อนโยนลงเมื่อมองมาที่เย่จายซิงโม่เสิ่นหยวนก้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตนตัวเอง“เสด็จอา เป็นอะไรหรือเพคะ?”เย่จายซิงพลันได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ทว่า มิใช่กลิ่นเลือดของเขา“ไปจัดการกับคนพวกหนึ่งมาก”เขาเพียงพูดประโยคสั้นๆ ออกมาเท่านั้น หากแต่นางรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติไปในทันที เมื่อลองคาดเดาดู เกรงว่าในวังคงมีเรื่องอะไรกระมังยามที่เย่จายซิงคิดจะเอ่ยปลอบใจนั้น ก็กลับได้ยินเขาพูดขึ้นมาข้างหูว่า“ข้าได้ข่าวมาว่า แดนเหนือมีอสูรเทพมาปรากฏตัว ข้าจึงสั่งให้คนติดตามไปแล้ว หลิวหยิงก็รุดหน้าไปแดนเหนือแล้วเช่นกัน ซิงเอ๋อร์ วันพรุ่งเจ้าออกเดินทางไปกับข้าเถิด หลิวหยิงไม่เหมาะจะไปทำพันธสัญญากับอสูรเทพ ใกล้วันเกิดของเจ้าแล้ว อสูรเทพตนนั้น ถือเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าแล้วกัน”นัยน์ตาของเย่จายซิงพลันเปล่งประกายไปในทันที “อสูรเทพหรือ?”นางเคยเห็นกิเลนของโม่เสิ่นหวนกับมังกรเขียวของเขามาก่อน พลันรู้สึกว่าอสูรเทพกับอสูรทิพย์มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก รวมไปถึงแรงกดดันของเจ้าไป๋ที่แพร่กระจายออกมานั้น ยังสามารถทำให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีอำนาจต่อต้านมันได้หากนางสามารถทำพันธสัญญากับมันได้ละก็ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก“หากต้องไปแดนเหนือละก็ ข้าย่อมไม่อาจกลับมาได้ง่ายๆ เช่นนั้นข้าจะปิดหอไป๋เป่าไปช่วงหนึ่งแล้วกัน”“หาได้จำเป็นต้องปิดไม่” โม่เสิ่นหยวนพลันแย้มยิ้มกล่าวออกมา“หื้ม?”เย่จายซิงเหม่อมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของเขา พร้อมกับกะพริบตาถี่ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา