บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 192

ถึงแม้ว่าลั่วกูหยุนจะมาเข้ามาที่หอไป๋เป่าทุกสามวันห้าวัน นั่นก็เป็นเพราะว่ากิจการที่หอไป๋เป่าดียิ่งนัก

ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่คิดเลยว่า หอไป๋เป่าจะใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็จะสามารถทำการค้าขายโอสถออกมาได้เช่นนี้ ขึ้นเป็นที่หนึ่งของร้านขายโอสถในเฉินตูเลยทีเดียว

เขารู้สึกว่าตนเองประมาทการทำสมาชิกลูกค้าของเย่จายซิงไปมาก ในยามนี้ เมื่อตนเองกลับมาครุ่นคิดดูแล้วนั้น โอสถของนางที่ขายแม้ว่าจะราคาถูก กำไรเหมือนจะได้น้อย หากปริมาณในการส่งออกมีมากยิ่งนัก เมื่อกลับมาคิดดูแล้ว กำไรที่นางได้อาจจะมิได้มากเท่าที่ควร

ทว่า เมื่อเขาได้มาเห็นสมุดบัญชี เขาก็ยิ่งเถิดทูลเย่จายซิงมากเข้าไปอีก ทั่วทั้งเฉินตูคงไม่เคยมีผู้ใดคิดวิธีเช่นนี้ได้แน่ นางคิดวิธีการค้าขายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน ?

“เย่จายซิง เจ้าวางใจและออกไปเที่ยวเล่นกับเซ่าตี้ได้เลย ข้าจะคอยดูแลหอไป๋เป่าและน้องชายของเจ้าให้เอง!”เขากล่าวกับเย่จายซิงด้วยท่าทีจริงจังเย่จายซิงเพียงแค่แย้มยิ้มกล่าวออกมา“เรื่องที่ไหว้วานเจ้านั้น ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว วันพรุ่งข้าจะมอบโอสถไขกระดูกเย็นให้เจ้าอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าเพียงแค่นำมันออกมาขายอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็พอแล้ว ยิ่งมันมีจำนวนจำกัดมากเท่าใด ย่อมต้องมีคนอยากมาซื้อมันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น หอไป๋เป่าก็จะยังคงรักษาความเป็นที่นิยมเอาไว้ได้อยู่เสมอ”“เช่นนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก!”ลั่วกูหยุนที่ยังอยากจะพูดอะไรอีกมากมายนั้น กลับถูกแววตาดำขลิบของโม่เสิ่นหยวนเอ่ยปากไล่เสียก่อน

“เขามีแต่คำพูดไร้สาระเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดให้น่าฟังหรอก”

โม่เสิ่นหยวนกล่าวกับนาง

เย่จายซิงได้แต่หันหน้าไปแอบหัวเราะ เพื่อเสแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทีหวงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอาไว้ ที่ไม่ชอบให้บุรุษคนใดมาคุยกับนาง

“ซิงเอ๋อร์ คืนนี้ข้ารั้งอยู่ที่นี่ ดีหรือไม่?”

โม่เสิ่นหยวนพลันจับคางนางลงมา พร้อมกับจ้องไปในนัยน์ตาของนางแล้วพูดออกมา“หา?”

แก้วของเย่จายซิงพลันแดงก่ำ นางคิดว่าความหมายที่เขาต้องการจะค้างคืนที่นี่มีความหมายอื่นแอบแฝง จึงรีบร้อนส่ายหัวไปมาโดยไว “ไม่ได้ ยามนี้ยังไม่ได้”

“ซิงเอ๋อร์เจ้ากำลังคิดลามกอยู่ใช่หรือไม่ ข้าเพียงบอกว่าต้องการจะค้างอยู่ที่หอไป๋เป่าคืนหนึ่ง วันพรุ่งนี้พวกเราจักได้ออกเดินทางกันแต่เช้า”แววตาของโม่เสิ่นหยวนพลันเต็มไปด้วยความขบขัน ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยความชอบใจเย่จายซิงจึงนึกขึ้นมาในทันทีว่า เมื่อครู่โม่เสิ่นหยวนกล่าวว่า เซ่าตี้ได้ทำการปิดจวนไปแล้ว แน่นอนว่าโม่เสิ่นหยวนจึงไม่อาจกลับเข้าไปในวังได้อีก“ท่านตั้งใจแกล้งข้า!”เย่จายซิงแสร้งทำเป็นผลักเขาออกไปในทันที“ซิงเอ๋อร์ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่แกล้งเจ้าอีกแล้ว แต่ข้าคิดจริงๆ ”สีหน้าของโม่เสิ่นหยวนพลันเปลี่ยนเป็นความร้อนใจในทันที พร้อมกับรั้งโอบเอวของนางให้เข้ามาใกล้ๆ ลมร้อนกำลังปะทะลงมาที่จมูกของนาง ครั้งนี้ นับว่าเป็นความหมายแฝงของจริง

“เช่นนั้นท่านก็คิดไปเถอะ”

เย่จายซิงรีบเอ่ยปฏิเสธออกมา มีผู้ใดบ้างที่เริ่มสานสัมพันธ์ได้ไม่นาน ก็จะรีบเข้าสู่กระบวนการเช่นนั้นในทันที นางยังไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้นในครั้งนี้ นางผลักโม่เสิ่นหยวนออกมาจริงๆ ในยามนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะข้ามเขตแดนนั้นไปได้เมื่อประตูถูกปิดลงนั้น ใบหน้าของนางพลันแดงก่ำจนต้องรีบร้อนเข้าไปล้างหน้าล้างตาในทันที เพื่อเรียกสติตัวเองนางพลันรู้สึกว่า เสด็จอาเป็นฮอร์โมนที่กำลังเคลื่นไหวในร่างกาย เป็นเทพบุตรแห่งความเย้ายวน!“นายท่าน วันนี้ท่านจะฝึกปรุงยาหรือไม่ขอรับ?”เจ้าไป๋พลันบินลอยไปมาอยู่บนหัวจนทำให้เย่จายซิงอดไม่ได้ที่จะหยิบแก้มของมันที่คล้ายซาลาเปา พลางกล่าวว่า“ข้าจักต้องปรุงยาโอสถไขกระดูกเยือกและยาคำจริงเป็นจำนวนมาก เจ้าช่วยข้าเตรียมวัตถุดิบหน่อย ดูว่าเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอละก็ ข้าจักได้สั่งให้คนไปซื้อวัตถุดิบมาเพิ่ม”

“พอแล้วพอแล้ว! นายท่านชอบฝึกปรุงยามากมายนั้น เสี่ยวไป๋ได้การปลูกมันออกมาแล้ว วัตถุดิบการปรุงยาที่อยู่มิติเวลานั้นสุกงอมเร็วมาก ในตอนนี้มันเต็มไปทั่วโรงยาแล้ว”หลังงานที่คืนวาน มิติเวลาได้การทำการขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง ทุ่งหญ้าโอสถก็ขยายมากยิ่งขึ้น วัตถุดิบในการปรุงยาก็ใช้เวลาในการเติบโตไวมากกว่าเดิม ในตอนนี้ระยะเวลาของโลกภายนอกหนึ่งวันนั้น เทียบเท่ากับมิติเวลาถึงยี่สิบวันเลยเชียว เช่นนี้จึงลดหย่อนเวลาลงไปได้มากถึงแม้ว่ามันจะต้องหินทิพย์ไปเป็นจำนวนมากนั้น เงินที่ได้มานางก็มิได้เก็บหอมรอมริบเอาไว้บ้างเลย ล้วนแต่นำมาเพิ่มระดับตนเองจนหมด ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ ก็ทำให้นางรู้สึกพอใจมากเช่นกันเย่จายซิงจึงเริ่มทำการปรุงยาอยู่ภายในมิติทั้งวันทั้งคืนในทันที นางออกไปในครานี้ไม่รู้ว่าตนเองจะกลับมาอีกครั้งเมื่อใด หากว่าเสด็จอากล่าวเช่นนี้แล้ว เกรงว่าอย่างน้อยๆคงต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเลยกระมัง ทั้งยังรวมเวลาที่ไปตามหาอสูรเทพอีกหากว่าอสูรเทพมิเปิดเผยล่องลอยของตนเองออกมาอีกแล้ว เช่นนั้นระยะเวลาที่ใช้การตามหาจักต้องยืนยาวออกไปอีกด้วยเย่จายซิงจึงได้ใช้วัตถุดิบในการทำยาทั้งหมดกลั่นออกมาเป็นโอสถ แล้วจึงนอนหลับอยู่ในห้วงเวลาเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้างกายนั้น พลันหันไปชำเลืองมองกองยาที่คล้ายกับลูกอมยิ้มมากมาย แล้วจึงส่ายหัวไปมา มีเพียงนายท่านของมันเท่านั้นที่มิได้คิดสนใจโอสถเช่นนี้มันจึงได้หยิบขวดหยกขึ้นมา พร้อมกับนำโอสถค่อยๆ เข้าไปในขวดทันทีจู่ๆ ก็มีจิ้งจอกแดงตัวหนึ่งพลันโผล่ออกมา พร้อมกับค่อยๆ ใช้กงเล็บกางออกมา ยังมิทันที่กรงเล็บจะถูกขวดโอสถนั้น ก็พลันถูกเสี่ยวไป๋คว้าเอาไปเสียก่อนจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงที่รูปร่างคล้ายกับลูกสุนัขกำลังส่ายหางไปมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์กำลังเอากัวถูไถไปที่ขาของเสี่ยวไป๋“พอแล้วพอแล้ว ขนหลุดล่วงไปหมดแล้ว ยามที่นายท่านกำลังปรุงยานั้น เจ้าแอบกินไปตั้งสามเม็ด อย่าคิดว่าข้ามองไม่เห็นนะ นั่นเป็นเพราะว่านายท่านทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งต่างหาก เจ้ามันจิ้งจอกตะกละ!”ลูกจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงพลันส่ายหางไปมา พร้อมกับทำท่าน่าสงสารมองไปที่เสี่ยวไป๋เสี่ยวไป๋มิได้กินมันลงไป พร้อมกับทำหน้ายักษ์เก็บโอสถลงไปจนหมดโดยมิได้สนใจมันอีก ลูกจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงที่เห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ทำทีโมโห พร้อมกับเอาหน้าซุกไปที่หางนอนหลับในทันทีมันรักการนอนเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่ามันยังเป็นเด็กอยู่ ยามที่มันหลับไปนั้น ใช้เวลานานเป็นสิบวันถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียวเมื่อมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นายท่านที่มักจะชอบฝึกปรุงยาก็หายตัวไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว มันจึงพ่นเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจ จู่ ๆ ก็ส่งสายตาแวววับออกมา เนื่องจากมันเห็นว่าด้านหน้าของมันมีขวดยาโอสถสีสันสวยงามอยู่มากมายเลยทีเดียวด้านในขวดหยดมีโอสถถึงยี่สิบชนิดอยู่ภายใน!ลูกจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงเช่นมันชื่นชอบการกินโอสถยิ่งนัก ทว่า มันหาได้เป็นเหมือนผู้บำเพ็ญเพียรไม่ ขอเพียงโอสถที่มันกินไม่ใช่โอสถพิษก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นโอสถทุกชนิดมันจึงกินลงไปได้หมด ทั้งยังสามารถรักษาประสิทธิภาพของยาให้คงทนอยู่ในร่างกายได้อีกด้วยยามที่มันกินโอสถลงไปนั้น ให้ความรู้สึกกับอมยิ้มก็ไม่ปานหากแต่เสี่ยวไป่กลับรู้สึกว่า การให้จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงกินโอสถเข้าไป มันทำให้เสียเวลาและเสียพลังชีวิตเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อนายท่านโปรดปรานจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงนั้น ทั้งยังให้มันกินโอสถราวกับลูกอมยิ้มได้เช่นนี้ก็ตามใจเถิด พวกเราหาได้ขาดแคลนโอสถไม่เมื่อเสี่ยวไป๋เห็นมันกินโอสถด้วยท่าทีมีความสุขนั้น ก็ค่อยๆ เก็บขวดยาเล็กๆ ด้วยท่าทีระมัดระวัง พร้อมกับกระซิบกล่าวว่า “ไม่มีอะไร” หลังจากนั้นก็หยิบขวดยาเล็กๆ ในอกออกมา แล้วจึงโยนไปให้มันเมื่อจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงเห็นเช่นนั้น ก็มีความสุขยิ่งนัก พลันส่งเสียงเรียกร้องออกมา เสี่ยวไป๋จึงบ่นออกมาว่า “พูดก็ยังพูดไม่ได้ ข้าไม่เข้าใจหรอกว่าเจ้าจะพูดอะไร รอเจ้าพูดเป็นเมื่อไหร่ค่อยมาขอบคุณข้าก็แล้วกัน”จิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงพลันหลี่ตาลง เสี่ยวไป๋ปากหนักยิ่งนัก แต่ก็ยังเหลือโอสถมาให้มันกินเล่นด้วยเช่นกันทั้งเสี่ยวไป๋และนายท่านเป็นคนดียิ่งนัก

หลังจากที่เย่จายซิงออกไปนั้น นางก็เอ่ยกำชับน้องชายของตนเสียสองสามคำ ถึงแม้ว่าเสี่ยวยู่จะเป็นกังวลและไม่อยากให้นางไป แต่ในเมื่อมันเป็นโอกาสของพี่สาวของเขา เขาจึงได้แต่เอ่ยกำชับกับโม่เสิ่นหยวนให้ดูและพี่สาวของตนเองดีๆ ด้วย

“วางใจ”

ถึงแม้ว่าโม่เสิ่นหยวนจะพูดออกมาเพียงแค่สองคำ แต่เย่ยู่หยางก็เห็นท่าทีที่เคร่งขรึมของเขา ก็รู้โล่งใจออกมา“ด้านในนี้เป็นยาคำจริง ในถุงนั้นเป็นยาโอสถไขกระดูกเยือก เจ้าเก็บเอาไว้ให้ดี”เย่จายซิงพลันส่งถึงที่ใส่ยาทั้งสองประเภทเอาไปลั่วกูหยุนยามที่ลั่วกูหยุนเปิดออก พร้อมกับกวาดตามองนั้น ภายในใจพลันตกตะลึงไปในทันทีปริมาณเม็ดยาในนั้นหาได้มีน้อยๆ ไม่!มิต้องพูดเลยว่าเดือนหนึ่ง ขอเพียงวันหนึ่งนำออกไปขายเพียงไม่กี่เม็ด แม้ว่านางจะไม่กลับมาถึงสามเดือนก็ยังพอประคับประคองต่อไปได้อีกไหนจะยังมียาคำจริงอีกด้วย เมื่อวานที่ศาลปกครองใช้งานยาคำจริงไปนั้น เพียงแค่ตอนกลางวัน ยาคำจริงก็ถูกขายออกไปได้ถึงสามร้อยเม็ด ทั้งยังขายดียิ่งกว่าโอสถชนิดอื่นอีกด้วยนี่มันถือว่าเป็นตัวเรียกเงินเรียกทองเลยไม่ใช่หรือ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา