บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 193

สูตรยาของยาคำจริงอยู่ภายในถุงนั้นเช่นกัน แต่ทว่า ยาชนิดนี้มันจะได้รับความนิยมเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ถึงอย่างไรก็พยายามดันโอสถไขกระดูกเยือกกับยาโอสถชนิดอื่นให้ขายออกไปเถิด

เย่จายซิงหันไปกล่าวกับลั่วกูหยุน

“เจ้านำตำรับยาคำจริงมามอบให้ข้า?”ลั่วกูหยุนพลันถลึงตาโตไปในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อถึงแม้ว่าโอสถไขกระดูกเยือก นางเพียงแค่ให้เขาฝึกปรุงมันออกมา แต่เดิมเขาก็มีตำรับยาชนิดนี้อยู่แล้ว อีกทั้ง สมาคมปรมาจารย์กลั่นยาส่วนใหญ่ก็กำลังฝึกปรุงโอสถไขกระดูกเยือกอยู่เช่นกันหากแต่ยาคำจริง มีเพียงเย่จายซิงเท่านั้นที่มีตำรับยาชนิดนี้อยู่ในมือ ผู้อื่นหาได้เคยได้รู้จักยาชนิดนี้ไม่ตำรับยาล้ำค่าเช่นนี้ นางได้มอบมันให้กับเขางั้นหรือ!ในคราวก่อนนางก็มอบตำรับยามาให้เขาสองชนิดแล้ว ถึงสามารถทำให้ตระกูลลั่วผุดขึ้นมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้งแม้ว่าบิดาของเขาจะมิเคยได้พบกับเย่จายซิงมาก่อน แต่ทว่าเขาซาบซึ้งในน้ำใจของนางเป็นอย่างมากครั้งนี้ นางยังมอบตำรับยาคำจริงให้กับเขาอีก!“ตำรายาเพียงอันเดียวเท่านั้น ขอเพียงแค่ตระกูลลั่วของเจ้าไม่นำข่าวนี้ไปแพร่ด้านนอกเป็นพอแล้ว”เย่จายซิงพลันพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร

ในสายตาของนาง ตำรายาคำจริงนั้น ขอเพียงผ่านช่วงเวลาที่เป็นที่นิยมเหล่านี้ไปได้ ต่อไปคนย่อมไม่ซื้อมันน้อยลงแล้วเสมือนกับเมื่อวานที่มีการซื้อขายไปถึงร้อยเม็ดนั้น ในคราหน้าย่อมมิมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้วเช่นกันโอสถที่นากลั่นออกมาย่อมมีจำกัด ถ้าหากว่าตระกูลลั่วสามารถคว้าโอกาสในการค้าขายนี้เอาไว้ได้ ยามที่เหล่าปรมาจารย์กลั่นยาออกมาได้มากเท่าใด นั่นก็หมายความว่าหินทิพย์ย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์กันทั้งนั้นหากแต่ลั่วกูหยุนพลันรู้สึกว่า นางเห็นความสำคัญของตระกูลลั่ว พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยท่าทีจริงจังว่า“เจ้าวางใจได้ ตำรับยานี้ จะมีเพียงบุคคลสำคัญในตระกูลลั่วเท่านั้นที่ได้เห็นมัน ตำรายานี้ย่อมไม่มีทางให้คนนอกเห็นอย่างแน่นอน”เย่จายซิงเพียงพยักหน้าเล็กน้อย“ได้ หากเจ้ามีเรื่องอะไรก็ใช้แผ่นหยกติดต่อข้ามาละก็ เสด็จอาเองก็นำองครักษ์เงามาไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีคนของตระกูลลั่วมาคอยเฝ้าระวังให้เช่นนี้อีก ข้าย่อมวางใจมากกว่าเดิม มีเพียงฝั่งของเสี่ยวยู่เท่านั้น หากเจ้าช่วยข้าดูและเขาได้ ข้าก็วางใจ”

สิ่งที่นางเป็นกังวลมากที่สุดก็คือเสี่ยวยู่ นางที่มีศัตรูคู่แค้นมากมายทั่วเฉินตูเช่นนี้ นางจึงกลัวว่า ยามที่นางไม่อยู่ จะมีคนพุ่งเป้ามาทำร้ายน้องชายของนางเอาได้แม้ว่าปืนจะทำการซ่อนได้ง่ายนัก ถึงอย่างไรย่อมไม่อาจซ่อนศรที่มองเห็นได้มิด

ลั่วกูหยุนย่อมต้องให้ความสนใจ นั่นเพราะเสี่ยวยู่เป็นสหายของเขา ทั้งยังเป็นน้องชายแท้ของนางอีก ในยามนี้ทั้งนางและเขายังเป็นทั้งสหายและคู่ค้าที่ดีอีกด้วย ความสัมพันธ์จึงใกล้ชิดเข้ามาอีกขั้นหนึ่ง เขาย่อมต้องส่งคนคอยดูแลเสี่ยวยู่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

“พี่ ท่านมิต้องเป็นกังวลเรื่องข้าหรอก ยามที่ท่านออกไปนั้น ข้าจะเก็บตัวอยู่แต่ในโรงเตี้ยมหรือไม่ก็อาจจะเก็บตัวฝึกปรุงยาอยู่ที่นี่เสียเลย ข้าจะออกไปด้านนอกให้น้อยลง แต่ท่าน ท่านออกไปแล้ว ท่านต้องระมัดระวังตนเองด้วยเล่า”เย่ยู่หยางพลันเดินเข้ามาพอดี พร้อมกับได้ยินคำพูดที่พี่สาวของตนฝากฝังตนเองไว้กับลั่วกูหยุนในทันที

เย่จายซิงที่ยิ้มออกมา พร้อมกับเตรียมจะเข้าไปหยิกแก้มน้องชายตนเองนั้น พลันเห็นสายตาของเสด็จอาเอ่ยห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน นางจึงได้แต่เปลี่ยนมาเป็นตบไหล่น้องชายของตนเองแทน

หลังจากบอกลาเสี่ยวยู่แล้วนั้น เย่จายซิงก็ออกเดินทางพร้อมกับโม่เสิ่นหยวนในทันที

เป้าหมายของพวกเขาคือการเดินทางไปแดนเหนือที่เทือกเขาชื่อยู่ ตามที่องครักษ์เงารายงานมานั้น อสูรเทพปรากฏร่อรลอยในครั้งสุดท้ายออกมาก็คือที่นี่

ผู้ใดจะไปคิดกันว่าเทือกเขานั้นจะอยู่เหนือสุดเขตของแดนเหนือเช่นนี้ นับว่าโชคดีที่สามารถใช้ค่ายวาร์ปโบราณได้ จึงสามารถเคลื่อนตัวจากเฉินตูมายังแดนเหนือนครอู่ยุ่น นครอู่ยุ่นอยู่ไม่ไกลจากเมือกเขาชื่อหวี่มากนัก ขอเพียงใช้เวลาเดือนทางเจ็ดแปดวันก็ถึงแล้ว

นอกจากเฉินตู เย่จายซิงกับโม่เสิ่นหยวนจึงนั่งค่ายวาร์ปมายังนครอู่ยุ่นในทันที

เมื่อออกมาจากค่ายวาร์ปแล้วนั้น ก็พลันมีลมหิมะสายหนึ่งกระหน่ำพัดเข้ามาในทันที เย่จายซิงที่ถูกอุณหภูมิต่ำกดล้อมรอบตัวอยู่นั้น พลันเกิดอาหารหนาวสั่นออกมา

หนาว ไม่ใช่อาการหนาวธรรมดาด้วย นางพลันรู้สึกได้ว่าต้องเป็นอากาศหนาวที่ติดลบอย่างแน่นอน ทว่า สายลมทีพัดผ่านนั้นราวกับพัดเข้าไปลึกถึงกระดูกนางเลยทีเดียว คล้ายกับว่าต้องการให้เลือดของนางในร่างเกิดการแข็งตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา