บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 212

องค์หญิงหลิวอิ๋งไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นโหมวหลินหรือไม่เป็น

ถึงแม้ว่าตระกูลปีศาจจะบุกเข้ามาในโลกซิวเจิน ผู้เคราะห์ร้ายก็ไม่พ้นที่จะเป็นประชาชนคนธรรมดา เมืองเฉินตูอยู่ไกลจากโลกปีศาจมาก ทั้งยังมีผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายที่จะเข้าสู่สนามรบเพื่อฆ่าปีศาจ แต่ถึงยังไงก็ส่งผลกระทบต่อเฉินตูอยู่ดี

ถึงเฉินตูจะเข้าร่วมกับตระกูลปีศาจ นางก็มีคนคุ้มครองนับไม่ถ้วน

ไม่ว่าโลกจะวุ่นวายแค่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับองค์หญิงอย่างนาง

รอหลังจากนั้นไม่กี่ปี ตระกูลปีศาจก็จะถอยกลับไปยังขุมอเวจีปีศาจลึก โลกซิวเจินก็จะกลับมาสันติสุขอีกครั้ง

ในความเห็นของนาง นี่ไม่ใช่อะไรนอกจากหายนะที่มีไว้กำจัดผู้อ่อนแอ

นางไม่เคยเอาอาณาประชาราษฎร์อยู่ในสายตาอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับคุณธรรม

แคว้นเทพมังกรอยู่บนแผ่นดินเทียนเหย้ามานานหลายปี ถึงอย่างไรการบุกรุกของตระกูลปีศาจเล็กๆนั่นก็เพื่อการอยู่รอดเท่านั้น

“เจ้า ลงไปดูสถานการณ์ข้างล่าง แล้วรีบกลับมารายงาน”

องค์หญิงหลิวอิ๋ง ชี้ไปที่องครักษ์คนหนึ่ง ฐานบำเพ็ญราชาทิพย์ในระดับปลายซึ่งถือว่ามากพอที่จะลงไปสำรวจโลกปีศาจ

สีหน้าองครักษ์เต็มไปด้วยความขมขื่น แต่เขาทำได้เพียงยอมรับโชคชะตา

องค์หญิงหลิวอิ๋งไม่รู้ว่าโหมวหลินมีความน่ากลัวมากแค่ไหน แต่เขานั้นทราบดี มีหนังสือมากมายเกี่ยวกับโหมวหลินในแผ่นดินใหญ่นี้

เมื่อโหมวหลินมา ปีศาจทั้งหมดก็จะมารวมตัวกัน ถ้าเกิดว่าเขาโชคร้าย ร่วงตกไปยังรังตระกูลปีศาจ นั้นก็เท่ากับว่าตายสถานเดียว

พลังของตระกูลปีศาจในวันนี้เป็นวันที่แข็งแกร่งที่สุด หากเขาโชคดีไม่ถูกปีศาจค้นพบ ก็อาจเป็นไปได้ว่าพลังปีศาจได้เข้าสู่ร่างกายเขากัดกินจิตใจของเขา แล้วหลอมตัวเขาให้เป็นปีศาจ

แต่ว่าเขาเป็นคนที่หวงโฮ่วส่งมาเป็นองครักษ์ให้องค์หญิง ครอบครัวของพวกเขาอยู่ในมือของหวงโฮ่ว ยังไงเขาก็ต้องทำ

เขากระโดดลงไปในอเวจีปีศาจ ในไม่ช้าเขาก็หายวับไป

ท่ามกลางลมปราณของปีศาจ จิตสำนึกของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้

เย่จายซิงเหลือบมองไปข้างหลัง อาจารย์ผู้อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเสด็จอา เขาถือตะเกียงวิญญาณไว้ในมือ

นั่นคือตะเกียงวิญญาณขององครักษ์

ตะเกียงวิญญาณส่องสว่าง แสดงว่าองครักษ์นั่นยังอยู่ดี

ครึ่งชั่วโมงให้หลังตะเกียงวิญญาณกะพริบเล็กน้อยแทบจะมองไม่ทัน บางทีอาจจะไปถึงก้นอเวจีปีศาจแล้ว นางคิดกับตัวเอง

ตะเกียงวิญญาณสว่างอยู่ตลอดเวลา แผ่นหยกในมืออาจารย์ผู้อาวุโสก็สว่างขึ้นเช่นกัน

เขาเปิดแผ่นหยกขึ้นมา ข้างในก็มีเสียงขององครักษ์

“ที่ก้นเหวอเวจีไม่มีตระกูลปีศาจ สักตัวก็ไม่มี ฝ่าบาทท่านยังต้องการให้ข้าเข้าสู่แดนปีศาจหรือไม่?”

ที่ก้นเหวอเวจีปีศาจเป็นเพียงบริเวณขอบรอบนอกของโลกปีศาจ ยังไม่นับว่าเข้าโลกปีศาจ

“ให้เขาเข้าไปต่อ ดูว่าราชาปีศาจคนใหม่รูปร่างเป็นยังไงบ้าง”

องค์หญิงหลิวอิ๋งกล่าวอย่างเฉยชา

องครักษ์ทำได้เพียงรับคำสั่ง เดินเข้าไปในโลกของปีศาจ

เขาซ่อนลมปราณและรูปร่างของตัวเองไว้อย่างมิดชิด

“องค์หญิง!ตะเกียงวิญญาณมืดลงแล้ว!”

อาจารย์ผู้อาวุโสพูดขึ้นมาเสียงดัง

เย่จายซิงยังคงจ้องมองไปที่ตะเกียง ตะเกียงวิญญาณขององครักษ์ที่เคยสว่างมาตลอดจู่ๆก็มืดลงซะงั้น เหลือไว้เพียงแสงสลัวๆ ราวกับว่ามีการโจมตีมากะทันหันอย่างนั้น

“ช่วยข้าด้วย!”

เสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัวออกมาจากแผ่นหยก

จากนั้นตะเกียงวิญญาณก็ดับลง

คนตาย ตะเกียงดับ

เกิดอะไรขึ้นกับเขา?เขาเป็นถึงพลังบำเพ็ญแดนราชาทิพย์ เขาควรจะมีทางหนีทีไล่การต่อต้านอะไรพวกนี้สิ แต่ตะเกียงวิญญาณของเขาก็มืดลงกะทันหัน เป็นไปได้ว่าเขาถูกแอบซุ่มโจมตี

สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งเปลี่ยนไป จะด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ นางคงต้องส่งองครักษ์สองคนลงไปดูด้วยกันซะแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานตะเกียงวิญญาณขององครักษ์สองคนก็ดับลง

นางรู้ว่าในหมู่องครักษ์ยังมีอีกหนึ่งคนที่เป็นฐานฝึกบำเพ็ญแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ระดับต้น เป็นคนที่เสด็จแม่ส่งมาให้คุ้มครองนาง แม้ว่านักฆ่าชั้นยอดของแผ่นดินใหญ่ล้วนมาแล้ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงไปแล้วตายทันที

“องค์หญิง เกรงว่าโลกปีศาจนี้คงไม่ได้เหมือนกับที่พวกเราคิดเท่าไหร่ เป็นโลกปีศาจที่แข็งแกร่งมากพะยะค่ะ”

อาจารย์ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

อาจารย์ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งพลางกระแอมกล่าว “องค์หญิง พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว จุดจบของปีศาจ การบุกรุกของปีศาจ ผืนดินทางเหนือนี่ต้องระอุแน่พะยะค่ะ”

สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งยิ่งดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ

ภายในเวลาอันสั้นมันก็เอาองครักษ์ไปแล้วสามคน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่ที่ให้หลบหนี ตะเกียงวิญญาณก็ดับลง

สองคนหลังไม่มีแม้แต่ทิ้งถ้อยคำสุดท้าย

สามารถสังหารพวกเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว และไม่เหลือแม้กระทั่งทิ้งถ้อยคำสุดท้าย เห็นได้ว่าคนสังหารนั้นต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก

องค์หญิงหลิวอิ๋งหันหลังเตรียมจะจากไป

เย่จายซิงยกมุมปากเยาะเย้ย “ องค์หญิงที่สง่างามของแคว้นเทพมังกร ก็เป็นคนรักตัวกลัวตายด้วยหรือนี่”

“เจ้าพูดไร้สาระอะไร!ตัวข้าจะกลับไปรายงานสถานการณ์โลกปีศาจให้กับใต้หล้า!”

องค์หญิงหลิวอิ๋งจ้องเย่จายซิงอย่างเดือดดาล

นางรู้สึกว่าเย่จายซิงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับนางอยู่แล้ว ตราบใดที่เย่จายซิงยังอยู่ นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจหวังเลย

“เจ้าอย่ามาพูดแบบว่าเด็ดเดี่ยวองอาจอะไรนั่นเลย ตัวเองก็ยังขี้ขลาดเป็นหนูตัวเล็กๆ ยังไม่กล้าลงไปด้วยซ้ำ”

เย่จายซิงหัวเราะเสียงเย็น องค์หญิงหลิวอิ๋งกลัวก็กลัวไปเถอะ แต่ยังพูดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองดูสูงส่งไปอีก น่าละอายนัก

หรงจิ่งเฉินยังนึกไม่ถึงว่าเย่จายซิงจะกล้าว่าองค์หญิง ในใจนึกเลื่อมใสแล้ว

บนโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าว่าองค์หญิงหลิวอิ๋ง

ใบหน้าของเย่จายซิงเต็มไปด้วยการดูถูกและเย็นชาที่แสดงออกมาแบบไม่ปิดบัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์หญิงหลิวอิ๋งแววตาถึงเต็มไปด้วยความโกรธ

องค์หญิงหลิวอิ๋งรู้สึกโกรธจัด แต่นางก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน

แม้กระทั่งอาจารย์ผู้อาวุโสยังบอกว่าสถานการณ์ที่โลกปีศาจนั้นไม่ดี นางก็ยังไม่รีบจะจากไปอีก ไม่แน่ว่าอาจจะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว

“เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนี่ ในเมื่อมีความสามารถงั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยเถอะ!”

กล่าวจบ องค์หญิงหลิวอิ๋งก็จากไปพร้อมกับคนอื่นๆ

มันรวดเร็วมาก ราวกับว่าพวกมันไล่ตามมาจากข้างหลัง

“แม่นางเย่......”

เดิมหรงจิ่งเฉินคิดจะเกลี้ยกล่อมเย่จายซิงให้จากไปด้วยกัน เพราะว่าที่นี่อันตรายมาก นางเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวไม่อาจปล่อยให้อยู่คนเดียวที่นี่ได้

ในขณะนั้น แผ่นหยกที่อยู่ข้างเอวนางก็สว่างขึ้น

นางทำสีหน้าดีใจ เดิมนั้นคิดว่าเป็นเสด็จอาที่ส่งข่าวมาบอกนาง แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น แต่เป็นหนานกงเหยาที่ติดต่อมาหานาง

นางไม่ได้รีบพูดออกไปในทันที เสียงของหนานกงเหยาก็ปรากฏขึ้นในทะเลจิต

“ข้าได้ยินว่าเจ้าอยู่ทางเหนือ เจ้ารีบกลับมาเฉินตู พ่อข้าทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นกับแผ่นดินเทียนเหย้า ทางตอนเหนือนั้นจะเป็นดินแดนแรกที่ปีศาจยึดครอง พลังของปีศาจจะพุ่งสู่ฟ้า ไม่มีพืชชนิดใดเจริญเติบโตได้!”

เสียงของหนานกงเหยาเป็นกังวลมาก

เย่จายซิงพลันขมวดคิ้ว

สถานการณ์กลับกลายเป็นร้ายแรงกว่าที่คิด

หนานกงเหยารู้ว่านางอยู่ทางตอนเหนือนั้นเป็นเรื่องปกติ มีหลายคนเห็นนางทำพันธะสัญญากับอสูรเทพ แต่นางไม่คาดคิดว่าหนานกงเหยาจะได้ให้ข้อมูลสำคัญแก่นาง

“ตกลง ข้ารู้แล้ว ขอบคุณเจ้ามาก”

นางกลับไม่ได้บอกว่าจะกลับหรือไม่กลับ ถ้าจะกลับนางก็คงต้องรอจนกว่าเสด็จอากลับมาแล้ว

แต่ความหวังดีของหนานกงเหยา นางต้องขอบคุณแล้ว

นางจับแผ่นหยกไว้แน่น พลางกัดริมฝีปาก หลังจากเสด็จอาลงไปก็ไม่มีข่าวคราวใดออกมา เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยแบบนี้ แสดงว่าเขาจะต้องพบเจอปัญหาอะไรที่ทำให้เขาไม่สามารถบอกได้

แหวนบนนิ้วก้อยสงบนิ่งมาก เสด็จอากล่าวว่า ถ้าหากแหวนบนนิ้วเกิดร้อนขึ้นมา ก็แปลว่าเขาพบเจอกับอันตราย

แสดงว่าตอนนี้เขายังปลอดภัย แต่นางก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

“พี่หรง มีสถานการณ์หนึ่งที่ข้าอยากจะบอกท่าน”

นางเงยขึ้นและบอกเกี่ยวกับการทำนายของหนานกงเหยา แจ้งให้เขาทราบ

หรงจิ่งเฉินไม่มีโรงน้ำชาตั้งอยู่ในแดนเหนือ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่คาดเดาไม่ได้

สีหน้าของหรงจิ่งเฉินเคร่งขรึมอย่างยิ่ง คำทำนายของตระกูลหนานกง เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกทั้งยังไม่เคยทำนายพลาด

ในแผ่นดินเทียนเหย้าจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมาจริงๆนะหรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา