บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 213

หรงจิ่งเฉินรู้ว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขนาดนั้น หลังจากการมาถึงของโหมวหลิน เขาก็ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว

ต้องให้ตระกูลหรงรีบอพยพออกจากแดนเหนือ

ในภายหน้าผู้บำเพ็ญเพียรจะต้องรวมกันเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านตระกูลปีศาจแน่ ตระกูลหรงเองก็คงปฏิเสธจะส่งคนไปไม่ได้เช่นกัน

“นี่คงไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานหรอกใช่ไหม เจ้า......”

เขามองเย่จายซิง ลังเลที่จะพูด

เย่จายซิงหันมาทางเขาแล้วยิ้มให้จางๆ กล่าว “ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วง แต่ข้าขอรอเขาออกมาก่อน พวกท่านไปกันเถอะ”

คิ้วของหรงจิ่งเฉินขยับพลางถอนหายใจ

เขาสนใจนางตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขากับจวินหยวนมีความรู้สึกให้กันลึกซึ้งขนาดนี้

ไม่ใช่เรื่องที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ เขาจะไปแย่งความรักของใครมาได้

แต่เขาก็เลือกตัดสินใจรออยู่เป็นเพื่อนนาง

พิธีอภิเศกกะห์ของจักรพรรดิปีศาจนี้ใช้เวลาประมาณสิบสองชั่วยาม ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปได้สี่ชั่วยามเท่านั้น

เย่จายซิงกับเขาไม่นับว่ารู้จักกันดีนัก นางไม่ได้หวังให้เขามาอยู่รอที่นี่กับนาง แต่นางพูดปฏิเสธเขาไปไม่กี่ประโยค แต่เขายืนยันว่าจะอยู่ นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ความรู้สึกนี้ทำให้นางอยู่ไม่เป็นสุข นางไม่มีจิตใจจะคุยกับหรงจิ่งเฉิน

เมื่อมองดูอเวจีปีศาจที่รายล้อมไปด้วยลมปราณปีศาจ นางยังคงถูแหวนที่นิ้วไม่หยุด

หรงจิ่งเฉินยืนเงียบๆไม่ได้รบกวนนาง

ในขณะนั้น จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้น

“มีคนกำลังมา”

ทันทีที่กล่าวจบก็มีแสงสว่างวาบ ม้วนหนังสือปลิวว่อนในอากาศแล้วร่วงลงมาที่พื้น มีคนแปดคนยืนอยู่บนม้วนหนังสือ

ม้วนหนังสือกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างรวดเร็ว

หรงจิ่งเฉินรู้จักคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นผู้นำตระกูลใหญ่และเป็นหัวหน้าของสองสำนักใหญ่

หนึ่งในพวกเขามีชายชราหน้าสีแดงเคราสีขาว เขาเป็นหัวหน้าขันทีที่ดูแลฮ่องเต้คนก่อน เขาก็คือเจียงกงกง ซึ่งเป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่สำคัญให้ฮ่องเต้

คนเหล่านี้ นำมาโดยเขาเพราะว่าเจียงกงกงมาในนามของราชวงศ์

พวกเขาถูกส่งมาจากเฉินตูเพื่อมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โลกปีศาจ

หรงจิ่งเฉินก้าวเข้าไปข้างหน้า พูดคุยอย่างสั้นๆได้ใจความ ว่าก่อนหน้านี้องค์หญิงได้ส่งองครักษ์ลงไปแล้วสามคนกลับไม่มีใครขึ้นมาได้เลย

“แม้แต่สถานการณ์ข้างล่างนั้นก็ไม่ทันได้บอกกล่าว ตะเกียงวิญญาณของสามคนนั้นก็ดับไปแล้ว?”

น้ำเสียงของเจียงกงกงเล็กแหลม แต่สีหน้าของเขามีความเคร่งขรึม

“พวกข้าเตรียมจะลงไปดูด้วยตัวเองสักหน่อย พวกเจ้ามีใครอยากจะลงไปไหม?”

เขามองไปที่เจ็ดคนที่เหลือ

ผู้นำตระกูลหนานกงและผู้นำตระกูลลั่ว เจ้าสำนักกุยหยวนต่างเดินออกมา

เรื่องนี้เกี่ยวไปถึงอาณาประชาราษฎร์ ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ความรับผิดชอบก็มากขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นๆก็ขอตามเจียงกงกงลงไปด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

เย่จายซิงมองเพียงวาบเดียวนางก็จำเจ้าสำนักโจวได้ จากสำนักเมฆแดง เขาดูคล้ายกับโจวเหม้ยอยู่ห้าหกส่วน ในบรรดาเจ็ดคนนี้เขาเป็นคนที่รักตัวกลัวตายที่สุด

ไม่นานทั้งแปดคนก็กระโดดลงไปในเหวอเวจีปีศาจ

เย่จายซิงอยากจะติดตามลงไปด้วยแต่ถูกหรงจิ่งเฉินดึงเอาไว้

“รอดูสถานการณ์ไปก่อน เจ้าอย่าเพิ่งลงไปเลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมาพร้อมกับพวกนั้น”

พอถูกเขาดึง นางก็เสียจังหวะดีที่จะโดดลงไป

นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งก้อนหินด้านข้าง จิตใจกระสับกระส่าย

หลังจากรอมาครึ่งชั่วยาม เจียงกงกงแล้วก็คนอื่นๆก็ปีนขึ้นมาจากอเวจีปีศาจพวกเขาแต่ละคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าสำนักหยุน พวกท่านลงไปข้างล่างแล้วเกิดอะไรขึ้น?”

หรงจิ่งเฉินสีหน้าตกใจ รีบเข้าไปถาม เขาสอบถามกับเจ้าสำนักกุยหยวนซึ่งมาสภาพดีอยู่หน่อย

“ราชาปีศาจ!ราชาปีศาจคนใหม่!”

เจ้าสำนักหยุนยังมีความกลัวอยู่ในใจ ใบหน้าของเขาซีด “ราชาปีศาจคนใหม่ โจมตีรวดเร็วมากจนไม่สามารถต้านทานได้!”

ราชาปีศาจคนใหม่ พวกเขาเห็นราชาปีศาจคนใหม่ของตระกูลปีศาจแล้ว ไม่ใช่ว่าเขากำลังเข้าพิธีอภิเศกกะห์มาจากบรรพบุรุษหรือ?

หรงจิ่งเฉินหันไปถามเย่จายซิง

เจ้าสำนักหยุนส่ายหัว “ราชาปีศาจมีความแตกต่างออกไป แตกต่างจากทุกตัวที่มีบันทึกไว้ในหนังสือ เขาได้รับพลังทั้งหมดมาจากบรรพบุรุษเผ่าปีศาจ!”

หรงจิ่งเฉินเปิดปากถาม “เป็นไปได้อย่างไร! การอภิเศกกะห์โหมวหลิน ไม่ใช่ว่าราชาปีศาจให้พลังเพียงครึ่งเดียวหรือ?”

เขาจำได้อย่างชัดเจน มีหนังสือเล่มหนึ่งที่บันทึกไว้หลายครั้งว่า บรรพบุรุษตระกูลปีศาจจะทิ้งพลังไว้ให้แค่ส่วนหนึ่ง รอจนตระกูลปีศาจจะพบปีศาจที่เป็นหนึ่งในเทียนเจียว หลังจากได้รับการยอมรับแล้ว ก็จะเกิดการอภิเศกกะห์ขึ้น

เป็นไปไม่ได้ที่จะอภิเศกกะห์ทั้งหมดในคราวเดียว เพราะยังมีการกำเนิดของราชาปีศาจคนต่อไปอยู่

ผู้นำตระกูลลั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว

“ราชาปีศาจคนใหม่คนนี้ ได้รับการถ่ายทอดมาจากราชาปีศาจทั้งหมด ปีศาจจะขึ้นมาในไม่ช้า รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”

เรื่องต่างๆรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก!

ราชาปีศาจคนใหม่ที่ได้รับอภิเศกกะห์มา มันเพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้น ผู้คนก็ได้รับบากเจ็บสาหัสแล้ว

ดูท่าต่างคนต่างเชิญอาจารย์ผู้อาวุโสออกจากเขามาแล้ว

หัวใจของเย่จายซิงยังคงจมดิ่ง ราชาปีศาจคนใหม่นั้น แท้จริงแล้วร้ายกาจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ

เสด็จอา ตอนนี้ท่านจะเป็นอย่าไรบ้าง?

“แม่นางเย่ พวกเราก็ไปเถอะ”

หรงจิ่งเฉินเดินเข้ามาพูดกับนาง

เขาคาดการณ์ว่าการไปของจวินหยวน อาจจะเป็นเรื่องที่โชคร้ายซะแล้ว

จวินหยวนก็เป็นระดับแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ แม้จะมีกิเลนเป็นอสูรเทพ แต่กิเลนนั้นยังอยู่ในวัยทารกอยู่ ต่อให้มีพลังแค่ไหนก็มีอยู่อย่างจำกัด

แม้เจียงกงกงและเจ้าสำนักต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขา

หรงจิ่งเฉินไม่สามารถปล่อยให้เย่จายซิงอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ปีศาจกำลังจะมา ที่นี่ก็จะถูกรุกโดยปีศาจโดยสมบูรณ์

เจ้าสำนักโจวกำลังจะออกไปพร้อมกับเจียงกงกง เขาก็หันมามองเย่จายซิงพลางขมวดคิ้วกล่าว

“เจ้าก็คือเย่จายซิง?ได้ยินว่าเจ้าก็มีอสูรเทพ”

ข่าวจากสำนักใหญ่มักจะได้ข่าวไวเสมอ เหมือนเขาจะรู้มานานแล้วว่าเย่จายซิงได้ทำพันธะสัญญากับอสูรเทพแล้ว

ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่งดงามของนาง ทั้งยังแซ่เย่ เจ้าสำนักโจวก็มองออกภายในแวบเดียวว่านี่ก็คือเย่จายซิง

เย่จายซิงไม่แม้แต่จะมองเขา นางเดินไปที่ขอบขุมอเวจีปีศาจ ก้มหน้ามองลงไป

เจ้าสำนักโจวโกรธจัด ขนาดบุตรสาวของเขาก็ยังโดนนางทำร้ายจนน่าเวทนา นางยังเมินไม่สนใจเขาที่เป็นเจ้าสำนักอีก!

“เย่จายซิง!เจ้ารีบเอาอสูรเทพออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ตามเอาเรื่องเจ้าอีก”

“อ้อ ที่แท้ท่านก็อยากได้อสูรเทพของข้า?”

เย่จายซิงหันศีรษะมาอย่างเฉยเมย มุมปากยกเยาะเย้ยปรากฏขึ้น

“เจ้าสำนักโจว อสูรเทพจะต้องมีดวงชะตาร่วมกัน ถ้านางมีชะตาร่วมกับอสูรเทพนางจะต้องทำพันธะสัญญากับอสูรเทพได้สำเร็จแน่ เจ้าสำนักโจวที่ท่านพูดแบบนี้ มันออกจะผิดทำนองคลองธรรมโดยแท้”

หรงจิ่งเฉินขมวดคิ้วพลางกล่าวไปเช่นนั้น

เจ้าสำนักโจวแค่นเสียงเย็นชา ยังไม่ทันพูดอะไร เย่จายซิงก็กล่าว

“เจ้าสำนักโจวอยากได้อสูรเทพ ได้สิ ต้องดูว่าท่านมีความสามารถมาเอามันไปไหม”

เสียงของนางราบเรียบอย่างไม่น่าเชื่อ

“ข้าจะลงไปหาคู่หมั้นของข้า เจ้าสำนักโจวท่านอยากลงมาจับอสูรเทพของข้าหรือไม่ละ?”

เมื่อกล่าวจบ นางก็กระโดดลงไป ราวกับผีเสื้อโบยบินลงขุมอเวจีปีศาจไม่นานนางก็ถูกลมปราณปีศาจปกคลุม

สีหน้าของเจ้าสำนักโจวทั้งดำทั้งขาว เขาไหนเลยจะกล้าลงไปอีก ถ้าเด็กสาวนั้นไม่ต้องการชีวิตก็แล้วไป แต่เขายังต้องการ!

หรงจิ่งเฉินคิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงจะกระโดดลงไป พอถึงเวลาที่เขาอยากจะหยุดมันตอนนี้ก็สายไปแล้ว

ในขณะนั้นปราณปีศาจปั่นป่วนยิ่งขึ้น มีหมอกสีแดงหนากระจายเต็มไปหมด ราวกับว่ามีเลือดอยู่นับไม่ถ้วน

“รีบไป!”

เจ้าสำนักหยุนดึงมือของหรงจิ่งเฉินมาด้วย เสกม้วนหนังสือขึ้นอีกครั้ง แล้วคนทั้งกลุ่มก็หายไปในพริบตา

ทันทีที่พวกเขาจากไป พลังปีศาจก็กัดเซาะพื้นใต้เท้าพวกเขา แพร่ออกไปทีละชุน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา