เย่จายซิงกระโดนลงไปในขุมอเวจีปีศาจ
ทันที่กระโดดลงไป นางก็หมุนรากทิพย์กลียุค มันค่อยๆแพร่ไปในอากาศ ปกคลุมไปทั้งกลิ่นอายทั่วร่าง
นางค้นพบทักษะพลังขั้นสูงของตระกูลปีศาจในห้วงกาลเวลา ขณะที่กำลังตกไปที่ก้นเหวนั้นนางถึงสามารถรับรู้มันได้
เพียงแต่นางไม่ได้คาดคิดว่าเคล็ดวิชาปีศาจเรียนรู้ได้ง่ายกว่าที่นางคิด นางสามารถดึงพลังปีศาจเข้าร่างได้อย่างง่ายดาย หลังจากหมุนเวียนอยู่ในร่างนางมาหลายอาทิตย์ มันก็เปลี่ยนไปเป็นพลังเวทย์ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในจุดตันเถียน
ไม่แปลกใจเลยว่าผู้ฝึกบำเพ็ญจะกลายเป็นปีศาจได้ง่าย ได้รับพลังงานได้ง่าย ทั้งยังฝึกได้ง่ายกว่าพลังทิพย์
เพียงแต่มนุษย์ที่ฝึกพลังปีศาจจะถูกกระทบถึงจิตใจ พลังทิพย์ทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของปีศาจ ฟังคำสั่งจากปีศาจเพียงอย่างเดียว
แต่ในจุดตันเถียนของเย่จายซิง พลังทิพย์และพลังเวทย์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อันหนึ่งขาวอันหนึ่งดำ เปรียบเสมือนกับหยินหยาง
พลังทิพย์ของนางไม่ได้ปนไปด้วยพลังเวทย์แต่อย่างใด ลมปราณปีศาจไม่สามารถเข้าสู่หัวใจและจิตใจนางได้
ดังนั้นพลังเวทย์แบบนี้ จึงทำให้เย่จายซิงแข็งแกร่ง
ครึ่งชั่วยามถัดมา นางตกลงมาแดนปีศาจสีแดงเข้ม นางลืมตาขึ้น รูม่านตาสีดำของนางก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
หมอกปีศาจสีดำสนิทซึ่งต้องมองไม่เห็นห้านิ้วมือด้วยซ้ำ แต่นางได้ฝึกพลังเวทย์แล้วการมองชัดของนางจึงชัดเจนมาก มองเห็นหมอกดำที่ไม่มีอะไร
ที่ก้นเหวนั้นไม่มีอะไรเลย
ข้างหน้ามีเพียงป้ายบอกเขตขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน มีเพียงคำว่า “ปีศาจ”แค่คำเดียว ดุร้ายและเย่อหยิ่ง เห็นถึงรสชาติความกระหายเลือด
ข้ามป้ายบอกเขตไปจะเป็นโลกปีศาจ
นางถอดเสื้อคลุมสีขาวปานหิมะออก เปลี่ยนไปสวมชุดคลุมสีดำ กินยาแปลงโฉมลงไป แปลงร่างนางให้เหมือนหญิงสาวตระกูลปีศาจอย่างนั้น
ปีศาจนั้นตัวสูงใหญ่ มีใบหน้าที่ลึก แต่ปีศาจส่วนใหญ่มีใบหน้าที่ค่อนข้างหยาบ ผู้ที่มีใบหน้างามวิจิตรนั้นเป็นตระกูลปีศาจตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้น
รูปลักษณ์การแปลงโฉมของนางนั้นค่อนข้างธรรมดา ใบหน้าไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่มีความเป็นเลิศแม้แต่น้อย
พอถึงตอนเจอปีศาจตัวจริง นางปรับตัวได้อย่างง่ายดาย
เสด็จอาก็มียาแปลงโฉม เขาก็น่าจะผ่านมันได้ง่ายเช่นกัน
เมื่อเข้าสู่โลกปีศาจ นางจะต้องสอบถามสถานการณ์ของโลกปีศาจให้ชัดเจนก่อน ถึงจะรู้ว่าเสด็จอาอยู่ที่ไหน
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางก็ก้าวเท้าผ่านป้ายเขตแดนเข้าไป
ในขณะเดียวกัน หลังจากทำพิธีอภิเศกกะห์จักรพรรดิปีศาจเสร็จสิ้น ปีศาจทั้งหมดก็โห่ร้องยินดีเสียงดัง พลางคุกเข่าก้มลงกราบราชาปีศาจคนใหม่
ทันทีที่เย่จายซิงเข้าสู่โลกปีศาจ นางก็เห็นกาดำคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น หันไปในทิศที่กราบไหว้
“รีบคุกเข่าต่อหน้าราชาปีศาจคนใหม่ซะสิ!ราชาปีศาจคนใหม่จะปกป้องพวกเราปีศาจ แล้วจะนำเราไปบุกพิชิตแผ่นดินเทียนเหย้า!”
ทันใดนั้นชายปีศาจก็ดึงเย่จายซิงให้คุกเข่าลง ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความยินดีชื่นชม
ถ้านางไม่คุกเข่าแสดงว่านางไม่เคารพ
แน่นอนว่าเย่จายซิงไม่สามารถทำอะไรที่ไม่เข้าพวกได้เอาตัวเองเป็นเป้าหรอก นางจึงคุกเข่าลง ก้มศีรษะลงพลางมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
ปีศาจเหล่านี้กำลังบ้าคลั่งมาก ราชาปีศาจคนใหม่นี้ใช้เวลาตั้งสามพันปีจึงจะปรากฏตัว และไม่มีใครที่สามารถต่อต้านราชาปีศาจผู้นี้ได้ ด้วยเหตุนี้ ตระกูลปีศาจทั่วทุกสารทิศจะครองแผ่นดินเทียนเหย้า คาดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้า
พวกปีศาจเองก็มีความกล้าหาญกระหายเลือดฝังลึกลงกระดูก พวกเขาเงียบมาสามพันปีแล้ว ก็ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
การแต่งตัวของตระกูลปีศาจไม่ได้แตกต่างจกพวกมนุษย์มากนัก แต่เสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังมังสามากกว่า
การฝึกบำเพ็ญของโลกปีศาจนั้นแตกต่างจากการฝึกบำเพ็ญของโลกมนุษย์ แต่มีอย่างเดียวที่น่าแปลกใจก็คือ แดนศิษย์ทิพย์ในโลกปีศาจเป็นแดนศิษย์ปีศาจ แดนมหาจักรพรรดิทิพย์ก็เป็นแดนมกุฏปีศาจ
เย่จายซิงเป็นฐานบำเพ็ญศิษย์ปีศาจ ระยะสุดท้าย ลักษณะที่ปรากฏธรรมดา ฐานการฝึกก็ธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไร
ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ราชาปีศาจคนใหม่มีการฝึกฝนแบบใด และหลังจากอภิเศกกะห์พลังทั้งหมดจากบรรพบุรุษปีศาจแล้วเป็นแบบใด
หลังจากคุกเข่าอยู่ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเหล่าปีศาจก็ลุกขึ้น
เจ้าเมืองแต่ละเมืองก็ได้รับคำสั่งจากราชาปีศาจมาเรียบร้อยแล้ว
“แต่ละเมืองมีการเกณฑ์ปีศาจระดับแดนอาจารย์ปีศาจไปจนถึงแดนราชาปีศาจ เพื่อเริ่มโจมตีโลกมนุษย์แล้ว!”
เย่จายซิงที่ปะปนอยู่ในกลุ่มปีศาจพอได้ยินข่าวนี้ หัวใจก็จมดิ่งลง
ตระกูลปีศาจกำลังจะยึดครองเผ่ามนุษย์อยู่จริงๆ
นอกจากนี้ยังส่งคนที่มีฐานฝึกบำเพ็ญระดับสูงไปอีก งั้นพวกคนที่มีฐานบำเพ็ญระดับทั่วไปก็ไม่สามารถต่อต้านกำลังของปีศาจได้เลย
นางถือแผ่นหยกไว้ในแขนเสื้อ เตรียมจะบอกข่าวให้กับเฉินตู บอกให้เสี่ยวยู่และพวกลั่วกูหยุน แต่กลับพบว่าไม่สามารถใช้แผ่นหยกในโลกของปีศาจได้เลย
แผ่นหยกถูกลมปราณปีศาจสีดำปิดกั้นไว้
ถึงว่าเสด็จอาถึงส่งข่าวมาให้นางไม่ได้ ที่แท้แผ่นหยกกลับใช้ไม่ได้นี่เอง
แหวนก็เงียบสงบมาก ไม่มีสักนิดที่จะขยับ สิ่งนี้ทำให้นางสบายใจเล็กน้อย อย่างน้อยก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จอา
ไม่มีข่าวคราวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ไม่มีใครสังเกตเห็นนาง นางก็เริ่มถามสถานการณ์ในโลกปีศาจอย่างระมัดระวัง และไปร้านหนังสือซื้อหนังสือแผนที่โลกปีศาจ
สกุลเงินของโลกปีศาจก็คือหินปีศาจ แน่นอนว่านางไม่มี นางก็ยังไม่ได้ทำอะไรแบบโลกมนุษย์ให้นางต้องตกเป็นเป้า ดังนั้นนางจึงต้องขโมย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางทำเรื่องแบบนี้ นางรู้สึกกระดากมาก แต่การได้สัมผัสกับหินปีศาจในถุงมันทำให้นางรู้สึกอิ่มเอมใจ เพราะมันสะดวกที่จะต้องทำอะไรด้วยเงิน
นางพบว่าราชาปีศาจคนใหม่แต่เดิมเป็นบุตรชายของราชาปีศาจของโลกปีศาจนี้ และอาศัยอยู่ในวังปีศาจ ทั้งวังปีศาจนี้ยังห่างจากที่นี่ไปตั้งหลายพันลี้
ถ้าหากมีหินปีศาจ ก็สามารถเช่ารถอสูรปีศาจไปเมืองหลวงปีศาจได้
นางใช้กระบี่เหาะไปไม่ได้ไม่งั้นจะตกเป็นเป้าสายตา
เร็วมาก ยิ่งจ่ายหินปีศาจสูงเท่าไหร่รถอสูรเทพก็มีความเร็วเท่านั้น จากชายแดนถึงเมืองหลวงของปีศาจใช้เวลาเพียงครึ่งวัน
ทันทีที่นางซื้อแผนที่เสร็จ นางก็เช่ารถอสูรเทพที่แพงที่สุดเพื่อไปยังเมืองหลวงปีศาจ
นี่มันเรียกว่ารวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
“แม่นาง เจ้าจะไปเมืองหลวงปีศาจทำไมกัน?”
ในรถมีต้าเหนียงคนหนึ่งบนใบหน้ามีสัญลักษณ์ปีศาจจ้องมองเย่จายซิงสักพัก พลางถาม
เย่จายซิงที่อยู่บนรถ จริงๆแล้วนางมีหินปีศาจแค่นิดเดียวเท่านั้น มันไม่พอที่จะเช่ารถอสูรปีศาจที่แพงที่สุดไปเพียงลำพังได้
รถอสูรปีศาจเหมือนกับรถม้า แต่ใหญ่กว่ารถม้าสามถึงสี่เท่า ข้างในนั่งได้ตั้งแปดคน
สักพักรถอสูรปีศาจก็เต็มแล้ว เย่จายซิงถูกบีบให้เข้าไปนั่งด้านในสุด
พอได้ยินคนถามนาง นางก็ตอบเสียงเย็น “ไปหาชายของข้า”
“ชายของเจ้าอยู่ในเมืองปีศาจหรือ?เขาไปทำอะไรที่เมืองหลวงกันละ?”
ต้าเหนียงปีศาจราวกับว่ามองไม่เห็นความเฉยชาของนาง ยังคงพูดกับนางต่อไป
“เขาเป็นช่างฝีมือนะ”
“ที่แท้ก็เป็นช่างฝีมือ อาชีพนี้เป็นที่นิยมมาก ดูท่าคงไปเมืองหลวงครั้งนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ดีสินะ ตอนนี้โลกปีศาจจะขึ้นไปสู้กับพวกมนุษย์ในไม่ช้า เด็กผู้หญิงคนแก่ควรรีบออกจากชายแดนให้เร็วหน่อยจะดีกว่า”
ต้าเหนียงปีศาจพูดอย่างสนิทสนม แต่เย่จายซิงไม่ได้รู้สึกถึงความใจดีของนางแม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
หลังจากที่นางได้ทำพันธะสัญญากับเทาเที่ยแล้ว นางก็มีความสามารถเพิ่มขึ้น คือสามารถสัมผัสเจตนาดีกับเจตนาร้ายได้
เช่นเดียวกับองค์หญิงหลิงหยุนและเจ้าสำนักโจว ที่มีความแค้นต่อนางอย่างลึกซึ้ง นางมองเห็นกลุ่มลมปราณสีดำที่หว่างคิ้วของอีกฝ่าย
ทั้งหรงจิ่งเฉินที่ใจดีกับนาง ระหว่างคิ้วปรากฏขึ้นเป็นสีชมพู ทำไมถึงเป็นสีชมพูนั้น นางเองก็ไม่เข้าใจ
แต่คนที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้หว่างคิ้วของนางกลับเป็นสีดำเข้ม
พูดไปแล้วเหมือนนางจะหมายเอาชีวิตอย่างนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...