ยู่เหอพลันจ้องไปที่เจียวเจียวและเย่จายซิงด้วยความโกรธแค้น
ยู่เหอคิดว่า เย่จายซิงจะต้องตั้งใจล่อลวงให้เจียวเจียวมาต่อกรกับนางเป็นแน่ นั่นก็เพราะว่านางมิได้เลือกเย่จายซิงให้อยู่ต่อ ดังนั้นเย่จายซิงจึงได้ล้างแค้นนางเช่นนี้
ใช่แล้ว แม้ว่ายู่เหอจะโดนตบไปหนึ่งที แต่นางก็มิกล้าที่จะไปร้องทุกข์ต่อหน้าจักรพรรดิปีศาจ แต่ว่านางสามารถฆ่านางกำนัลให้ตายได้!
ยู่เหอมิเชื่อหรอกว่า หากเจียวเจียวได้ยินว่าเสี่ยวฮวาเคยเป็นนางกำนัลของตนมาก่อนนั้น จะยังกล้าใช้งานนางอีก! บางทีเจียวเจียวอาจจะลงมือฆ่าเสี่ยวฮวาด้วยตนเองก็เป็นได้
“นายหญิงยู่เหอเจ้าคะ ท่านมิต้องสร้างความแตกแยกระหว่างนายหญิงเจียวเจียวกับข้าน้อยหรอกเจ้าค่ะ ก่อนจะมาที่นี่ ข้าน้อยได้บอกเล่าให้กับนายหญิงเจียวเจียวได้ฟังแล้ว ว่าข้าน้อยเคยรับใช้ท่านมาแล้วหนึ่งวัน นายหญิงเจียวเจียวเป็นสตรีที่ฉลาดเฉลียว ย่อมมิถูกคำพูดที่คลุมเครือของท่านชักจูงไปโดยง่ายหรอกเจ้าค่ะ”
เย่จายซิงกล่าวออกมา
เมื่อนางได้สตรีทั้งสองคนต่อสู้กันนั้น เย่จายซิงรู้ตัวดีว่าตนเองตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว เจ้าก็ยามปลดเบาอย่าลืมส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง ด้วยตัวเจ้าเช่นนี้ ยังกล้ามาทำให้ข้าโมโหอีก ช่างน่าขันยิ่งนัก เสี่ยวฮวา พวกเรากลับกันเถอะ”
เจียวเจียวพลันเหมือนนกยูงรำแพนที่ได้ชัยชนะในครานี้ พร้อมกับเดินออกไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
เย่จายซิงก็เดินตามนางออกไป
มิต้องหันกลับไปมอง เย่จายซิงก็รับรู้ได้ถึงสีหน้าที่บิดเบี้ยวของยู่เหอนั้นน่าเกลียดเพียงใด
ต่อไป ก็ต้องไปพบกับนายหญิงอีกสี่นางของวังหลัง เมื่อเจียวเจียวเห็นว่าสตรีเหล่านี้มิได้มีผู้ใดงดงามมากไปกว่านางนั้น นางก็วางใจ
การที่เจียวเจียวออกไปเดินดูรอบๆ เช่นนี้ หาได้ไปดูแต่เพียงความงามของสตรีในวังหลังไม่ หากแต่เป็นการลอบสืบข้อมูลของสถานการณ์ภายในวังหลวงเช่นกัน ก็เห็นว่าเป็นอย่างที่เย่จายซิงพูดขึ้นมาทุกประการ
เมื่อลอบสังเกตการณ์ดูแล้ว พลันพบว่าคำพูดของเย่จายซิงหาได้มีคำไหนที่โกหกนางไม่
เมื่อกลับมาถึงตำหนักเจียวเจียว นางก็พลันมองไปที่เย่จายซิงด้วยความเย็นชาและกล่าวว่า “ทางที่ดีเจ้าอย่าไปสนิทกับนายหญิงคนอื่นจักดีกว่า มิเช่นนั้น ข้าจะถลกหนังของเจ้าออกมาด้วยตนเอง”
พูดจบ เจียวเจียวพลันสั่งให้นางไปขัดพื้นและผนังของตำหนักให้สะอาดเรียบร้อย
เมื่อเผชิญกับความยากลำบากในสิ่งที่เจียวเจียวสั่งให้ทำนั้น เย่จายซิงก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา เพียงแต่ตั้งหน้าตั้งตาขัดพื้นอย่างตั้งอกตั้งใจ ภายในใจคิดหาทางรับมืออยู่ตลอดเวลา
ในเมื่อจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่มิเคยมาเหยียบวังหลังเลยสักครั้ง ไม่ว่านางจะทำอะไรที่นี่ก็คงมิได้มีความหมายอันใดมาก ถึงอย่างไรนางก็มานั่งคิดหาทางแย่งชิงความโปรดปรานให้กับเจียวเจียวจักดีกว่า
ไม่ได้ มันช้าเกินไป วันพรุ่งเสด็จอาก็จะยกทัพมาเยือนแล้ว นางควรจะทำให้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ลดลงเสียก่อน
เช่นนั้นจะมีทางใดเล่า?
เช่นนั้น นางควรจะปลอมเป็นขันทีเฒ่า เพื่อเข้าไปรินน้ำชาให้กับเขาดีหรือไม่?
คิดไปคิดมา นางก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น
ทั้งทำได้ง่ายและได้ผลลัพธ์ดียิ่ง
ทว่า อาจจะมีความเสี่ยงสูงไปเสียหน่อย
ขัดๆ ถูกๆ มิทันไร ผนังก็สะอาดไปครึ่งหนึ่งเสียแล้ว นี่เรียกว่าการค้นพบทางสว่าง
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกพลันมีเสียงของขันทีดังขึ้นมาว่า
“จักรพรรดิปีศาจเสด็จ! นายหญิงเจียวเจียวขอเข้าเฝ้า!”
นัยน์ตาของเย่จายซิงพลันเปล่งประกายไปในทันที
ที่แท้จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่สนใจเจียวเจียว ดูเหมือนว่าเจียวเจียวจะต้องไปรบราแย่งชิงความโปรดปรานเสียแล้ว ในเมื่อจักรพรรดิปีศาจเสด็จมาถึงประตูตำหนักเช่นนี้
เจียวเจียวที่อยู่ในตำหนักพลันรีบร้อนวิ่งออกมา ใบหน้าพลันปรากฏไปด้วยร่องรอยของความยินดีและแปลกใจปะปนกันไป อีกทั้งยังเจือไปด้วยความเขินอายอีกด้วย
“พระสนมขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิปีศาจเพคะ!”
เจียวเจียวพลันโค้งคำนับกายต่อจักรพรรดิปีศาจด้วยท่าทีอ่อนหวาน
เมื่อเย่จายซิงเห็นฝีเท้าที่เดินเข้ามาจากประตูนั้น นางก็รีบร้อนก้มหน้าลงงโดยไว เพื่อก้มลงคำนับจักรพรรดิปีศาจ
หากนางมองไปที่จักรพรรดิปีศาจโดยตรงนั้น เกรงว่ายังมิทันได้ลงมือวางยาพิษ นางก็คงถูกจักรพรรดิปีศาจทุบตีตายก่อนเป็นแน่ นางน่าสงสารเกินไปแล้ว
"เงยหน้าขึ้น"
หลงเฟยหลีมองไปที่เจียวเจียว พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา
เขามาที่นี่ราวกับทูตผีเทพญาดา เพื่อมาดูใบหน้าและดวงตาของเจียวเจียวที่มีความคล้ายคลึงเช่นนั้นหรือ น่าเสียดายที่มีความคล้ายคลึงเพียงแค่สามส่วนเท่านั้น
น้ำเสียงนี้!
คุณพระ! !
ในใจของเย่จายซิงพลันตกตะลึงไปในทันที นี่มิใช่น้ำเสียงของผีเจ้าเล่ห์ที่ดูดเลือดนางไปคือหลงเฟยหลีหรืก?
จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่เป็นเขาไปได้อย่างไรกัน? !
จู่ๆ เย่จายซิงก็พลันนึกไปถึงหลงเฟยหลีที่เป็นสายเลือดของครึ่งปีศาจและครึ่งเทพ อีกทั้งเจ้าหนูที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดในครานั้น ร้องตะโกนเรียกหลงเฟยหลีว่าฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ!
ที่แท้เขาก็คือองค์ชายสิบของโลกปีศาจนี่เอง!
ทว่า ภายในใจของเย่จายซิงยังคงรู้สึกตกตะลึงอยู่ไม่น้อย นางไม่คิดเลยว่า จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่จะเป็นหลงเฟยหลี
ความชั่วร้ายความร้ายกาจและความฉลาดแกมโกงของหลงเฟยหลี เขาความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมาได้รับการอภิเษกจากบรรพบุรุษเผ่าปีศาจเช่นนี้ด้วยละก็ มีแต่จะแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวกว่าเดิมอีก
อีกทั้ง! นางกับเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน
ตัวเองตกมาอยู่ในกำมือของเขาเช่นนี้ จุดจบของนางต้องน่าเศร้ามากเป็นแน่
เจียวเจียวพลันเงยหน้าขึ้นมา พร้อมทั้งสบตากับจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ด้วยความเขินอาย พลางพูดออกมาด้วยความอ่อนหวานว่า "ท่านจักรพรรดิปีศาจเพคะ เชิญท่าเข้ามาในตำหนักหม่อมฉันก่อนเพคะ หม่อมฉันจะให้คนไปชงชามาให้พระองค์เอง "
หลงเฟยหลีมองเข้าไปในดวงตาของเจียวเจียว ภายในใจพลันปรากฏความผิดหวังขึ้นมา แตกต่างกันเกินไป มิได้มีคล้ายคลึงกันเลยแม้แต่น้อย มันอยู่ไกลเกินไป และทันใดนั้นเขาก็หมดความสนใจเพียงเล็กน้อย
ยามที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไปนั้น เจียวเจียวหาได้ล่วงรู้ความคิดของเขาไม่ ก่อนที่เขาจะหันตัวจากไปนั้น เจียวเจียวนางจึงหันไปพูดกับสาวใช้ของตนเองอย่างมีความสุขว่า
“เสี่ยวฮวา เจ้ารีบไปเตรียมชุดน้ำชามาเสีย”
หลงเฟยหลีพลันขมวดคิ้วลง คำว่า "ไม่" ที่กำลังจะออกมาจากปากของเขา พลันกลืนลงท้องไปในทันที
สายตาของหลงเฟยหลีจับจ้องไปยังนางกำนัลตัวน้อย ที่มีผ้าขี้ริ้วถืออยู่ในมือของเธอ ครึ่งหนึ่งของผนังได้ทำการถูกเช็ดกวาดจนสะอาดไปแล้ว ตรงกันข้ามกับอีกซีกนึ่งที่ยังสกปรกอยู่
นางกำนัลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเหลือบมองหลงเฟยหลีอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงถอนสายตากลับไป เมื่อตกปากรับคำเสร็จ นางก็รีบเดินไปที่ห้องเก็บของและไปหยิบชุดน้ำชาออกมา
เพียงแค่การชำเลืองมองครั้งเดียวนั้น มุมปากของหลงเฟยหลีพลันโค้งขึ้นมาในทันที พร้อมทั้งแสดงสีหน้าออกมาใหม่ราวกับกลับหัวกลับหาง
เจียวเจียวที่คิดว่าหลงเฟยหลีกำลังยิ้มให้ตนเองนั้น ก็พลันจ้องมองเขาด้วยใบหน้าเขินอายที่ขึ้นสี
“ในตำหนักของเจ้า มีนางกำนัลเพียงแค่หนึ่งคนเช่นนั้นหรือ?”
สายตาของหลงเฟยหลีพลันทอดมองไปยังผนังที่ถูกขัดอย่างขาวสะอาด พร้อมกล่าวออกมา
“โจวกงกง เจ้าไปหานางกำนัลมาเพิ่มอีกสี่คน”
ขันทีเฒ่าพลันตกตะลึงไปในทันที ทว่า เขาก็มิกล้าแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา เพียงเหลือบมองเจียวเจียวอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับรีบร้อนรับคำและจากไปตามหานางกำนัลมาเพิ่ม หากแต่จะหาเช่นไรนั้น แน่นอนว่าต้องไปย้ายนางกำนัลในตำหนักอื่นมาเพิ่มก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องที่ตำหนักอื่นจะมีนางกำนัลหรือไม่นั้น ก็หาใช่ความผิดของผู้อื่นไม่ ต้องโทษที่พวกนางมิได้รับความโปรดปรานเอง
เจียวเจียวคิดว่าท่าจจักรพรรดิปีศาจเป็นห่วงที่นางมีนางกำนัลคอยรับใช้อยุ่เพียงผู้เดียว จึงรู้เกิดความรู้สึกผิดต่อนาง ภายในใจของเจียวเจียวรู้สึกหวานล้ำยิ่งนัก
ไม่คิดเลยว่า ตนเองจะเป็นที่ดปรดปรานของจักรพรรดิปีศาจเช่นนี้ได้
เจียวเจียวหรือจะไปรู้ว่า หลงเฟยหลีเพียงแค่มิอยากใครบางคนต้องไปขัดผนังก็เท่านั้น
เย่จายซิงได้แต่ก้มหน้าก้มตาภายในใจราวกับมีม้านับหมื่นตัวกำลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้าในใจของนาง มือไม้พลันจัดวางอุปกรณ์ชุดทำชาอย่างไร้เรี่ยวแรงไปหมด
นางเหลือบมองไปยังใบหน้าของจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ ใบหน้าที่ยั่วยวนและมีเสน่ห์เหลือล้นเช่นนั้น หากมิใช่หลงเฟยหลีแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้!
นับว่าโชคดีที่นางมีความรอบคอบพอ จึงได้ใช้รากทิพย์กลียุคเพื่อกลบกลิ่นเลือดวิหคเพลิงภายในตัวของนาง เขาต้องไม่คิดแน่ ๆ เลยว่า นางกำนัลที่ไม่มีจุดเด่นภายในวังปีศาจจะเป็นคนจากแดนมนุษย์
บางที ไม่แน่เขาอาจจะลืมนางไปแล้วก็ได้
เย่จายซิงได้แต่อดกลั้นใจ รอจนกว่าหลงเฟยหลีและเจียวเจียวจะเข้าไปในห้องแล้วนั้น นางจะได้คอยยืนก้มหน้ารอรับใช้อยู่ด้านข้าง
“เสี่ยวฮวา เจ้าออกไปเถอะ ตรงนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
หลังจากที่เจียวเจียวเข้ามาแล้วนั้น ก็พลันหันมากล่าวกับเย่จายซิง
เนื่องจากว่า เจียวเจียวอยากจะอยู่ชงชาให้จักรพรรดิปีศาจด้วยตนเอง
เมื่อทำเรื่องแบบนี้ที่ตระกูลปีศาจนั้น ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน นางก็จะต้องฉกฉวยโอกาสนี้และกลายเป็นสตรีของจักรพรรดิปีศาจให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...