บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 232

เจียวเจียวต้องการจะเป็นสตรีคนแรกของจักรพรรดิปีศาจ

นางรู้ว่าจักรพรรดิปีศาจชอบนาง มิเช่นนั้นคงไม่ตั้งใจมาที่ตำหนักของนางเพื่อให้นางคอยรับใช้เช่นนี้ อีกทั้งยังจัดหานางกำนัลมาคอยรับใช้ให้เพิ่มอีกถึงสี่คน

จักรพรรดิปีศาจต้องมีความรู้สึกกับนางเช่นนั้นอย่างแน่นอน อีกทั้งจักรพรรดิปีศาจเองก็เป็นบุรุษ ถึงอย่างไรก็ต้องการที่จะปลดปล่อยร่างกายของตนเอง ทว่า นางเคยได้ยินมาว่า จักรพรรดิปีศาจหาเคยโปรดปราดสตรีนางใดไม่ นั่นก็หมายความว่าจักรพรรดิปีศาจมิได้ชมชอบผู้ใดเป็นพิเศษ

ในวันนี้ นางที่กลายเป็นที่ชื่นชอบของจักรพรรดิปีศาจแล้วนั้น จักรพรรดิปีศาจมาหานางในวันนี้ นั่นก็หมายความว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยนาง

ดังนั้น เจียวเจียวจึงได้โบกมือไล่เย่จายซิงออกไป รั้งรอให้นางกำนัลออกไปเสียก่อน

“มิจำเป็น ให้นางมาชงชาให้ข้า”

หลงเฟยหลีพลันหันไปมองนางกำนัลที่ก้มหน้ากำลังจะเตรียมตัวออกไปนั้น ก็พูดขึ้นมา

“ลำบากเจ้าแล้ว”

เจียวเจียวพลันเขินอายไปในทันที

นางคิดว่าจักรพรรดิปีศาจกำลังเป็นห่วงนางอยู่ จึงมิอยากให้นางลงมือชงชาปรนนิบัติเขาด้วยตนเอง ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้มอบหมายให้นางกำนัลเป็นคนจำการแทน

เมื่อหลงเฟยหลีเห็นนางก้มหน้ามิกล้าเงยหน้าขึ้นมานั้น ภายในใจก็บังเกิดความรู้สึกแมวที่กำลังรอตะครุบหนูขึ้นมา

เขาจึงปล่อยให้เจียวเจียวเข้าใจตนเองผิดไปเช่นนั้น พลางกล่าวขึ้นมาว่า

“เรื่องการชงชานั้น เป็นหน้าที่ของนางกำนัล”

เมื่อเห็นจักรพรรดิปีศาจยังคงยืนหยัดในความคิดของตนเอง เจียวเจียวก็มิกล้าร้องปฏิเสธออกมา นางจึงได้แต่ปล่อยให้เย่จายซิงเข้ามาทำการชงชาให้

เมื่อเย่จายซิงเดินเข้ามานั้น ก็โค้งกายให้กับพวกเขาทั้งสองคนและลงมือชงชาในทันที

มือของนางยังคงประคองเอาไว้อย่างมั่นคง แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกกระวนกระวายมากก็ตาม นี่ถือได้ว่าเป็นโอกาสในการวางยาที่ดียิ่งนัก หากแต่พวกเขาทั้งสองคนกำลังจ้องมองมาที่มือของนางอยู่ นางจึงไม่มีโอกาสได้ลงมือวางยาเสียที

เฮ้อ

โอกาสที่ดีเช่นนี้ หากพลาดไปคงน่าเสียดายน่าดู

หลงเฟยหลีเปลี่ยนไปมากนักหากว่านางทำอะไรลงภายใต้สายตาของเขาละก็ เกรงว่าคงจะมิอาจปิดบังอะไรไปได้

เย่จายซิงริมนน้ำชาเสร็จ ก็พลันก้าวถอยออกไป

หลงเฟยหลีจึงยกชาขึ้นมาดื่ม พร้อมกับค่อย ๆ ลิ้มรสน้ำชาอย่างช้าๆ เสมือนกับว่านี่เป็นชาอายุนับพันปี

เจียวเจียวพลันเผยรอยยิ้มที่เขินอายออกมา พร้อมกับค่อย ๆ เม้มริมฝีปากเพื่อก้มลงไปจิบชา ทว่า ดวงตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องไปที่หลงเฟยหลี พลางกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาทเพคะ พระองค์รอรับสำรับมื้อที่นี่หรือไม่เพคะ”

หูของเย่จายซิงพลันตั้งขึ้นมาในทันที หลงเฟยหลีพลันพูดขึ้นมาด้วยท่าทีสบายใจว่า

“ได้”

ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่า หลงเฟยหลีบุรุษผู้ที่มากแผนการมากมาย จะมาชมชอบสตรีที่มีเสน่ห์และดูใสซื่อเช่นเจียวเจียวไปได้

นางคิดว่าเขาจะอยู่และตายไปอย่างโดดเดี่ยวในชั่วชีวิตนี้เสียอีก

ใบหน้าของเจียวเจียวพลันเต็มไปด้วยความปีติยินดีไปในทันที นางพลันรู้สึกว่าข่าวลือที่ว่ากันว่าจักรพรรดิปีศาจ มีนิสัยโหดเหี้ยมไม่สนผู้ใด ล้วนแต่เป็นคำพูดที่ล่ำลือกันไปเกินจริง

“เสี่ยวฮวา เจ้าไปบอกให้...”

ขณะที่เจียวเจียวกำลังพูดขึ้นมา โจวกงกงก็มาพร้อมกับนางกำนัลอีกสี่คน

“จักรพรรดิปีศาจพ่ะย่ะค่ะ นี่คือนางกำนัลที่จะมาคอยรับใช้นายหญิงพ่ะย่ะค่ะ”

นางกำนัลทั้งหมดพลันรีบคุกเข่าลงและก้มศีรษะราวกับนกกระทา

บังเอิญยิ่งนัก ปิงเฉียวก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

เช่นนี้ ยู่เหอก็ไม่เหลือสาวใช้ให้คอยรับใช้นางแล้วไม่ใช่หรือ?

น่าสงสารจริงๆ

“ขอบคุณพระทัยจักรพรรดิปีศาจเพคะ”

เจียวเจียวพลันลุกขึ้นยืนเพื่อโค้งคำนับให้หลงเฟยหลี

นางคิดว่าหลงเฟยหลีจะใช้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้มาช่วยพยุงตัวนาง เพื่อที่จะได้มาสัมผัสเรือนร่างของนางเล็กน้อย

ทว่า หลงเฟยหลีเพียงพยักหน้าลง พร้อมกับหันไปกล่าวกับโจวกงกงว่า

“โจวกงกง ไปนำสำรับมา ข้าจะรับสำรับเที่ยงที่นี่”

เย่จายซิง: นี่มิใช่หน้าที่ของข้าหรือ?

นางยังคิดที่จะลอบนำผงสาววิญญาณใส่ลงไปในสำรับอาหารอยู่เลย

ยามที่หลงเฟยหลีกำลังดื่มชานั้น นางมิเห็นว่าเขาจะระวังตนเอง เกรงว่าตอนที่เขารับสำรับก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่ได้การละ อีกครู่หนึ่ง นางจักต้องหาทางลอบใส่ลงไปในสำรับอาหารให้ได้

ผ่านไปไม่นานนัก ขันทีก็พานางกำนัลนำสำรับอาหารเข้ามาส่ง เย่จายซิงที่คิดจะไปรับมาวางไว้บนโต๊ะนั้น แต่เป็นเพราะขันทีเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาดีเกินไป ทำไปทำไม พวกเขาก็วางสำรับอาหารจนเต็มไปโต๊ะไปแล้ว ยามที่นางคิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยก็มิทันการแล้ว

“เจ้ามาคีบอาหารให้ข้า”

จู่ๆ หลงเฟยหลีพลันเรียกเย่จายซิง

เย่จายซิงจึงได้แต่พยักหน้ารับคำ “เพคะ”

พร้อมกับค่อย ๆ แอบเก็บยาผงสลายวิญญาณเข้าไปในแขนเสื้อตนเอง

นางคีบสำรับอาหารมาเป็น ทว่าหากไม่ลองก็ไม่มีทางรู้ ก็แค่คีบอาหารให้ผู้อื่นมิใช่หรือ?

หลังจากที่รอจนหลงเฟยหลีและเจียวเจียวนั่งลงแล้วนั้น เย่จายซิงก็พลันหยิบตะเกียบขึ้นมา พร้อมกับใช้ตะเกียบคีบอาหารต่างๆมากมายใส่ลงไปในถ้วยของหลงเฟยหลี

ผ่านไปไม่นานนัก อาหารในถ้วยของหลงเฟยหลีพลันพูนขึ้นมาในทันที

โจวกงกงที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างกายพลันตกใจเสียจนก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา

เจียวเจียวเองสีหน้าพลันถอดสี เกรงว่านางกำนัลที่โง่เง่าของตนจะพานางไปตกที่น่าลำบากเสียแล้ว พลางรีบร้อนกล่าวขึ้นมาว่า

“ฝ่าบาทเพคะ นางกำนัลผู้นี้เข้ามาทำงานในวังได้ไม่นาน จึงมิเคยเรียนรู้การคีบอาหาร ให้หม่อมฉันทำให้พระองค์ดีกว่านะเพคะ”

เย่จายซิงพลันรู้สึกไม่พอใจนัก นางเพียงคีบนิดเดียว ผู้ใดสั่งให้มีสำรับมากมายมากกว่าสิบอย่างกันเล่า!

"ไม่เป็นไร เช่นนี้ก็ดีแล้ว"

หลงเฟยหลีพลันโบกมือไปมา พร้อมกับหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบกินไปสองสามคำอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าจานจะเต็มไปด้วยกับข้าวก็ตาม หากแต่ท่วงท่าของเขาดูสง่างามยิ่งนัก

เจียวเจียวมิคิดเลยว่าจักรพรรดิปีศาจจะอารมณ์ดีเช่นนี้ พลันรู้สึกว่าต้องเป็นเพราะจักรพรรดิปีศาจชื่นชอบนางแน่ ๆ ดังนั้นจึงมิคิดถือสาเอาความกับนางกำนัลของตน ภายในใจพลันรู้สึกความหวานล้ำที่พรั่งพรูเข้ามาอย่างหยุดได้ยาก

จักรพรรดิปีศาจที่ดีเช่นนี้ ถ้าหากเขาโปรดปรานแต่นางเพียงผู้เดียวก็คงจะดีไม่น้อย

เย่จายซิงที่มองไปยังหลงเฟยหลีที่ค่อยๆ กินข้าวอยู่นั้น ก็รู้สึกชื่นชมที่เขากินได้กินดี นางจึงหยิบถ้วยเล็กไปตักน้ำแกงขึ้นมา พร้อมกับตั้งมั่นว่าจะเทยาผงสลายวิญญาณเข้าไป หลงเฟยหลีย่อมมองไม่ออกแน่

ผู้ใดจะไปคิดว่ายามที่นางยกกระบวยขึ้นมาตักน้ำแกงนั้น หลงเฟยหลีก็พลันเช็ดปากตนเอง พร้อมกับจ้องมองมาที่มือของนาง

การกระทำของนางพลันหยุดชะงักไปในทันที โอกาสที่นางจะได้ลงมือไม่เหลืออีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน ก็พลันมีองครักษ์เงาเข้ามารายงานว่า

“ฝ่าบาทขอรับ กองทัพกบฏนับล้านของประมุขปีศาจหยวนขุยกำลังถูกกองทัพใหญ่สะกั้นเอาไว้อยู่ที่หุบเขาจักจั่นทองขอรับ !”

หุบเขาจักจั่นทอง?

เย่จายซิงพลันหวนคิดไปถึงแผนที่ของโลกปีศาจเมื่อคิดออกว่าหุบเขาจักจั่นทองอยู่ที่ใดกันแน่นั้น ที่ตรงนั้นมีช่องเขาทางธรรมชาติอยู่ นับว่าเหมาะกับการเป็นที่ซุ่มโจมตียิ่งนัก

หุบเขาจักจั่นทองเองก็อยู่ห่างจากนครปีศาจมิได้ไกลมาก หากทัพใหญ่ของตระกูลปีศาจรีบรุดหน้าไปด้วยความรวดเร็ว ก็คงใช้เวลาอย่างมากแค่วันกว่า ๆ

ทว่า กองทัพของเสด็จอาถูกทัพใหญ่ของตระกูลปีศาจขว้างกั้นเอาไว้ที่หุบเขาจักจั่นทองเช่นนี้ หากจะตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ ย่อมต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย

กองทัพใหญ่ที่รวมพลกัน เกรงว่าจะเป็นของโม่จวินคนอื่นๆ ที่รวมพลกันมากระมัง เพื่อมาเป็นตัวแทนของจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ในการต่อกรกับประมุขปีศาจหยวนขุย

แต่เดิมนาง นางต้องการใช้ประโยชน์จากการวางยาพิษของหลงเฟยหลี ทว่านางคงต้องหยุดมันเอาไว้ชั่วคราวเสียแล้ว

ยาผงสลายวิญญาณมีประสิทธิภาพเพียงสิบชั่วยามเท่านั้น หาได้มีอานุภาพถึงหนึ่งวันไม่ เสด็จอาย่อมไม่สามารถมาได้ทันแน่

เช่นนั้นนางค่อยหาโอกาสใหม่ๆ ต่อไป ดูเหมือนว่า หลงเฟยหลีจะชมชอบเจียวเจียวไม่น้อยเลย

เย่จายซิงมิค่อยเป็นกังวลเรื่องเสด็จอาเท่าใดนัก เขาจักต้องมิเป็นอันใดแน่ ทั่วทั้งโลกปีศาจ ผู้ที่สามารถทำให้เสด็จอาได้รับบาดเจ็บได้มีเพียงแค่หลงเฟยหลีเท่านั้น

หลังจากที่เย่จายซิงตักน้ำแกงเสร็จแล้ว ก็เอามาวางไว้ตรงหน้าของหลงเฟยหลีในทันที

เมื่อเห็นภาพตรงหน้านั้น ทั้งโจวกงกงและองครักษ์เงาต่างพากันมองตาแทบจะถลน พวกเขารู้ว่าหลงเฟยหลีเกลียดการดื่มน้ำแกงมากที่สุด ก่อนหน้านั้นเขาหาได้เคยแตะน้ำแกงไม่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ดื่มน้ำแกงขึ้นมาได้กัน อีกทั้งยังดื่มไปไม่น้อยอีกด้วย!

เจียวเจียวที่กินไปด้วยกะจิตกะใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางกลัวว่าหลงเฟยหลีจะรับออกไปจัดการกับปัญหาอะไรบางอย่าง

มิคิดเลยว่า หลังจากที่รำบสำรับเสร็จแล้วนั้น เขายังไม่มีความคิดที่จะหนีไปไหน ภายในใจของเจียวเจียวในยามนี้เบิกบานเสียหยุดไม่อยู่แล้ว

“เจ้าเล่นดนตรีเป็นหรือไม่?”

เมื่อได้ยินจักรพรรดิปีศาจถามเช่นนี้ เจียวเจียวรีบร้อนพยักหน้าขึ้นมาในทันที “หม่อมฉันเล่นฉินเป็นเพคะ”

“เช่นนั้นเจ้าก็บรรเลงฉิน ส่วนเจ้า มานวดขาให้ข้า”

หลงเฟยหลีพลันเอนตัวนอนลงบนตั่ง สองขาพลันยกพาดขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปที่เย่จายซิง

เป็นข้าอีกแล้วหรือ?

เย่จายซิงพลันขมวดคิ้วลงมิให้ผู้ใดเห็น จากนั้นก็เดินไปหาหลงเฟยหลี

ในใจพลางก่นด่าบุรุษผู้นี้ว่าเป็นตัวซวยของนาง ก่อนหน้านั้นมาดูดเลือดของนางแล้ว ในยามนี้ยังมาใช้งานนางอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา