บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 233

ในฐานะนางกำนัลที่ชีวิตอย่างยากลำบากในรั้ววัง นางจะไปทำเช่นไรได้ นอกจากจะเดินเข้าไปนวดขาให้กับหลงเฟยหลี

นางนั่งคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับวางมือไปในท่าทางที่เหมาะสม สองมือพลันค่อยๆ นวดขาของหลงเฟยหลีไปด้วยท่าทีเชื่อฟังมากที่สุด

ขาของเขาที่เต็มไปด้วยพละกำลังมากมายนั้น กล้ามเนื้อเป็นมัดแน่น อีกทั้งกระตุกยังแข็งแรงทนทานอีกเช่นนี้ เย่จายซิงบีบนวดลงไปล้วนแต่สิ้นเปลืองแรงยิ่งนัก

เจียวเจียวพลันอุ้มฉินเดินเข้ามานั้น นางพลันเปลี่ยนชุดอาภรณ์เป็นผ้าซาตินสีขาว คล้ายกับเทพเซียนที่กำลังโบยบินลงมาก็ไม่ปาน อีกทั้งยังสามารถเห็นเรือนร่างของนางรางๆได้อีกด้วย

เจียวเจียวจึงนั่งลงตรงข้ามกับหลงเฟยหลี พร้อมกับเริ่มบรรเลงฉินด้วยท่าทีจริงจัง พลางหันมามองดูหลงเฟยหลีด้วยท่าทีเขินอาย

หลงเฟยหลีมองมาที่นาง ทว่า หางตาแอบลอบมองคนที่กำลังนวดขาตนเองอยู่อย่างเงียบๆ

เธอปลอมตัวตนมาอย่างดีเชียว นางคงไม่คิดว่า เขาจะจดนางได้เพียงพริบตาเดียวหรอกกระมัง

กับบางคนหากได้ถูกใจจนฝังลงอยู่ในกระดูกแล้วไซร้ ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกอะไรไปได้อีก แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็สามารถจดจำนางได้อย่างไม่ยาก

ถึงจะรู้ว่า นางมีจุดประสงค์ในการมาที่แห่งนี้ แต่เขาก็เต็มใจที่จะปล่อยให้นางอยู่ที่นี่

เจ้าแมวป่าของข้า เจ้าแมวป่าตัวน้อย เสน่ห์ของเจ้ามาจากที่ใดกัน ถึงทำให้ข้าไม่อาจหลงลืมเจ้าไปได้เช่นนี้

นางเล่นอยู่บทนางกำนัลตัวน้อยได้ดียิ่งนัก นางก้มหน้าลงจนเหลือแต่เพียงผมหน้าม้าบางๆ ที่มีสีดำราวกับทะเล

เจียวเจียวที่บรรเลิงฉินอยู่นั้น นางบรรเลงแต่เพลงที่ของสายลมบุปผาเหมันตและจันทรา อีกทั้งยังสื่อออกมาถึงความปรารถนาที่ลึกซึ้ง

เย่จายซิงพลันจินตนาการไปถึงฉากรักของพวกเขาทั้งคู่ได้ในทันที

ตระกูลปีศาจเปิดกว้างยิ่งนัก ทั้งสองคนคงมิใช่ติดจะทำเช่นนั้นต่อหน้านางใช่หรือไม่?

“มานี่”

หลังจากที่เจียวเจียวบรรเลงเพลงพิณจบไปถึงหกเพลงแล้วนั้น หลงเฟยฉีถึงได้เอ่ยปากพูดออกมา

มือของเย่จายซิงแข็งค้างไปหมดแล้ว นางกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ตนเองควรจะขอตัวลาออกไปดีหรือไม่

เมือ่หลงเฟยหลีสัมผัสได้ถึงการกระทำของนางนั้น มุมปากพลันกระตุกโค้งขึ้นมาในทันที

เจียวเจียวพลันเดินมาหาหลงเฟยหลีด้วยท่าทีเขินอาย ใบหน้าพลันประดับประดาไปด้วยขีดสีแดงจางๆ

นางรู้ดีว่า จักรพรรดิปีศาจผู้หล่อเหลาต้องการจะเอาอกเอาใจนางเป็นแน่

นางอยากจะไล่ให้เย่จายซิงออกไป แต่ก็มิกล้าเอ่ยปากต่อหน้าหลงเฟยหลี

เจียวเจียวจึงมองไปยังจักรพรรดิปีศาจด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อต้องการที่จะนั่งลงตรงขาของเขานั้น เจียวเจียวพลันรู้สึกว่าฝ่าบาทย่อมไม่ปฏิเสธนางแน่ ๆ

ยามที่เจียวเจียวกำลังจะหย่อนก้นนั่งลงไปนั้น หลงเฟยหลีพลันชี้นิ้วไปที่จอกน้ำชา “ไปรินน้ำชามาเสีย”

เจียวเจียวชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับก้มหน้ารับคำ หลังจากที่รินน้ำชาแล้วเดินมาหาหลงเฟยหลีแล้วนั้น

“ไปเล่นต่อ”

เจียวเจียว “?”

นางเล่นฉินไปถึงหกเพลงแล้ว ยังไม่พออีกหรือ? หรือว่าจักรพรรดิปีศาจชื่นชอบเพลงที่นางเล่นยิ่งนัก? จึงมิอยากทำสิ่งอื่นอีก?

เช่นนั้น นางก็จะเล่นฉินต่อไป

เย่จายซิงที่เห็นภาพเช่นนั้น พลันหมดคำพูดไปในทันที จักรพรรดิปีศาจท่านไม่ยุ่งหรืออย่างไร? มือของข้านวดให้ท่านจนด้านชาไปหมดแล้ว!

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

หลังจากที่บรรเลงจนจบไปถึงสองบทเพลงแล้วนั้น จู่ ๆ หลงเฟยหลีก็พลันลุกขึ้นยืนกล่าวว่า

“พอแล้ว ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ ยามค่ำข้าจะมาหาอีกครั้ง”

หลงเฟยหลีพลันเหลือมองใบหน้าของเย่จายซิงครู่หนึ่ง พร้อมกับละสายตาจากไป

เจียวเจียวรู้สึกผิดหวังไปเล็กน้อย ทว่า เมื่อได้ยินว่าจักรพรรดิปีศาจจะมาหานางอีกครั้งในตอนกลางคืน ก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าการบรรเลงเพลงพิณจะทำให้นิ้วของนางเจ็บปวดไปหมด แต่ในเมื่อจักรพรรดิปีศาจมีใจให้นางเช่นนี้ นางก็มีความสุขมากแล้ว

“หม่อมฉันน้อมส่งเสด็จพระองค์เพคะ หม่อมฉันอยากทราบว่า พระองค์จะเสด็จมาร่วมรับสำรับมื้อค่ำด้วยหรือไม่เพคะ ?”

หลงเฟยหลีพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับก้าวขาออกไปโดยไว

เย่จายซิงพลันถอนหายใจออกมาเปลาะหนึ่ง ดุเหมือนว่า หลงเฟยหลีจะจำนางไม่ได้

หากเขามาอีกครั้งในตอนกลางคืน นั่นหมายความว่าเขาถูกตาต้องใจกับเจียวเจียว เมื่อถึงเวลานั้น นางค่อยหาโอกาสในการลงมือเทยาผงสลายวิญญาณเข้าไปก็ได้

“ยินดีกับนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ ท่าจักรพรรดิปีศาจต้องชมชอบท่านเป็นแน่ อีกไม่นานพระองค์จะต้องมอบยศให้กับท่าน ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับนายหญิงเป็นการล่วงหน้าก่อนเลยนะเพคะ”

คำพูดประจบสอพลอพลันเอ่ยขึ้นมาในทันที

เนื่องจากกลัวว่าเจียวเจียวจะเป็นกังวลเรื่องของนาง เย่จายซิงจึงได้ชิงลงมือในยามที่นางอารมณ์ดีพูดยกยอปอปั้นขึ้นมา

เจียวเจียวมีความสุขยิ่งนัก พร้อมกับเขินอายบิดตัวไปมา แววตาพลันฉายแววความหยิ่งทระนงมากขึ้นไปอีก

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น วังหลังทั้งหมด มีสตรีนางใดมีโอกาสเช่นข้าบ้าง? จักรพรรดิปีศาจต้องตกหลุมรักข้าเพียงแรกเห็นเป็นแน่ อีกทั้งยังเป็นการยากที่จะลืมเลือน ต่อไปในภายภาคหน้า เขาก็จะหลงรักแต่ข้าเพียงผู้เดียว !”

เจียวเจียวเผยท่าทางหยิ่งยโสขึ้นมา จักรพรรดิปีศาจที่แข็งแกร่งองอาจและยังรูปงามเช่นนี้ สุดท้ายก็ต้องมาสยบแทบเท้านาง

ต่อไปนี้ ในโลกของปีศาจ นางก็จะเป็นผู้ที่รับการเคารพมากที่สุด

“ใช่แล้วเพคะ”

เย่จายซิงรับพูดสมทบไปในทันที แม้ว่าภายในใจจะส่ายหัวด้วยความเอือมระอาก็ตาม

นางรู้สึกว่า หากหลงเฟยหลีรู้ว่าธาตุแท้นางเป็นคนเช่นนี้นั้น เกรงว่าจะเล่นกับเจียวเจียวได้ไม่นานและก็ทิ้งนางไปเป็นแน่

เย่จายซิงกลับรู้สึกว่า หลงเฟยหลีน่าจะชอบสตรีที่ดูสุขุมนิ่งลึกมากกว่า

หรือว่า บางทีเขาอาจจะไม่สามารถรักใครได้เลย

ทว่า ความสัมพันธ์เช่นนี้หาได้เกี่ยวข้องกับนางไม่ รอจนกว่าเสด็จอาจะจัดการเรื่องราวของโลกปีศาจให้เสร็จสิ้นแล้วไซร้ นางก็จักได้ออกไปจากที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้น หลงเฟยหลีจะมอบให้ใครขึ้นเป็นนายหญิงของวังหลัง เจียวเจียวจะได้รับความโปรดปรานหรือไม่นั้น นั่นเป็นชะตาชีวิตของเจียวเจียวแล้ว

“เจ้าไปขัดผนังต่อไป กลางคืนไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาคอยรับใช้แล้ว!”

จู่ ๆ เจียวเจียวก็พลันพูดขึ้นมา

นางมิอยากให้เย่จายซิงเข้าใกล้จักรพรรดิปีศาจไปมากกว่านี้ มิรู้ว่าเป็นเพราะอะไรเช่นกัน มันเป็นเพียงความรู้สึกหนึ่งเท่านั้น

เย่จายซิงมีหน้าตาบ้านๆหากว่ากันตามจริงแล้วนางไม่อยากจะมีความคิดเช่นนี้ แต่นางรู้สึกไม่วางใจยิ่งนัก

ดังนั้น นางจึงตัดสินใจที่จะให้เย่จายซิงอยู่ให้ห่างออกไปเสียหน่อย

เย่จายซิง “……..”

นางพูดไม่ออกไปในทันที

เช่นนี้ นางจะหาโอกาสวางยาพิษหลงเฟยหลีได้อย่างไรเล่า?

ผียังรู้เลยว่าเจียวเจียวกำลังมองนางเป็นศัตรู

“เพคะ”

เย่จายซิงพลันถอยกายออกไปด้วยท่าทีหมดคำพูด พร้อมกับหิ้วถังน้ำไปขัดผนังขัดพื้นตามเดิม

นับว่ายังมีเวลาหลงเหลืออยู่กว่าเสด็จอาจะยกทัพเข้ามาตีนั้น อย่างไรก็ย่อมต้องใช้เวลา นางย่อมต้องหาโอกาสได้แน่

ขัดผนัง ขัดๆ ถูๆ

นับว่าเป็นเรื่องที่ดี หลงเฟยหลีย่อมต้องมานอนกับเจียวเจียวในคืนนี้อย่างแน่นอน นางรอรับใช้อยู่ด้านในนับว่ารู้สึกทำตัวไม่ถูกยิ่งนัก

เพียงแค่เย่จายซิงเดินออกมานั้น เหล่านางกำนัลคนอื่นที่มิได้รับการโปรดปรานจากเจียวเจียว ก็รีบร้อนเข้าไปประจบเอาใจคอยรับใช้นางในทันที

“นายหญิงเจ้าคะ เสี่ยวฮวาตัวเล็ก ๆ นั่นมิใช่คนดี ท่านมีสายตาที่เฉียบคมยิ่งนัก ยามที่นางไปอยู่กับนายท่านยู่เหอนั้น นางก็เคยพูดเกลี้ยกล่อมให้เกิดความบาดหมางระหว่างหม่อมฉันกับนายหญิงเช่นกันเจ้าค่ะ!”

เอ๋ นี่ไม่ใช่เสียงของปิงเฉียวหรอกเหรอ?

เย่จายซิงได้แต่พ่นลมหายใจออกมา ปิงเฉียวผู้นี้นับว่ามีจริงจังในหน้าที่การงานของตนเองยิ่งนักเพียงใช้เวลาไม่นาน นางก็ “ละทิ้งความมืดเข้าหาแสงสว่าง”ไปได้แล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ

นางเห็นคนมาแบบนี้มาเยอะแล้ว แต่นางก็มิได้รู้สึกว่าไม่สบายใจอะไร

ผู้คนในวังหลัง มิใช่ว่าข้าใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าใช้ประโยชน์จากข้างั้นหรือ

“เจ้าอย่าได้คิดว่า ก่อนหน้านั้นข้ามองไม่เห็นสายตาอาฆาตที่เจ้ามองมาหาข้านะ ไสหัวออกไปเทถังอาจมทิ้งเสีย หลังจากนี้อย่ามาให้ข้าเห็นเจ้าอีก”

เจียวเจียวพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา นางยังจำสีหน้าของนางกำนัลผู้นี้ ยามที่นางตบไปที่ใบหน้าของยู่เหอได้แม่นยำ

หากมิใช่ว่านางไม่มีนางกำนัลไว้คอยรับใช้มากมายนัก นางคงทุบตีนางกำนัลที่ไม่รู้จักเคารพเจ้านายเช่นนี้ไปแล้ว

ปิงเฉียวสีหน้าพลันซีดเผือดราวกับผักต้มไปในทันที เหตุใดนางไปที่ไหนก็หนีไม่พ้นกับการนำถังอาจมไปทิ้งเล่า

ส่วนนางกำนัลอีกสามคนนั้น เจียวเจียวได้เลือกนางกำนัลหน้าใหม่มาหนึ่งคน เพื่อเอาไว้รับใช้ข้างกาย ผู้อื่นนางไม่อนุญาตให้เข้าไปในห้อง เพื่อป้องกันคนลอบทำร้ายนาง

ไม่อาจไม่ชมได้เลยว่า สัญชาตญาณของเจียวเจียวนับว่าแม่นยำยิ่งนัก

เย่จายซิงยังคงนั่งขัดๆถูๆไป เหล่านางกำนัลผ้อื่นก็พลันมองนางด้วยท่าทีรังเกียจ เนื่องจากคิดว่า เย่จายซิงไม่มีโอกาสพลิกฟื้นขึ้นมาเป็นที่โปรดปรานได้อีกแล้ว

ยามสนธยาเข้ามากล้ำกรายนั้น ผนังที่ได้รับการขัดถู พลันดูสะอาดเงางามขึ้นมาในทันที แม้แต่บนพื้นดินก็มิได้มีฝุ่นเกาะเลยแม้แต่น้อย

ทว่า เจียวเจียวยังรู้สีกว่ามันไม่สะอาดพอ พร้อมกับสั่งให้นางไปทำการขัดประตูตำหนักอีก

ในยามที่เย่จายซิงกำลังขัดประตูตำหนักอยู่นั้น จู่ ๆ ก็พลันสัมผัสได้ถึงไอรังสีอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของตน เมื่อนางหันกลับไปมอง พลันพบว่าเป็นหลงเฟยหลี

ทำเอาเย่จายซิงตกใจไปในทันที เขามาได้อย่างไรกัน เหตุใดนางถึงไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา