ในฐานะนางกำนัลที่ชีวิตอย่างยากลำบากในรั้ววัง นางจะไปทำเช่นไรได้ นอกจากจะเดินเข้าไปนวดขาให้กับหลงเฟยหลี
นางนั่งคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับวางมือไปในท่าทางที่เหมาะสม สองมือพลันค่อยๆ นวดขาของหลงเฟยหลีไปด้วยท่าทีเชื่อฟังมากที่สุด
ขาของเขาที่เต็มไปด้วยพละกำลังมากมายนั้น กล้ามเนื้อเป็นมัดแน่น อีกทั้งกระตุกยังแข็งแรงทนทานอีกเช่นนี้ เย่จายซิงบีบนวดลงไปล้วนแต่สิ้นเปลืองแรงยิ่งนัก
เจียวเจียวพลันอุ้มฉินเดินเข้ามานั้น นางพลันเปลี่ยนชุดอาภรณ์เป็นผ้าซาตินสีขาว คล้ายกับเทพเซียนที่กำลังโบยบินลงมาก็ไม่ปาน อีกทั้งยังสามารถเห็นเรือนร่างของนางรางๆได้อีกด้วย
เจียวเจียวจึงนั่งลงตรงข้ามกับหลงเฟยหลี พร้อมกับเริ่มบรรเลงฉินด้วยท่าทีจริงจัง พลางหันมามองดูหลงเฟยหลีด้วยท่าทีเขินอาย
หลงเฟยหลีมองมาที่นาง ทว่า หางตาแอบลอบมองคนที่กำลังนวดขาตนเองอยู่อย่างเงียบๆ
เธอปลอมตัวตนมาอย่างดีเชียว นางคงไม่คิดว่า เขาจะจดนางได้เพียงพริบตาเดียวหรอกกระมัง
กับบางคนหากได้ถูกใจจนฝังลงอยู่ในกระดูกแล้วไซร้ ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกอะไรไปได้อีก แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็สามารถจดจำนางได้อย่างไม่ยาก
ถึงจะรู้ว่า นางมีจุดประสงค์ในการมาที่แห่งนี้ แต่เขาก็เต็มใจที่จะปล่อยให้นางอยู่ที่นี่
เจ้าแมวป่าของข้า เจ้าแมวป่าตัวน้อย เสน่ห์ของเจ้ามาจากที่ใดกัน ถึงทำให้ข้าไม่อาจหลงลืมเจ้าไปได้เช่นนี้
นางเล่นอยู่บทนางกำนัลตัวน้อยได้ดียิ่งนัก นางก้มหน้าลงจนเหลือแต่เพียงผมหน้าม้าบางๆ ที่มีสีดำราวกับทะเล
เจียวเจียวที่บรรเลิงฉินอยู่นั้น นางบรรเลงแต่เพลงที่ของสายลมบุปผาเหมันตและจันทรา อีกทั้งยังสื่อออกมาถึงความปรารถนาที่ลึกซึ้ง
เย่จายซิงพลันจินตนาการไปถึงฉากรักของพวกเขาทั้งคู่ได้ในทันที
ตระกูลปีศาจเปิดกว้างยิ่งนัก ทั้งสองคนคงมิใช่ติดจะทำเช่นนั้นต่อหน้านางใช่หรือไม่?
“มานี่”
หลังจากที่เจียวเจียวบรรเลงเพลงพิณจบไปถึงหกเพลงแล้วนั้น หลงเฟยฉีถึงได้เอ่ยปากพูดออกมา
มือของเย่จายซิงแข็งค้างไปหมดแล้ว นางกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ตนเองควรจะขอตัวลาออกไปดีหรือไม่
เมือ่หลงเฟยหลีสัมผัสได้ถึงการกระทำของนางนั้น มุมปากพลันกระตุกโค้งขึ้นมาในทันที
เจียวเจียวพลันเดินมาหาหลงเฟยหลีด้วยท่าทีเขินอาย ใบหน้าพลันประดับประดาไปด้วยขีดสีแดงจางๆ
นางรู้ดีว่า จักรพรรดิปีศาจผู้หล่อเหลาต้องการจะเอาอกเอาใจนางเป็นแน่
นางอยากจะไล่ให้เย่จายซิงออกไป แต่ก็มิกล้าเอ่ยปากต่อหน้าหลงเฟยหลี
เจียวเจียวจึงมองไปยังจักรพรรดิปีศาจด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อต้องการที่จะนั่งลงตรงขาของเขานั้น เจียวเจียวพลันรู้สึกว่าฝ่าบาทย่อมไม่ปฏิเสธนางแน่ ๆ
ยามที่เจียวเจียวกำลังจะหย่อนก้นนั่งลงไปนั้น หลงเฟยหลีพลันชี้นิ้วไปที่จอกน้ำชา “ไปรินน้ำชามาเสีย”
เจียวเจียวชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับก้มหน้ารับคำ หลังจากที่รินน้ำชาแล้วเดินมาหาหลงเฟยหลีแล้วนั้น
“ไปเล่นต่อ”
เจียวเจียว “?”
นางเล่นฉินไปถึงหกเพลงแล้ว ยังไม่พออีกหรือ? หรือว่าจักรพรรดิปีศาจชื่นชอบเพลงที่นางเล่นยิ่งนัก? จึงมิอยากทำสิ่งอื่นอีก?
เช่นนั้น นางก็จะเล่นฉินต่อไป
เย่จายซิงที่เห็นภาพเช่นนั้น พลันหมดคำพูดไปในทันที จักรพรรดิปีศาจท่านไม่ยุ่งหรืออย่างไร? มือของข้านวดให้ท่านจนด้านชาไปหมดแล้ว!
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
หลังจากที่บรรเลงจนจบไปถึงสองบทเพลงแล้วนั้น จู่ ๆ หลงเฟยหลีก็พลันลุกขึ้นยืนกล่าวว่า
“พอแล้ว ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ ยามค่ำข้าจะมาหาอีกครั้ง”
หลงเฟยหลีพลันเหลือมองใบหน้าของเย่จายซิงครู่หนึ่ง พร้อมกับละสายตาจากไป
เจียวเจียวรู้สึกผิดหวังไปเล็กน้อย ทว่า เมื่อได้ยินว่าจักรพรรดิปีศาจจะมาหานางอีกครั้งในตอนกลางคืน ก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าการบรรเลงเพลงพิณจะทำให้นิ้วของนางเจ็บปวดไปหมด แต่ในเมื่อจักรพรรดิปีศาจมีใจให้นางเช่นนี้ นางก็มีความสุขมากแล้ว
“หม่อมฉันน้อมส่งเสด็จพระองค์เพคะ หม่อมฉันอยากทราบว่า พระองค์จะเสด็จมาร่วมรับสำรับมื้อค่ำด้วยหรือไม่เพคะ ?”
หลงเฟยหลีพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับก้าวขาออกไปโดยไว
เย่จายซิงพลันถอนหายใจออกมาเปลาะหนึ่ง ดุเหมือนว่า หลงเฟยหลีจะจำนางไม่ได้
หากเขามาอีกครั้งในตอนกลางคืน นั่นหมายความว่าเขาถูกตาต้องใจกับเจียวเจียว เมื่อถึงเวลานั้น นางค่อยหาโอกาสในการลงมือเทยาผงสลายวิญญาณเข้าไปก็ได้
“ยินดีกับนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ ท่าจักรพรรดิปีศาจต้องชมชอบท่านเป็นแน่ อีกไม่นานพระองค์จะต้องมอบยศให้กับท่าน ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับนายหญิงเป็นการล่วงหน้าก่อนเลยนะเพคะ”
คำพูดประจบสอพลอพลันเอ่ยขึ้นมาในทันที
เนื่องจากกลัวว่าเจียวเจียวจะเป็นกังวลเรื่องของนาง เย่จายซิงจึงได้ชิงลงมือในยามที่นางอารมณ์ดีพูดยกยอปอปั้นขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...