บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 235

การปลอมตัวของเย่จายซิงพลันถูกหลงเฟยหลีนำออกมาแฉเสียได้

เมื่อทุกคนได้เห็นเช่นนั้น รูปลักษณ์ใบหน้าของนางกำนัลที่มีหน้าตาบ้าน ๆ พลันค่อยๆ เปลี่ยนไป ผิวที่ขาวราวกับหยกค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา อีกทั้งยังดูมีเลือดฟาดสุขภาพดีอีกด้วย เสมือนกับว่าผิวพรรณมีเคยมีรอยตำหนิไม่ ผิวขาวเนียนราวกับหยกขาวมันแพะก็ไม่ปาน

เจียวเจียวที่ภาคภูมิใจกับสภาพผิวของตนเองที่ดูดีเป็นที่หนึ่งแล้วนั้นนางไม่กล้ามองสตรีตรงหน้าเลยสักครั้ง

ไม่เพียงแต่ผิวพรรณ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงมากที่สุดคือใบหน้าของเย่จายซิง รูปหน้าพลันงดงามครบองค์ประกอบทั้งห้า คิ้วเรียวสีน้ำหมึกโค้งราวกับภูเขา ดวงตาใสกระจ่างราวกับแม่น้ำยามสารทฤดู แพขนตาที่ดกดำเงางาม จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากที่แดงระเรื่อราวกับผลอิงเถา คางเล็ก ๆ ที่ดูน่าทะนุถนอม ทุกอย่างบนใบหน้าราวกับเป็นงานที่พระเจ้าประทานพรลงมาทั้งหมด

เจียวเจียวและคนอื่นต่างพากันมองตาค้างไปในทันที ทุกคนล้วนแต่จับจ้องไปยังใบหน้าของเย่จายซิงทั้งหมด ราวกับว่าไม่เคยเห็นผู้ใดที่งดงามได้เท่านางอีกแล้ว

แม้แต่สวงงามสามอันดับของตระกูลปีศาจ ก็ยังไม่ได้ครึ่งของสตรีที่อยู่ตรงหน้า

ความห่างชั้นราวกับนายหญิงและสาวใช้ก็ไม่ปาน

แม้ว่าในยามนี้ คิ้วของสตรีตรงหน้าจะขมวดเป็นปม ทว่าดวงตาที่เป็นเรียวหงส์กลับแสดงถึงท่าทีไม่ยอมและนิ่งสุขุม ช่างเป็นสายตาที่ผู้อื่นยากจะละสายตามองไปที่อื่นได้

เจียวเจียวพลันสับสนยิ่งนัก สีหน้าเดี๋ยวซีดเผือดเดี๋ยวเขียวคล้ำ นางดูถูกสตรีบ้านป่าผู้นี้ ไม่คิดด้วยว่านางจะสามารถงดงามถึงเพียงนี้ได้ เปรียบเทียบกับนางเสียแทบจะจมดิน ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจักรพรรดิปีศาจจะไม่ได้มาที่นี่เพราะว่านาง

ทว่า นางเป็นหนึ่งในสตรีของวังหลัง นางจะต้องมายอมทนเห็นท่านจักรพรรดิปีศาจโปรดปรานสตรีนางนี้งั้นหรือ?

“ท่านจักรพรรดิปีศาจเพคะ! หม่อมฉันเรื่องต้องการจะทูลพระองค์เพคะ! สตรีผู้นี้แสร้งหลบซ่อนทำตัวเป็นนางกำนัลในวังหลวง นางจะต้องมีเป้าหมายที่ไม่อาจบอกเล่าได้แน่นอนเลยเพคะ! ท่านจะต้องระวังนางนะเพคะ!”

เจียวเจียวพลันนั่งคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับร้องตะโกนบอกกับหลงเฟยหลี

หลงเฟยหลีเพียงกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา พร้อมกับชำเลืองมองไปยังใบหน้าของเย่จายซิง หากเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ยามนางไม่มีปานแดงอยู่บนใบหน้า นางจะต้องงดงามมากแน่ ๆ ทว่า ความงดงามเช่นนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้มากนัก

เจ้าแมวป่าน้อยของข้า เจ้าทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับเจ้าได้ดีเสียจริง

“โอ้? เจ้ามีจุดประสงค์ที่ไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใดได้ด้วยหรือ ? เย่จายซิง ไหนเจ้าลองว่ามาสิเจ้าลอบเข้าวังปีศาจมาสองครั้งแล้ว เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

เขามองนางด้วยรอยยิ้มครึ่งหนึ่ง ดวงตาสีเข้มของนางพลันเต็มไปด้วยพลังมากมาย เสมือนกับดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ทำให้เขาไม่อาจหลงลืมนางไปได้เลยแม้แต่น้อย

เย่จายซิงตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ไม่คิดเลยว่า เขาจะรู้เรื่องที่นางเคยแอบลอบเข้ามาในวังปีศาจแล้วครั้งหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขากำลังรอให้เธอเข้ามาติดในกับดัก?

หากนางรู้ว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่คือหลงเฟยหลี นางคงไม่กล้าที่ประมาทพลาดพลั้งไปเลยแม้แต่น้อย

หลงเฟยหลีที่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์เช่นนี้ นางเคยได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง

“เจ้าปล่อยข้าลง ก่อน ปล่อยฉันลง!”

เย่จายซิงพูดออกมาด้วยความเย็นชา ไม่ว่าเมื่อไหร่ นางก็ไม่อาจพ่ายแพ้ให้กับเขาได้

หลงเฟยหลีคงไม่รู้ว่าประมุขปีศาจหยวนขุยเป็นเสด็จอาที่ปลอมร่างมากระมัง เขาคงไม่เคยคิดว่า ผู้คนภายในวังปีศาจจะไปร่วมมือกับคนนอกเช่นเสด็จอาใช่หรือไม่ ดังนั้น นางจะไม่พูดอะไรออกไปทั้งนั้น

หลงเฟยหลีพลันบีบคางของเย่จายซิงเอาไว้ “ในยามนี้ หาใช่เวลาที่เจ้าจะมาต่อรองอันใดไม่ ในเมื่อเจ้าเดินตกลงมาอยู่ในกำมือข้าแล้ว ก็อย่าได้คิดจะหนีออกไปไหน"

“เจ้าจะฆ่าหรือจะฟัน ก็ว่ามาเสีย!”

“ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไมกัน ข้ากำลังขาดฮองเฮาปีศาจอยู่ เช่นนั้นเจ้ามาเป็นให้ข้าเสียเถอะ”

สายตาของหลงเฟยหลีพลันปรากฏความแวววาวระยิบระยับออกมา

"อะไรนะ?!"

เย่จายซิงพลันเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ผู้ใดจะไปเป็นฮองเฮาปีศาจให้เจ้ากัน เจ้าอย่าได้หวังเลย!”

เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ!

เย่จายซิงไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าหลงเฟยหลีจะชอบนาง บางทีเขาอาจจะมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในท้องของเขาก็เป็นได้

“ท่านจักรพรรดิปีศาจเพคะ ไม่ได้นะเจ้าคะ!”

เจียวเจียวรีบร้อนพูดเสียงดังออกมาในทันที “นางมีเจตนาที่พวกเรายังไม่ล่วงรู้ได้ นางจะขึ้นมาเป็นฮองเฮาปีศาจได้อย่างไรกันเจ้า!”

ภายในใจของเจียวเจียวพลันเต็มไปด้วยความริษยาเสียแทบจะบ้าคลั่ง

แต่เดิมมีเพียงนางคนเดียวที่มีโอกาสได้เป็นฮองเฮาปีศาจ เหตุใดตำแหน่งนี้จะมาเป็นของนางกำนัลของนางได้อย่างไรกัน! นางไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

"การตัดสินใจของข้า ต้องให้เจ้ามาวุ่นวายด้วยหรือ ?"

หลงเฟยหลีพลันมองไปที่เจียวเจียวอย่างเย็นชา เพียงทั้งโบกมือไล่ โดยใช้พลังเวทปีศาจผลักนางออกไป จุดตันเทียนของเจียวเจียวพลันถูกทำลายลงไปในทันที พร้อมกับพลังเวทที่แตกกระจายไปทั่ว นางพลันส่งเสียงกรัดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หากไม่มีจุดตันเทียนแล้วไซร้ นางก็ไม่อาจฝึกตนได้ แม้แต่ปีศาจฝึกตนนางก็ยังไม่อาจเทียบเท่าพวกเขาได้ด้วยซ้ำ!

ในเมื่อนางไม่อาจเป็นผู้ฝึกตน นางก็ไม่อาจมีชีวิตที่ยืนยาวไปได้อีกต่อไป! ทั้งยังไม่อาจรักษาหน้าตาตนเองได้อีกด้วย!

ไม่!

นางไม่ต้องการเช่นนี้!

“ลากนางออกไป สั่งให้นางออกไปขัดผนังและพื้นภายในวังปีศาจให้สะอาดเรียบร้อยเสีย”

หลงเฟยหลีพูดออกมาด้วยความเย็นชา

เหล่าขันทีที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีสั่นเทานั้น พลันรีบร้อนเข้ามาปิดปากเจียวเจียว ที่กำลังกรีดร้องออกมาอย่างรวดเร็ว

เย่จายซิงยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมเข้าไปอีก เขาทำเช่นนี้หมายถึงอะไร ล้างแค้นให้นางงั้นหรือ?

ความลำบากที่เจียวเจียวมอบให้นางนั้น เป็นปัญหาเล็กน้อยยิ่งนัก นางหาได้คิดใส่ใจไม่

“เจ้าพอใจหรือไม่?”

หลงเฟยหลีค่อยๆ คลายตัวนางออกมา พร้อมกับมองไปยังดวงตาของนาง

หลังจากที่เย่จายซิงขยับตัวได้แล้วนั้น นางก็รีบร้อนถอยกายออกมาในทันที พลางกล่าวว่า

“หลงเฟยหลี เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่? คนฉลาดเฉลียวเช่นเจ้า ในเมื่อรู้ว่าข้ามาที่โลกปีศาจเพื่อหยุดยั้งการโจมตีเหล่าปีศาจไม่ให้ไปโจมตีโลกมนุษย์ เจ้าเก็บข้าเอาไว้ทำไม ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้างั้นหรือ?”

"นานมากแล้วที่ไม่มีใครเรียกชื่อข้าเช่นนี้นับว่าแปลกใหม่ยิ่งนัก"

หลงเฟยหลีกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับหมุนถ้วยชาที่อยู่ในมือไปมา แววตายังคงจ้องมองมาที่ใบหน้าของเย่จายซิง

“เจ้าต้องการจะฆ่าข้า เจ้าแมวป่าตัวน้อย เจ้ายังคงมีมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด แต่ถึงแม้ว่าข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ เจ้าก็ไม่อาจทำอะไรข้าได้อยู่ดี ที่นี่คือถิ่นของข้า”

พูดจบ จู่ ๆ เขาก็กางอาณาเขตของตนเองออกมา เพื่อปกคลุมวังปีศาจทั้งหมดเอาไว้

เย่จายซิงพลันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันในทันที ตั้งแต่นี่เป็นต้นไป ทุกย่างก้าวของนางจะมีสายตาของเขาจับจ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง หลงเฟยหลีเองก็เข้าควบคุมนางได้ง่ายดายอีกด้วย

อาณาเขต อาณาเขตอีกแล้ว!

ทว่าอาณาเขตของหลงเฟยหลีในครานี้ มีความแข็งแกร่งมากกว่าในเทือกเขาอสูรปีศาจยิ่งนัก นางไม่สามารถทำลายอาณาเขตของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

ภายในใจของเย่จายซิงพลันหนักอึ้งไปในทันที

“นั่งลง รับสำรับเป็นเพื่อนข้า”

หลงเฟยหลีพลันหยิบตะเกียบขึ้นมา

เย่จายซิงหาได้ขยับตัวไม่

“เย่จายซิง เจ้าควรเชื่อฟังคำสั่ง ข้าชอบสตรีที่เชื่อฟังคำสั่งของข้า”

หลงเฟยหลีพลันมองข้ามไป

จู่ ๆ ริมฝีปากของเย่จายซิงพลันกระตุกยิ้มขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา พลางจ้องหน้าหลงเฟยหลีและพูดว่า “หลงเฟยหลี เจ้าคงมิได้ชมชอบข้ามานานแล้วใช่หรือไม่? ”

ดวงตาของหลงเฟยหลีพลันเปล่งประกายขึ้นมาในดวงตาของเขา พร้อมกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าชอบใบหน้าและเรือนร่างของเจ้า หากเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น ข้าก็ยังคงเป็นเช่นนี้เหมือนเดิม ”

เย่จายซิงพลันมองเห็นร่องรอยใบหน้าที่ขีดสีเป็นสีชมพูของเขา นางมั่นใจว่าตนเองมิได้มองผิดไปแน่

เขาที่ฝึกตนจนมาถึงขั้นสูง นางไม่เคยเห็นความเมตตาหรือความมุ่งร้ายบนหัวคิ้วของเขาที่มีต่อนางมาก่อน แต่ในยามนี้ เนื่องจากว่าอารมณ์ของเขาผันผวนเป็นอย่างมาก เย่จายซิงจึงเห็นมันได้อย่างชัดเจน

หมอกหลงใหลสีชมพู.

เป็นสีเดียวกันกับหรงจิ่งเฉินเลย

หรือว่า เขาชอบนางจริงๆเหรอ?

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วพริบตาเดียวแต่เย่จายซิงเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าระหว่างคิ้วของเขานั้นเป็นสีชมพู อีกทั้งยังเป็นสีเข้มยิ่งกว่าหรงจิ่งเฉินอีกด้วย

ไม่หรอกมั้ง

เป็นไปได้ไหมว่า ยามที่หลงเฟยหลีอยู่ในหุบเขาปีศาจนั้น เขาก็ชอบนางเข้าแล้ว? ในตอนนั้น บนใบหน้าของนางยังมีปานแดงอยู่เลยนะ

เย่จายซิงพลันสูดหายใจเข้าไปลึกๆ จู่ ๆ นางก็รู้สึกได้ว่า นี่มิใช่หนทางตายของนาง บางทีนางอาจจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้

“เย่จายซิง หลังจากที่เจ้ามาเป็นฮองเฮาปีศาจให้ข้าแล้ว ไม่ว่าใต้ฟ้าทั่วพิภพ จะไม่มีสตรีนางใดที่มีฐานะมากกว่าเจ้า ข้าจะให้โอกาสเจ้า เจ้าก็เก็บรักษามันเอาไว้ดีๆ แล้วกัน”

หลงเฟยหลีกล่าวออกมาด้วยความเย็น

คำพูดนี้ย่อมหมายความว่า ตระกูลปีศาจจะทำการเข้ายึดครองทั่วยุทธพิภพ เย่จายซิงได้แต่กำหมัดแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา