บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 242

รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วยไหม?

จู่ๆ สายตาของหลงเฟยหลีก็อันตรายขึ้นมา จากนั้นใช้มือลูบแก้มของนางลงมาที่ด้านข้าง

คอหงส์สีขาวของนางอันบอบบาง ที่มองดูแล้วช่างเปราะบาง แค่หักเบาๆ ก็ไม่เหลือ

เย่จายซิงขนลุกซู่ไปทั้งตัว

นางรู้ดีว่ายังไงปัญหานี้ก็ต้องมาถึงสักวัน เพราะตอนที่อยู่ในวังปีศาจที่ถูกทำลายในเทือกเขาอัสดง เสด็จอายอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยนาง จนไปทำร้ายหลงเฟยหลีเข้า

หลงเฟยหลีเป็นคนที่แค้นแล้วจำ จะลืมเขาลงได้เช่นไร?

หากนางไม่อธิบายความสัมพันธ์ของนางและเสด็จอาให้ชัดเจน หลงเฟยหลีไม่เชื่อใจนางเป็นแน่

หากแต่เขารู้ว่าเสด็จอานั้นชื่อจวินหยวน หากแต่ไม่รู้ว่าเขาคือโม่เสิ่นยวนเซ่าตี้ของเฉินตู

หลงเฟยหลีเอามือประคองคอของนาง ทว่าสายตาจับจ้องดวงตาของนางตลอด เพื่อจับผิดนาง

นางเตรียมตัวมาตั้งแต่แรก หลังจากที่ได้ยินคำถาม สายตาก็ประกายความเสียใจและความเคียดแค้น ไม่นานก็เรียกคนไปจับตัว

หลงเฟยหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตานางมีความเสียใจ แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนั้นมีพื้นที่ในหัวใจนางแล้ว

เขาจับแรงขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:

“บอกข้าให้ชัดเจน หากว่าภายหลังเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ข้าไม่ยอมให้ใจของเจ้ามีชายอื่นเด็ดขาด เจ้าคงรู้ดีว่า หากเป็นเช่นนั้นคงมีจุดจบไม่สวยแน่”

เสียงของเขาเย็นชาแฝงด้วยความอันตราย ดวงตาสีแดง มีความร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้

คอของเย่จายซิงจากที่เป็นสีขาว ก็กลายเป็นสีแดง ราวกับว่าถูกโจมตีเบาๆ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย ส่ายหัวแล้วพูดว่า

“ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องพูดอีกแล้ว เรื่องเมื่อก่อนข้าไม่อยากรื้อฟื้น”

สายตาของนางก็นิ่งและเยือกเย็น ทำท่าไม่ยอมเปิดปากพูด

หลงเฟยหลีมองหน้าของนางด้วยการลองใจ จากนั้นมือก็ไปจับที่คอเล็กๆ ของนาง ผิวพรรณที่ไร้ข้อบกพร่อง ขาวดั่งหยก จากนั้นก็เลื่อนมือออก ความรู้สึกดีๆ เหมือนทลายลงไป

“ข้าอยากให้เจ้าพูด แต่ทว่าเจ้ากลับไม่พูดอะไรออกมาเลย สรุปว่าเจ้ากับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ แล้วไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”

หยกขาวที่แปดเปื้อน ก็เหมือนรักที่ลดลงไป

เย่จายซิงมองดวงตาของเขา จากนั้นพูดว่า:“หลงเฟยหลี เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครที่สั่งให้ข้าพูดก็ต้องพูด?ข้าบอกว่าไม่อยากพูดอีก เจ้าก็ยังจะบังคับข้า นอกจากว่าเจ้าฆ่าข้าทิ้งเสีย จากนั้นค้นหาวิญญาณของข้าเอง!”

สายตาของนางไม่ย่อท้อ จากนั้นก็นิ่งสงบลง

แมวป่าน้อยโกรธเสียแล้ว

สีหน้าของหลงเฟยหลีก็เคร่งขรึมขึ้น ส่วนขันทีสาวในวังที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ต่างก็ไม่กล้าออกไป

ยู่เหอเงยหน้าขึ้นด้วยความระมัดระวัง จากนั้นมองไปที่หลงเฟยหลี ใต้เท้าจักรพรรดิปีศาจดูโกรธมาก เย่จายซิงบรรลัยแน่

ถึงตอนนั้น โอกาสก็จะตกเป็นของนาง

นางคิดว่าการได้เป็นนางในก็ดีเช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้พบจักรพรรดิปีศาจเมื่อไหร่ ไม่มีโอกาสได้เปิดเผยใบหน้ากับจักรพรรดิปีศาจ นี่ถือเป็นโอกาสดี

เย่จายซิงพูดแล้ว จักรพรรดิปีศาจจะต้องฆ่านางเป็นแน่

เขาเป็นใคร แม้กระทั่งองค์รัชทายาทที่เขาอยากฆ่าก็ฆ่า สามพันปีถึงจะมีจักรพรรดิปีศาจแค่ตนเดียว

ใครจะรู้ว่า ในใบหน้าที่นิ่งขรึมของจักรพรรดิปีศาจ กลับไม่ได้อยากฆ่าเย่จายซิง แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า:

“เย่จายซิง ข้ามีวิธีเยอะมากกว่าที่จะฆ่าเจ้าแล้วค้นหาวิญญาณ หากเจ้าอยากตายมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อีกอย่าง ข้าไม่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่ว่าไม่อยากเห็นเจ้าตาย ไม่ต้องสำคัญตนเองผิดขนาดนั้น!”

“ข้าไม่เคยสำคัญตนเองผิด ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า อยากจะฆ่าก็ฆ่า ข้าเคารพในการตัดสินใจ”

สายตานิ่งเฉยของเย่จายซิง พูดโดยไม่แม้แต่จะมองไปที่เขา ราวกับว่าการตายไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง

สีหน้าของหลงเฟยหลีแย่

นางเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนตอนที่อยู่เทือกเขาอัสดง นางคิดหาวิธีที่จะหนีไป ต้องการความอยู่รอด เหมือนลูกแมวที่ยังคงต่อสู้ในกรงขัง แต่นางในตอนนี้ ไม่สนใจความเป็นตายเหลืออยู่เลย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

หรือว่าผู้ชายคนนั้นไปหักอกนาง?

เหอะ

เขาหัวเราะด้วยความเย็นชา

ทีแรกผู้ชายคนนั้นแสดงอาการลึกซึ้ง แต่ตอนนี้กลับไม่เท่าไหร่นี่

บนโลกนี้ ความรู้สึกไม่ใช่เรื่องจีรังอยู่แล้ว

ก็ดี ให้นางรู้สึกว่าความรักไม่มีอยู่จริง จะได้รู้ว่าอำนาจสูงสุดเท่านั้น เป็นสิ่งที่จับต้องได้

“ยื่นมือออกมา”

เขาพูด

“อะไร?”

เย่จายซิงไม่เข้าใจในความหมายของเขา หรือว่า เขาต้องการจะค้นหาวิญญาณของนางจริง?

การค้นหาวิญญาณจะเกิดการบาดเจ็บต่อความทรงจำของคนๆ หนึ่งมาก ไม่มากก็น้อยต้องไม่สมประกอบ จะส่งผลต่อการฝึกบำเพ็ญจนถึงตอนนี้ เขาจะเช่นนั้นจริงรึ?

เมื่อค้นพบวิญญาณ ความลับของนางทั้งหมดเขาก็จะรู้ทันที และเขาก็จะรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่ด้วย เป้าหมายเพื่อต้องการทำร้ายเขา ลงมือกับเขา

เช่นนั้น การเผชิญหน้า การแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหลงเฟยหลี

แม้จะมีความสับสนวุ่นวาย แต่สีหน้าของเย่จายซิงกลับแสดงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางเพียงแค่รู้สึกสับสนหลงเฟยหลีก็เท่านั้น

หลงเฟยหลีไม่ได้พูดอะไร เอื้อมมือออกไปคว้ามือขวาของนาง ยกแขนของนางขึ้นจนเผยให้เห็นแขนสีขาวของนาง

เขาเหลือบมองอยู่แวบหนึ่ง ก็เห็นแขนสีขาวดั่งหยกของนาง จากนั้นใกล้ข้อศอกมีจุดสีแดงที่โดดเด่น

นั่นก็คือชาดโฉ่กง

มุมปากของเขายกขึ้น จากนั้นแสยะยิ้มออกมา

ดีมาก ที่หยกขาวไม่แปดเปื้อน

เขาเอื้อมมือออกไปและลูบมัน ชาดโฉ่กงเม็ดนั้นไม่ใช่ของปลอม แต่หากเป็นของจริง

“ปล่อยนะ!”

เย่จายซิงเข้าใจในสิ่งที่เขาทำแล้ว เขาไม่ได้ค้นหาวิญญาณ เขาไม่ได้ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น หากแต่เขาเป็นกังวลเรื่องที่ว่านางจะบริสุทธิ์หรือไม่

การกระทำดังกล่าว ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่านางกลับแสดงสีหน้าเขินอาย ใบหน้าแดง จากนั้นใช้แรงดันมือของเขาออกไป จากนั้นเอาแขนเสื้อลง

“ชาดโฉ่กงของตระกูลมนุษย์ถือว่าเป็นของดี เจ้าแมวป่าน้อย ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีมาก ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า หากว่าครั้งหน้าข้าถามเจ้าอีก แล้วเจ้าเป็นเช่นนี้ไม่ยอมตอบ ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกถึงความร้ายกาจของข้า”

เขาเชิดคาง จากนั้นหัวเราะแล้วมองดวงตาสีชมพูดของนาง ยิ้มที่อันตราย แสดงถึงใบหน้าที่เลวทรามอย่างหาที่เปรียบมิได้

ความหมายก็คือ เขาจะไม่ถามเรื่องเมื่อครู่ต่ออีกแล้ว

หากว่าเป็นหญิงคนอื่น จะต้องขอบพระคุณเขามากเป็นแน่

เย่จายซิงกลับเชอะใส่ โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ

หลงเฟยหลีไม่ถือสา จากนั้นดื่มชาแล้วพูดว่า:

“วันนี้ข้าจะให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ เจ้าเตรียมตัวให้ดีล่ะ”

เย่จายซิงดวงตาเบิกกว้าง เงยหน้ามองเขาแล้วพูดว่า:“มะ...ไม่ ข้ายังไม่พร้อม”

“ข้าบอกไปแล้ว ข้าให้เวลาเจ้าคิดแค่วันเดียวเท่านั้น พอตกกลางคืน ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ เพราะยังไงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี แมวป่าน้อย ตอนนี้ข้าดีใจเป็นอย่างมาก ข้าจะสงสารเจ้า หากว่าเจ้าต่อต้านล่ะก็ ข้าจะไม่เห็นเจ้าเป็นหยกอีกต่อไป เจ้าลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา