บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 244

เย่จายซิงไม่รู้ว่าหลงเฟยหลีกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด

เพียงแค่เขาไม่ออกไปหาเรื่องเสด็จอาก็เพียงพอแล้ว เขาอยากจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาง

การแสดงของนางทั้งหมด ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ทีแรกคิดว่าหลงเฟยหลีจะมากินข้าวด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มา ถึงแม้ว่านางจะสบายใจ แต่ก็แอบกลัวว่าเขาจะออกไปนอกวังปีศาจ แล้วไปจัดการกับเสด็จอา

ขณะที่นางกินข้าวอยู่ในจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลย กินแค่ไม่กี่คำก็ให้คนมายกออกไป

“นายน้อย อาหารไม่อร่อยรึ ถ้าเช่นนั้นก็กินผลทิพย์สักหน่อย ผลทิพย์คนตระกูลมนุษย์ชอบกินกัน ที่โลกปีศาจมีไม่กี่ที่ที่มีชี่ทิพย์ ผลทิพย์เหล่านี้ใต้เท้าคิดว่าท่านคงจะชอบกิน จึงตั้งใจเตรียมไว้ให้ท่าน”

โจวกงกงถือผลทิพย์เข้ามาพร้อมกับจานใสด้วยตัวเอง

เย่จายซิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมผลทิพย์ให้นางกิน ในใจก็คิดว่าเขาช่างเป็นคนละเอียดนัก หากไม่ระวังตัวเพียงนิดเดียวคงจะต้องถูกจับได้เป็นแน่

ความคิดเหล่านี้ มันก็สมเหตุสมผล เพราะตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับนางนั้น คิ้วสีชมพูของนางก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาเอาใจใส่นาง เพราะว่าเขามีความรู้สึกที่ดีกับนาง

ตอนนี้เย่จายซิงคิดว่าหลงเฟยหลีหากไม่ได้ออกไปจากวังปีศาจ เขาคงมาดูแล้ว นางมองผลทิพย์ที่โจวกงกงถือเข้ามาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาออกไป พูดว่า:

“ข้าไม่กิน เจ้าเอาออกไป ใครอยากกินก็กิน”

โจวกงกงรู้จักนิสัยของนางว่าเป็นเช่นนี้ พอได้ยินคำพูดเมื่อครู่ เหงื่อก็ซึมออกมา

“นายน้อย นี่เป็นสิ่งที่ใต้เท้าสั่งคนให้จัดเตรียมเอาไว้ ท่านกินสักคำก็ยังดี ข้าน้อยวางไว้ให้ตรงนี้”

หากใต้เท้ารู้ว่านางไม่ชอบ เขาคงไม่พอใจเป็นแน่

“ในเมื่อเขาอุตส่าห์เตรียมผลทิพย์ไว้ให้ เหตุใดเขาถึงไม่นำมาให้ด้วยตัวเอง?”

เย่จายซิงเหอะใส่ จากนั้นเบ้หน้า มองผลทิพย์อย่างไม่เต็มใจ

“ใต้เท้ามีธุระที่ต้องไปจัดการ ท่านได้กลายเป็นฮองเฮาปีศาจแล้ว ต่อไปก็ต้องมีพิธีฮองเฮาปีศาจ ถึงตอนนั้นที่จะมีปีศาจนับหมื่นมาที่ท้องพระโรง และรอให้จัดการกษัตริย์หยวนขุยเสร็จก็เป็นเรื่องเล็ก ก็ถึงเวลาของท่านแล้ว”

โจวกงกงโค้งตัวลง กล่าวด้วยความหัวเราะ

เย่จายซิงคิดว่า เรื่องที่เขาบอกว่าเรื่องกษัตริย์หยวนขุยกบฏเป็นเรื่องเล็กนั้น ในใจของหลงเฟยหลีอาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้น

แต่ความหมายของโจวกงกง หมายถึงพิธีฮองเฮาปีศาจสำคัญมากกว่าเรื่องกษัตริย์หยวนขุยกบฏ

ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่า หลงเฟยหลียังอยู่ในวังปีศาจ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เย่จายซิงก็วางใจ

นางทำเป็นเหลือบมองโจวกงกง จากนั้นก็สะบัดมือออกไป:

“เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ สักพัก”

หลังจากที่รอให้โจวกงกง ออกไป เย่จายซิงคิด โดยไม่พูดอะไร

หลงเฟยหลีเมื่อมองถึงตรงนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน เป็นฮองเฮาของตัวเอง นางยังไม่สบายใจอะไรอีก?

ไม่รู้ว่าในโลกมีหญิงอีกตั้งเท่าไหร่ที่อยากอยู่ในตำแหน่งนี้!

ดวงตาของเขาเริ่มเย็นชา ดวงตาคมเฉียบ เตรียมที่จะออกนอกวัง เขาจะไปฆ่าไอ้พวกกบฏให้สิ้นซาก ให้เลือดไหลดั่งแม่น้ำในโลกปีศาจ

เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน ก็เห็นเย่จายซิงขยับ จากนั้นเหลือบมองไปที่ผลทิพย์ที่อยู่บนโต๊ะ

จากนั้นนางก็หยิบผลทิพย์ขึ้นมา แล้วกัดเข้าไปหนึ่งคำ

ผลทิพย์มีรสหวาน เมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ ในวังปีศาจ นานมากแล้วที่นางไม่ได้ผลทิพย์ดวงตาของนางพริ้มมาก

ไม่นานนางก็กินผลทิพย์จนหมด ในขณะที่ลังเลว่าจะกินลูกที่สองหรือไม่นั้น นางก็เก็บมือลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ราวกับว่าคนที่กินผลทิพย์ไปเมื่อครู่ไม่ใช่ตัวนางเช่นนั้น

“คนปากไม่ตรงกับใจ”

หลงเฟยหลีเบ้ปาก สายตาที่เคียดแค้นจู่ๆ ก็หายไป

นางไม่ได้รังเกียจเขา มิเช่นนั้นนางคงไม่กินผลทิพย์ที่เขาเตรียมไว้ให้

นั่นหมายความว่านางกินข้าวน้อย เพราะว่าตนเองไม่ได้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนนาง นางจึงไม่พอใจ

น้อยมากที่เขาจะมีความรู้สึกเช่นนี้

ความร้ายกาจหายไป แน่นอนว่าก็ไม่ออกฆ่าคนที่นอกวังแล้ว

แต่ทว่าเขาไม่ได้ไปหานางทันที ทำให้นางเฝ้ารอ จากนั้นให้นางได้ไตร่ตรองสักพัก ว่าต่อไปคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดเป็นใคร

หากไม่ได้รับความรักจากเขา นางก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น

“เจ้าแมวป่าน้อย ปล่อยวางกรงเล็บ แล้วมาปรนนิบัติข้าเสียดีๆ ”

เย่จายซิงพอแสดงละครเสร็จก็กลับไปที่ที่นอน จากนั้นนอนลง แล้วปิดตาไม่ขยับ

จากนั้นเอามือวางลงบนแหวน รับรู้ถึงความรู้อบอุ่น

เสด็จอาไม่นานก็คงตามมาถึงที่วังปีศาจ

ไม่แน่ว่าฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็มาถึงแล้ว

“เสด็จอา ท่านอย่าเข้าใจข้าผิดนะ”

ในใจของนางพูด

อันที่จริงนางรู้ว่าเสด็จอารักนางมาก หากนางอธิบายชัดเจนละก็ เขาต้องไม่เข้าใจผิดแน่ แต่ถ้าหากเขารู้ว่านางอยู่ในวังปีศาจกับหลงเฟยหลี อีกทั้งหลงเฟยหลียังจะแต่งตั้งตนเองให้เป็นฮองเฮาอีกด้วยล่ะก็ เขาอาจจะโกรธมากก็ได้

เสด็จอาขี้หึงมาก นางรู้มาตั้งนานแล้ว

เขาไม่โทษนางเป็นแน่ มีแต่จะโทษหลงเฟยหลี ถึงตอนนั้นต้องฆ่ากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อันที่จริงแล้วเย่จายซิงไม่ได้อยากหลงเฟยหลีตาย กว่าเขาจะมาถึงวันนี้ได้ เขาต้องผ่านอะไรมามาก ทำให้เขากลายเป็นคนนิสัยเช่นนี้ หากเขาไม่เลว เขาก็คงจะต้องตายไปตั้งนานแล้ว

ช่างเถอะ นางไม่จำเป็นต้องคิดมาเช่นนี้ ถึงตอนนั้นจะวางพิษได้ไหม นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่

นางจะต้องมีสติ เพื่อรับมือกับเรื่องนี้

หากไม่สำเร็จ ก็คงตายสถานเดียว นางไม่ให้หลงเฟยหลีแตะต้องตัวนางเป็นอันขาด

อุณภูมิของแหวนร้อนขึ้นเรื่อยๆ แค่จะเพิ่งชั่วยามกว่าๆ เย่จายซิงก็ลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นใจก็เต้นรัว

เสด็จอามาถึงแล้ว!

เขาอยู่ห่างจากวังปีศาจไปไม่ไกล!

เร็วกว่าที่นางคิดไว้มาก

ไม่ได้การ จะให้เสด็จอากับหลงเฟยหลีปะทะกันไม่ได้

หลงเฟยหลีมีอภิเศกกะห์บรรพบุรุษปีศาจ ซึ่งมีพลังแกร่งกล้ามาก ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

“เข้ามา ปรนนิบัติข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ”

เย่จายซิงที่นั่งข้างเตียง ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดริมฝีปาก แล้วก็ตัดสินใจตะโกนเรียคนเข้ามา

“ขอรับ!”

โจวกงกงดีใจมาก

ความหมายของเย่จายซิงที่บอกว่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ นั่นหมายความว่านางคิดได้แล้ว ว่าจะปรนนิบัติใต้เท้าเช่นไร?

ใต้เท้าเอาใจใส่นางขนาดนี้ หากนางคิดได้ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดีมาก ไม่เช่นนั้นต้องลำบากเป็นแน่

หลงเฟยหลีได้ยินการรายงานขององครักษ์ว่า กองทัพกบฏกษัตริย์หยวนขุยได้มาถึงที่วังปีศาจแล้วอยู่ไม่ไกล ทว่าเขากลับไม่สนใจเลยสักนิด มุมปากยังค่อยๆ ยกขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ใต้เท้า มากสุดแค่ครึ่งชั่วยาม พวกนั้นก็จะมาถึงวังปีศาจแล้ว ท่าน……”

หลงเฟยหลีสะบัดมือออกไป “อยากโจมตีก็ให้ตีเข้ามานครปีศาจต่างก็เป็นพื้นที่ของตระกูลใหญ่มาหลายพันหมื่นปีแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนสายเลือดบ้างแล้ว”

พูดจบ เขาก็ให้องครักษ์ออกไป

ในสายตาของหลงเฟยหลี ไม่ได้เอาตระกูลปีศาจมองเป็นราษฎรของตนเองจริงๆ ตายเยอะเท่าไหร่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา รอให้จัดการเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ คนที่เชื่อฟังเขา ถึงจะเรียกว่าเป็นคนของเขาจริงๆ

เขาจึงอาศัยจังหวะนี้ มาปรับรูปแบบใหม่ในโลกปีศาจ

จิตใจของเขาไม่ได้อยู่ในนอกวังปีศาจ หากแต่จดจ่ออยู่กับคนในอ่างอาบน้ำนั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา