บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 250

ลมหายใจเข้าออกของหลงเฟยหลีลดลงอย่างมาก ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นที่มองเพียงนาง

เขาคิดว่า ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ การโจมตีโลกมนุษย์ก็เพียงเพื่อจะยืนเป็นหนึ่งในหมู่มวลก็เท่านั้น เพื่อให้คนที่ทอดทิ้งเขาไปนั้นเสียใจภายหลัง

ตอนนี้มาคิดๆ มันก็เท่านั้น

สิ่งเดียวที่เป็นห่วงมากที่สุดก็แมวป่าน้อยที่อยู่ตรงหน้า นางเหมือนดอกไม้สดสวยที่มีหนามแหลมออกมา นำสีสันมาในชีวิตที่เย็นชาและไร้ความปราณีเข้ามาในชีวิตเขา

ที่ผ่านไม่มีใครห่วงใยเขา ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครที่จะยอมถอนพิษให้เขา ทุกคนต่างก็หลบแมงป่องเช่นเขา มีเพียงนาง นางเท่านั้นที่ยอมถอนพิษให้เขา และไม่ใช่สายตาที่แปลกมองมาที่เขา

น่าเสียดายที่กรงเล็บของแมวป่าน้อยนั้นคม แถมยังเป็นของคนอื่นด้วย

“แมวป่าน้อย สมมติว่าข้าพบเจ้าก่อน เราจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันไหม?”

ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า

“โลกนี้ไม่มีสมมติมากมายขนาดนั้น”

นางพูดพร้อมกับส่ายหัว ทว่ากลับนึกถึงคำพูดของเสด็จอาเมื่อก่อน เขาบอกว่าพรหมลิขิตของเขาในชาติที่แล้ว บางที ต่อให้นางได้รู้จักกับหลงเฟยหลีก่อน อาจจะไม่ได้อยู่กับเขาก็ได้

นางชอบเสด็จอามากกว่า

เพราะเสด็จอาเป็นคนที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง ซึ่งคนอื่นทำให้นางใจเต้นไม่ได้

หลงเฟยหลีที่เห็นสีหน้าของนาง คิ้วขมวดเข้าหากัน จากนั้นเบือนหน้าออกไป

ขณะนั้นเองเย่จายซิงยื่นมืออกมา และจับปากของเขา ใช้พลังทิพย์นำพู่ทิพย์บดละเอียด จากนั้นยัดเข้าไปในปากของเขา

คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่เขาชอบบีบคางของนาง นางจงใจใช้แรงไม่น้อย ทำให้เขารับรู้ว่าความรู้สึกที่ถูกบีบมันเป็นยังไง

หลังจากที่ป้อนพู่ทิพย์เสร็จ นางก็หยิบเอาน้ำค้างคู่เคียงจากบ่อผดุงจิตในห้วงกาลเวลา จากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของเขา

ทำทั้งหมดจบลงแล้ว นางคลายมือ จากนั้นถอยไปหลายก้าว

“ข้าไปแล้ว เจ้าดูแลตัวเองด้วย อย่าลืมในสิ่งที่เจ้าเคยรับปากข้าเอาไว้”

พูดจบ นางก็ก้าวเท้าใหญ่ๆ เดินไปที่วังปีศาจ

ขณะนั้นเองหลงเฟยหลี ก็รับรู้ได้ว่าชีพจรที่กำลังจะขาดได้กลับมาแล้วทีละนิดๆ แมวป่าน้อยนำของเทพมาให้เขากิน ให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ

ถึงแม้ว่าจะฟื้นตัวได้แค่บางส่วน แต่เขาก็สามารถหลุดพ้นจากดินแดนแห่งความตายได้

ให้เวลากับเขา ให้เขาได้ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ แค่สูญเสียจุดตันเถียน หากอยากฟื้นคืนคงไม่ใช่เวลาแค่เพียงปีสองปีเท่านั้น

การฝึกบำเพ็ญของเขากลับมาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

แต่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

“เจ้าแมวป่าน้อย! เหตุใดถึงช่วยข้า?”

เย่จายซิงไม่ได้หันหลังกลับไป เหตุใดถึงช่วยเขา นางก็ไม่รู้ บางทีอาจเป็นเพราะความสงสาร หรืออาจเป็นถ้าเขาตาย มันจะกลายเป็นความผิดของตนเอง

อาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง

“หรือว่าเจ้าหลงรักข้าเข้าแล้ว?”

เขายังพูดต่อเนื่องตามหลังมาด้วยเสียงที่ดัง

เท้าของเย่จายซิงสะดุด จากนั้นหาไปจ้องเขาเขม็ง:“เจ้าอย่าหลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลย จงจำไว้ว่า หากเจ้าเข้ามาโจมตีโลกมนุษย์อีก เราจะเป็นศัตรูกันตลอดกาล ครั้งหน้าข้าจะไม่ใจอ่อนอีกเด็ดขาด!”

เมื่อพูดจบ นางก็บินออกไปหาเสด็จอาแล้ว

นางคิดถึงร่างกายของเขา เสด็จอามีชีวิตเหลือไม่ถึงสิบปีแล้ว

หลงเฟยหลีที่ร่างของนางหายไป ก็เอาร่างกายที่บอบช้ำพิงต้นไม้ วิญญาณของสุนัขสีน้ำตาลแก่ตัวนั้นก็ออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นก็มาเลียหน้าซีดขาวที่เปื้อนเลือดของเขา

เขายิ้ม จากนั้นก็เอามือวางไว้บนหัวของมัน

……

“เสด็จอา!”

เย่จายซิงลอยไปได้ไม่ไกล ก็หาเสด็จอาของนางพบ

โม่เสิ่นยวนมองนางที่ปลอดภัย ก็ถอนหายใจแล้วถามว่า:“หลงเฟยหลีอยู่ไหน?”

นางรู้ว่าเสด็จอาอยากจะฆ่าหลงเฟยหลี ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า:“ขอโทษด้วย เสด็จอาข้าปล่อยเขาไปแล้วแถมยังช่วยเขาอีก”

โม่เสิ่นยวนตะลึง จากนั้นก็ดึงนางเข้ามากอด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า:

“ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก น้องซิง นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือก หากข้าเจอเขาครั้งหน้า หากมีโอกาส ข้าจะฆ่าเขาให้ตายโดยไม่ลังเล”

นางเข้าใจดีว่าความแค้นของเสด็จอาที่มีต่อหลงเฟยหลีอยู่ตรงไหน ในใจที่ติดค้าง เพราะนางใจอ่อนช่วยหลงเฟยหลี ในใจของเสด็จอาคงไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อืม ข้าไม่ขัดขวางท่านหรอก เสด็จอา ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ข้าชอบเพียงแค่ท่านคนเดียว”

นางตอบเขาอย่างตั้งใจ

“ข้ารู้ น้องซิงอย่าคิดมากไปเลย”

จากนั้นเขาก็จับเส้นผมของนาง

แหวนจะมีเขาสองคนเท่านั้นเมื่อมีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ถึงจะรับรู้ใจของอีกฝ่ายได้ หากว่าน้องซิงไม่ห่วงใยเขา แหวนของทั้งคู่ก็จะเชื่อมถึงจิตใจระหว่างกันไม่ได้

หากว่าใจของอีกฝ่ายมีคนอื่นไปแล้ว แหวนก็จะไม่สามารถเชื่อมจิตใจถึงกันได้อีก

ดังนั้นเขารู้ความรู้สึกที่น้องซิงมีต่อเขาดี

แต่แน่นอนว่า เขาก็หึง ไม่อยากให้ชายใดมาข้องเกี่ยวกับนาง แต่ก็ไม่อยากนางกดดันมากจนเกินไป

ปล่อยแล้วก็ปล่อยไป หากว่าครั้งหน้าเขาเจอเข้า ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด

“เสด็จอาวางใจเถอะ การบำเพ็ญของเขากลับไปถึงที่จุดสูงสุดไม่ได้แล้ว ต่อไปเป็นมารไม่ได้แล้ว อีกทั้งเขายังรับปากข้าแล้วว่าจะไม่โจมตีโลกมนุษย์อีก เราได้ขัดขวางหายนะโลกมนุษย์ในครั้งนี้”

ส่วนเย่จายซิงกลัวว่าเสด็จอาจะกังวลโลกมนุษย์ จึงรีบพูดว่า

“อืม”

โม่เสิ่นยวนกอดนาง ความเย็นประกายในดวงตา

หลงเฟยหลี ไม่ฆ่าไม่ได้

“ไป เราออกจากโลกปีศาจกัน สงครามของพวกเรา ได้ปลุกกองทัพปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วน คงอีกไม่นานเดี๋ยวก็จะตามมาฆ่าพวกเราแน่”

เขาพูดด้วยความอ่อนโยน จากนั้นเรียกมังกรทองมา ทั้งสองคนขึ้นไปขี่หลังมังกร แล้วบินขึ้นไปบนฟ้า

เสียงคำรามของมังกรดังสนั่นบนท้องฟ้าอย่างชัดแจ๋ว ทำให้ทุกคนได้ยิน จากนั้นผู้คนมากมายก็เงยหน้ามองท้องฟ้าอันไกลโพ้น ก็เห็นเงาของมังกรขนาดใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกถึงกาลเวลาที่ผ่านมานานมาก

“นั่นมันอสูรเทพมังกรเขียว!”

“ที่แท้ก็เซ่าตี้!เซ่าตี้เข้าไปในเหวปีศาจ จากนั้นทำศึกกับจักรพรรดิปีศาจใหม่!”

“ไม่จริงใช่ไหม เซ่าตี้แค่แดนมหาจักรพรรดิทิพย์เองไม่ใช่เหรอ แต่ว่าดาบที่น่าตกใจเมื่อครู่นั้น ทว่ากลับเป็นพลังของแดนเทวทิพย์เชียวนะ!”

“อาจจะเป็นเพราะว่าเซ่าตี้ใช้เคล็ดวังเทว!”

“อะไรกัน!ในตำนานการเผาอายุขัยจิตเดิมจะเพิ่มเคล็ดการบำเพ็ญไหม?”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ ก็เกิดความซาบซึ้งให้กับคนนับไม่ถ้วน อายุขัยจิตเดิมเพียงแค่เผามันแล้ว ก็จะไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้นาน

ปัญหานี้ร้ายแรงมาก

ส่วนผู้คนทั้งหมดที่อยู่ตรงริมแม่น้ำ ต่างก็เฝ้ารอเซ่าตี้กลับมา

พอออกจากเหวปีศาจ เย่จายซิงก็ให้เสด็จอาหยุดก่อน

นางยืนบนเหวปีศาจ จากนั้นใช้พลังที่เหลือร่ายม่านอาคมอีกหนึ่งชั้น

เมื่อร่ายม่านอาคมจบ นางได้ใช้พลังทั้งหมดของนาง หากไม่ใช่ว่าเสด็จอาที่รอรับนางอยู่ข้างหลัง นางคงจะล้มลงที่พื้น

ม่านอาคมชั้นนี้เป็นเคล็ดลับพลังของนาง การบำเพ็ญทั้งหมดแดนเทวทิพย์ที่ร่ายไว้ อย่างน้อยก็สามารถป้องกันได้หนึ่งหรือสองเดือน ไม่ว่าตระกูลปีศาจไหนก็ตามไม่สามารถออกจากเหวปีศาจได้แม้แต่ก้าวเดียว

“น้องซิง ข้าจะพาเจ้ากลับไป”

โม่เสิ่นยวนกอดนาง รับรู้ถึงการฝึกบำเพ็ญที่ลดลงของนาง

เดิมทีพลังของนางก็แค่แดนมหาจักรพรรดิทิพย์ หลังจากการสูญเสียวรยุทธ์ไป การบำเพ็ญได้ลดลงถึงแดนราชาทิพย์ขั้นต้นเท่านั้น

และตอนนี้ร่างกายของนางทั้งหมดเหลือพลังไม่ถึงครึ่งแล้ว คนทั้งคนราวกับกลายเป็นสายน้ำ นิ้วมือก็ขยับไม่ได้ ขาดอีกแค่นิดเดียว ก็จะถดถอยถึงแดนอาจารย์ทิพย์

“เสด็จอา……”

“น้องซิงอย่าดื้อ อย่าพูดอะไร เจ้าต้องพักผ่อนเยอะๆ ”

เขาหยิบยาออกมาหลายเม็ดจากนั้นป้อนนาง ยาเหล่านี้ล้ำค่า แต่ก็ทำได้แค่บรรเทาความรู้สึกไม่สบายของนางได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นางหมดเรี่ยวแรง ทำได้เพียงค่อยๆ ฟื้นตัว

“เสด็จอา ถ้างั้นท่านจะทำเช่นไร?”

น้ำตาของนางรินไหลลงมา ตอนแรกที่อยู่ในเทือกเขาอัสดงเป็นเพราะเขาช่วยนางไว้ ทำให้เขาต้องสูญเสียอายุวัฒนะไปมาก ครั้งนี้ เพื่อช่วยนางและโลก เขาต้องเผาอายุขัยจิตเดิม

สิบปียังไม่ถึง มีชีวิตน้อยกว่าคนทั่วไป

“น้องซิงอย่าร้องไห้ ยิ่งเจ้าร้อง หัวใจของข้าก็เหมือนมันกำลังถูกบีบอยู่ ทรมานจัง” 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา