บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 251

เย่จายซิงก็ไม่อยากร้องไห้

แต่เมื่อนึกถึงภาระหน้าที่ของเสด็จอาที่ต้องดูแลเหล่าประชาราษฎร น้ำตานั้นก็ไหลออกมาไม่หยุด

แท้ที่จริงแล้วนี่เป็นภาระหน้าที่ของเสด็จพ่อของเขา แต่เขาไม่เคยได้รับความรักแม้แต่เสี้ยวเดียว สิ่งเดียวที่ให้ไว้นั้นคือตำแหน่งอันสูงส่งนี้

ขอแค่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ต้องเป็นเสด็จอาที่ต้องออกหน้าไปจัดการ มิฉะนั้นจะถูกเหล่าประชาราษฎ์นั้นกล่าวโทษได้

แน่นอนว่าเขาไม่ไปก็ได้ แต่ว่าเขาเกิดเป็นโม่เสิ่นยวน ก็ไม่อาจหนีความรับผิดชอบนี้ไปได้

และนี่แหละเป็นคนที่นางรัก เสด็จอาของเขา

เขาไม่เพียงแต่ทำเพื่ออาณาประชาราษฎร์ แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่จะปกป้องนางได้

แต่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ ท้ายสุดแล้วเขาคงเหลืออายุขัยไม่ถึงสิบปี ในใจนางนั้นรู้สึกเสียใจยิ่งนัก ใจนางนั้นเหมือนมีสิ่งของมาขวางกั้นไว้ จนนางแทบจะหายใจไม่ออก

“อย่าร้องไห้”

โม่เสิ่นยวนใช้มือของเขานั้นจับแก้มนางอย่างอ่อนโยน เขาเช็ดน้ำตาของนาง แต่น้ำตาของนางนั้นก็ยังไหลอย่างไม่หยุด ทำให้ไรผมนางเปียกปอนไปหมด

เขากอดนางแน่น พานางขึ้นนั่งบนหลังของเจ้ามังกรเขียวกลับเฉินตูไป

ผู้คนฝั่งแม่น้ำฉางเหอต่างรอคอย คนที่ยังไม่กลับมาจากเหวปีศาจ แต่กลับกันกับองค์หญิงหลิวอิ๋งและบุคคลสำคัญต่างๆนั้นต่างได้กลับมาก่อนแล้ว

ได้ข่าวมาจากฝั่งองค์หญิงหลิวอิ๋งว่าเหวปีศาจ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก และอาจจะเป็นสัญญาบ่งบอกจากนี้ไปไม่ต้องกังวลเรื่องจักรพรรดิปีศาจใหม่ที่จะนำพาตระกูลปีศาจเข้าสู่โลกมนุษย์ ดังนั้นพวกนางเลยรีบเร่งที่จะเดินทางมา เพื่อจะให้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัด

หลังจากผู้คนที่เห็นองค์หญิงหลิวอิ๋ง แต่ไม่มีความเคารพดั่งเช่นเมื่อก่อน เพราะได้ข่าวมาว่าทันทีที่โหมวหลินนั้นเกิดระเบิด องค์หญิงหลิวอิ๋งก็รีบหนีออกจากเหวปีศาจ และกลับเข้าไปวังเทพมังกรและไม่ออกมาอีกเลย เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับไม่มาเสริมขวัญกำลังใจให้เหล่าผู้บำเพ็ญเพียร ในงานสัมพันธมิตรผู้บำเพ็ญเพียร

จากการกระทำครั้งนี้ ทำให้ประชาราษฎร์ ต่างรู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกสงสัยว่านางจะเป็นเหมือนเต่าหดหัว

ตัวองค์หญิงก็รู้เรื่องนี้ดี ในใจก็รู้สึกไม่มีความสุข หลังจากเดินทางถึงท่ามกลางฝูงชนแล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า:

“ข้ามาวันนี้เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ถ้ามีคนรบชนะจักรพรรดิปีศาจใหม่ในโลกปีศาจ ข้าจะเป็นผู้นำของสัมพันธมิตรผู้บำเพ็ญ

ฆ่าล้างตระกูลปีศาจที่มาบนผืนโลกมนุษย์นี้!”

น้ำเสียงของนางนั้นเด็ดเดี่ยวผ่าเผย

เพื่อจะเรียกชื่อเสียงของตัวเองกลับมา

แต่เหล่าประชาราษฎร์ กลับไม่รู้สึกเหมือนเช่นนาง คำพูดขององค์หญิงและการกระทำนั้นมักจะสวนทางกัน การกระทำมักจะไม่ทันกาล นางควรจะมาตั้งแต่ต้น แต่กลับเพิ่งมาปรากฏตัวตอนนี้ ทำให้ดูเป็นวัวสันหลังหวะชัดๆ

เมื่อไม่ได้รับเสียงขานรับของประชาราษฎร์ สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นดูไม่จืด นางกำหมัดแน่นและสบถด่าในใจว่าพวกเศษสวะ

และยังพูดต่อว่า:

“เสด็จพ่อได้สั่งให้เสด็จพี่ของข้านั้นไปที่โลกปีศาจ และน่าจะเป็นการประกาศสงครามครั้งใหญ่กับจักรพรรดิปีศาจใหม่ แต่ขอให้ทุกคนวางใจว่าเราจะปกป้องเหล่าประชาราษฎร์ แคว้นเทพมังกรไว้ได้อย่างแน่นอน!”

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้แห่งแคว้นเทพมังกรที่ส่งโม่เซินหยวนไป แต่เขาต่างหากที่เต็มใจไปเอง องค์หญิงหลิวอิ๋งเพิ่งมาทราบตอนหลังว่า

โม่เสิ่นยวนอยู่ที่โลกปีศาจ นางเลยตั้งใจพูดเช่นนี้เพื่อเอาความดีเข้าตัว

คำพูดนี้เมื่อถูกพูดออกไป ทำให้กระตุ้นอารมณ์ของผู้คนนั้นขึ้นมา

เพราะทุกคนต่างคิดว่าเซ่าตี้นั้นเดินทางไปโลกปีศาจ เมื่อได้ยินองค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นยอมรับเช่นนั้น ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาในตัวเซ่าตี้ยิ่งขึ้นไปอีก

กล้าเข้าไปโลกแห่งปีศาจอันลึกล้ำ เสี่ยงอันตรายถึงเช่นนั้น จะมีสักกี่คนที่กล้าเสียสละ?

เขาเป็นวีรบุรุษในใจทุกคน เป็นเทพที่มาช่วยกอบกู้โลกนี้อย่างแท้จริง

ในที่สุดการรอคอยที่ยาวนานก็สิ้นสุดลง ผู้คนต่างมองเห็นมังกรตัวเป็นๆที่กำลังบินมา

นั่นเป็นอสูรเทพมังกรเขียวที่ยังหนุ่มแน่น ดูเด่นตระหง่าน รอบกายนั้นเต็มไปด้วยอำนาจรัศมีเกรียงไกรของอสูรเทพ บนหลังมันนั้นมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่งอยู่!

ชายนั้นคือเซ่าตี้โม่เสิ่นยวนแห่งวังเทพมังกร ถึงแม้จะเป็นบุคคลที่ผู้คนได้พบเจอน้อยครั้ง แต่คนส่วนมากก็ดูแวบแรกก็ดูออกว่าเป็นเขา

เซ่าตี้ท่าทางโดดเด่น รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาอาคม บุคลิกนั้นใจเย็นสุขุม ในโลกนี้ยากที่จะหาใครทัดเทียม

แต่ว่าหญิงสาวในอ้อมอกเขานั้นเป็นใครกัน?

ผู้คนนั้นต่างรู้สึกประหลาดใจ

ได้ยินมาว่าเซ่าตี้นั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีเพศ หนำซ้ำยังมีการลือว่าวิชาที่เขาบำเพ็ญนั้นเป็นวิชาไร้รมณ์ ไม่เคยมีหญิงสาวปรากฏข้างกายเขามาก่อน

“หญิงสาวผู้นี้คือใครกัน? ทำไมถูกเซ่าตี้นั้นอุ้มไว้ในอ้อมอก?”

“สีหน้าเซ่าตี้นั้นดูอ่อนโยนมาก หญิงสาวผู้นั้นต้องเป็นหญิงในดวงใจเขาเป็นแน่!”

“โอ้ สวรรค์ มันน่าไม่น่าเชื่อ เซ่าตี้นั้นมีหญิงสาวที่หมายปองแล้ว?”

องค์หญิงหลิวอิ๋งเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว สายตาคู่นั้นจ้องเขม่นกัดริมฝีปากจนมีเลือดออก

บนอ้อมอกของเสด็จพี่นาง กลับมีหญิงสาวนั้นถูกโอบกอดไว้

มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!

เดิมทีเคยมีนางสนมพยายามเข้าใกล้เขา แต่กลับถูกเขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

เสด็จแม่เคยกล่าวไว้ว่าเขาเป็นบุคคลไร้อารมณ์ตั้งแต่กำเนิด และไม่เคยรู้มาก่อนว่ารสชาติของความรักนั้นเป็นเช่นไร

แต่ทว่าที่เห็นอยู่นั้น เขากลับโอบอุ้มหญิงสาวผู้หนึ่งไว้อย่างอ่อนโยน หญิงสาวผู้นั้นดูเหมือนจะหลับใหลไป ศีรษะนางนั้นแอบอิงอยู่บนอ้อมอกเขา แต่ใบหน้านั้นมองไม่ชัด รู้แต่ว่ามือนั้นทิ้งน้ำหนักลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

นางไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขามาก่อน เสมือนกำลังปกป้องอัญมณีที่ล้ำค่า อ่อนโยนและจริงใจ

อารมณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใบหน้าของคนไร้อารมณ์เช่นเขา

เสด็จแม่หลอกข้า!

เสด็จพี่ไม่ใช่คนไร้อารมณ์เช่นนั้น

“เซ่าตี้!”

มังกรเขียวบินใกล้เข้ามา ผู้คนต่างคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ไม่เพียงแต่การเคารพในฐานะเซ่าตี้ของแคว้นมังกรเทพ แต่ยังแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณที่ช่วยเหลือมนุษย์โลกนี้

โม่เสิ่นยวนเดิมที่จะกลับเฉินตูเลย แต่เขามองเห็นเย่ยู่หยางที่อยู่ในท่ามกลางฝูงชน เขาเลยให้มังกรเขียวนั้นหยุดลงมา เขาอุ้มน้องซิงแล้วกระโดดลงมา

“พี่!”

สีหน้าอันซีดเซียวของเย่ยู่หยางนั้นรีบแหวกออกมาจากฝูงชน คนอื่นไม่รู้ว่าหญิงที่อยู่ในอ้อมอกนั้นคือใคร แต่เขาเพียงมองเห็นมือก็รู้ว่าเป็นพี่สาวตัวเอง

ตั้งแต่เขาได้รับแผ่นหยกส่งเสียงจากพี่สาว ว่าได้เข้าไปโลกปีศาจ เขาก็รีบมาจากเฉินตูเพื่อมาที่นี่ เขาข้ามแม่น้ำฉางเหอมาอย่างยากลำบาก แต่องครักษ์ลับของโม่เสิ่นยวนเหยียนเฟินนั้นขว้างกั้นเขาไว้ไม่ให้ข้ามไป

“พี่สาวข้านาง……”

เมื่อเห็นมือทิ้งลงอย่างหมดแรงของพี่สาว สีหน้าซีดเซียวดั่งกระดาษขาวของเย่ยู่หยาง เป็นเพราะเขานั้นกังวลเรื่องนี้มาหลายวัน เขาดูซูบผอมและผอมแห้งไปอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้เขายิ่งเป็นห่วงขึ้นไปใหญ่ จนไม่กล้าเข้าใกล้

“พี่สาวของเจ้าไม่เป็นไร แค่อ่อนเพลียเท่านั้นเอง ข้าจะพานางกลับไปพักฟื้น เจ้ากลับไปกับข้า”

โม่เสิ่นยวนพูดกับเขา

“ไม่มีอะไรจริงๆใช่ไหม?”

เย่ยู่หยางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อสักครู่เขาแทบจะรู้สึกไม่ได้ว่าหัวใจของพี่สาวนั้นยังเต้นอยู่

“เจ้าวางใจได้ นางสบายดี นางแค่เหนื่อยมากจนนอนหลับไป”

โม่เสิ่นยวนพยักหน้า

เย่ยู่หยางโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เดินตามเขากลับไป

ที่แท้เป็นเย่จ่ายซิง?!

องค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นตกตะลึงและประหลาดใจมาก

นางจำได้ว่าเย่จายซิงนั้นอยู่ในเหวปีศาจ ไม่ได้กลับออกมา และได้ยินอาจารย์ผู้อาวุโสบอกว่า ตอนหลังเย่จายซิงนั้นกระโดดลง

เหวปีศาจ เพื่อไปตามหาจวินหยวนที่เป็นคู่หมั้นของนาง

ก็คืออ๋องเซ่อเจิ้งแห่งแคว้นหงส์แดง

แต่นางคิดว่าเย่จายซิงและอ๋องเซ่อเจิ้งนั้นได้ตายอยู่ในโลกปีศาจแล้ว คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่นั้นจะพาเย่จายซิงนั้นกลับมาแล้ว!

บ้าชะมัด!

แต่ทำไมเย่จ่ายซิงถึงเจอเสด็จพี่ได้ ทำไมนางถึงไม่ตายอยู่ในโลกปีศาจ เหตุใดดวงชะตานางถึงได้ดีเช่นนี้!

“เสด็จพี่!”

องค์หญิงหลิวอิ๋งรีบเดินจ้ำอ้าวไป ใบหน้าแสดงถึงความอยากเข้าไปใกล้ชิดด้วยท่าทางดีใจและพูดว่า:

“เสด็จพี่ ท่านปราบจักรพรรดิปีศาจใหม่ได้แล้วรึ? ตอนนี้เหตุการณ์เป็นอย่างไรกันแน่?”

โม่เสิ่นยวนขมวดคิ้วแล้วถอยหลังไป อุ้มน้องซิงนั้นกลับไปบนหลังมังกรเขียว หันไปประกาศกับฝูงชนว่า:

“จักรพรรดิปีศาจใหม่นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส จะไม่มีโอกาสมาบนโลกมนุษย์อีก ตระกูลปีศาจทางเหนือก็ไร้เรี่ยวแรง และคนที่ปราบจักรพรรดิปีศาจใหม่นี้ไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียว ยังมีอีกคนนางชื่อเย่จายซิง ว่าที่ภรรยาของข้า”

เขามองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก แววตาอ่อนโยน โดยไม่สนใจคำพูดของเขานั้นจะทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประหลาดใจแค่ไหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา