บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 253

องค์หญิงหลิวอิ๋งรู้สึกว่าเสด็จพี่ไม่น่าจะแต่งงานกับเย่จายซิงจริง

ดูแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

เสด็จพ่อและแม่เลือกนางสนมให้เขาก็เพื่อที่จะให้แต่งงาน แต่ไม่ใช่ให้เขาเลือกความรักที่แท้จริง

ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าเย่จายซิงไม่น่าจะเป็นคนที่เสด็จพี่รักจริงๆ

ระหว่างเดินทางกลับ องค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นได้ส่งข่าวให้เสด็จแม่ที่ยังอยู่ที่เผ่าโฮ่วาน

“หลิวอิ๋ง เย่จายซิงที่ลูกพูดถึง คือผู้หญิงที่แย่งอสูรเทพเทาเที่ยไปจากเจ้าใช่ไหม?”

ฮองเฮารีบตอบนางกลับมา แต่น้ำเสียงนั้นพูดอย่างยังใจเย็น

“ใช่ คือนางนั่นแหละ! เสด็จแม่ ข้านึกไม่ถึงว่าจวินหยวนก็คือเสด็จพี่ เขายังไปช่วยคนนอกที่แย่งอสูรเทพจากข้าไป เสด็จพี่ไม่ได้เห็นข้าเป็นน้องสาวของเขาเลย”

องค์หญิงหลิวอิ๋งรู้สึกเสียใจมาก ในใจของนางเสด็จพี่กับนางคือคนครอบครัวเดียวกัน คนอื่นนับว่าเป็นคนนอก

แต่เสด็จพี่นั้นกระทำต่อนางยิ่งกว่าคนนอกเสียอีก

“หุบปาก เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นเสด็จพี่ของเจ้า ในสายตาเสด็จพ่อของเจ้าไม่มีลูกชายคนนี้ อย่าลดเอาตำแหน่งของเจ้าลงไปเทียบกับมัน เจ้าไม่ต้องกลับมา เพื่อชื่อเสียงของเจ้า เจ้าต้องอยู่ที่นั่นเพื่อนำพาผู้บำเพ็ญของพันธมิตรจัดการแดนเหนือ รอให้ตระกูลปีศาจถูกฆ่าตายให้หมด เจ้าค่อยกลับมา”

ฮองเฮาสั่งนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เจ้าต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญ เรื่องที่โม่เสิ่นยวนจะแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่เขาจะตัดสินใจเองได้ ข้ามีคนที่เหมาะสมให้เขาเลือกแล้ว คนที่จะมาเป็นพระชายาของเซ่าตี้ต้องเป็นคนที่เจ้าไม่เกลียดอย่างแน่นอน”

“แต่ว่า……”

องค์หญิงหลิวอิ๋งไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกต่อไป เมื่อกี้นางฟึดฟัดเดินออกมา ทุกคนต่างก็เห็นภาพนั้น ตอนนี้ถ้าจะกลับไปอีกรอบเจ้าพวกชั้นต่ำพวกนั้นจะมองนางเช่นไร?

อีกทั้งนางกับเย่จายซิงนั้นมีความแค้นกัน นางต้องลงมือสะสางความแค้นด้วยตัวเอง

“เจ้าวางใจเถอะ อสูรเทพที่เป็นของเจ้า ข้าจะเป็นคนแย่งกลับมาให้เจ้าเอง เจ้าตั้งใจสร้างชื่อเสียงของเจ้าให้ดี ต่อไปแผ่นดินเทียนเหย้านี้ก็จะเป็นของเจ้า”

เมื่อได้ยินเสด็จแม่พูดเช่นนั้นแล้ว ใจขององค์หญิงหลิวอิ๋งนั้นเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีก

“เสด็จแม่ ความหมายของท่านคือเสด็จพ่ออยากให้ข้าเป็นราชินี ไม่เอาบังลังก์นี้สืบทอดให้เสด็จพี่?”

นางพูดอย่างตื่นเต้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จแม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา

“เสด็จพ่อของเจ้านั้นมีความคิดนี้อยู่จริง แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถทำให้ประชาราษฎร์ ชื่นชอบในตัวเจ้า เพื่อผืนดินใหญ่นี้เสด็จพ่อของเจ้าอาจจะต้องให้จวิ้นอ๋องเมืองสาขามาสืบทอดตำแหน่งนี้แทน”

พูดจบ ฮองเฮาไม่ได้ส่งข่าวให้นางอีก นางเก็บแผ่นหยกส่งเสียง และให้คนรอเข้าเฝ้าเข้ามา

มีเด็กสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างงดงาม ใบหน้าสุขุมนุ่มนวล ผิวพรรณขาวดั่งหิมะ ดูมีคุณค่าดั่งหยก สวมชุดกระโปรงของเทพธิดาเผ่าโฮ่วาน เสียงกระดิ่งน้อยที่ห้อยอยู่ตรงเอวนั้นดังกังวานอย่างน่าฟังตามจังหวะการเดินของนาง

“ท่านป้า ท่านเรียกหายุ่นเอ๋อร์หรือเพค่ะ?”

“นั่งลงก่อนซิ”

ฮองเฮาให้ฉู่ยุ่นเอ๋อร์นั้นนั่งลง มองดูนางพูด:

“เจ้าคิดดีแล้วหรือยัง?”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์พยักหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“การเสียสละเพื่อการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรของยุ่นเอ๋อร์ ยุ่นเอ๋อร์ไม่มีคนที่หมายปองอยู่ เมื่อเกิดเป็นเทพธิดาของเผ่า ชีวิตนี้มิอาจที่จะรักใครได้ ถ้าสามารถแก้แค้นแทนท่านแม่ได้ การแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

เมื่อพูดถึงท่านแม่ สายตาของฉู่ยุ่นเอ๋อร์ นั้นประกายความโกรธแค้นขึ้นมา

ท่านแม่ของนางคือหัวหน้าเผ่าที่ถูกราชากู่นั้นแว้งกัด ในพิธีเซ่นไหว้จนตายอย่างอนาถ

หัวหน้าเผ่าคือคนที่กลั่นราชากู่ออกมา หนอนกู่ในตัวของโม่เสิ่นยวนนั้นนางเป็นคนเลี้ยงออกมา เมื่อราชากู่ตาย นางก็ถูกแว้งกัดจนตายตามไปด้วย

นางเป็นบุตรสาวคนเล็กของหัวหน้าเผ่า และเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในการเลี้ยงกู่ในบรรดาเผ่าโฮ่วาน

นางเห็นท่านแม่ของตัวเองนั้นตายอย่างอนาถด้วยตา นางโกรธแค้นโม่เสิ่นยวนมาก และวันนั้นนางได้สาบานต่อหน้าบรรพบุรุษ ว่าจะฆ่า

โม่เสิ่นยวนเพื่อล้างแค้น

“ดีมาก เจ้าเป็นเทพธิดาของเผ่าพวกข้า บรรดาศักดิ์นั้นสูงส่งเหมาะสมกับโม่เสิ่นยวนอย่างยิ่ง ข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับเขาให้ได้ ถึงเวลานั้นเจ้าก็ฉวยโอกาสตอนเข้าใกล้เขาปล่อยหนอนกู่เข้าไป ครั้งนี้ต้องสังหารเขาตายให้ได้”

รอยยิ้มฮองเฮานั้นมองดูเลือดเย็น ใบหน้าสง่างามนั้นแฝงไปด้วยความโหดร้าย

โม่เสิ่นยวนเด็กปีศาจนั่นชะตาชีวิตช่างแข็งนัก นางใช้ทุกวิธีก็มิอาจปลิดชีพเขาได้ ราชากู่ที่เข้มแข็งเช่นนั้นยังถูกเขานั้นสังหารจนตายได้

ยังดีที่นางยังมีหลานสาวฉู่ยุ่นเอ๋อร์ที่มีพรสวรรค์ ที่สามารถเลี้ยงราชากู่ที่แข็งแกร่งและมีพิษร้ายแรงขึ้นมาได้ ขอแค่ถูกมันกัด

โม่เสิ่นยวนต้องตายอย่างแน่นอน

แม้แต่แม่นางเย่จายซิงที่องค์หญิงหลิวอิ๋งที่พูดถึง ฮองเฮาไม่เคยเอานางมาอยู่ในสายตามาก่อน

เป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่มาจากแคว้นเล็กๆ จะมีความสามารถอะไรกันเชียว

โม่เสิ่นยวนแก่นแท้นั้นไม่มีความผูกพัน คนที่มีชาติกำเนิดเลือดเย็นเช่นนั้น จะสามารถหลงรักคนคนหนึ่งได้อย่างไรกัน

ถ้าเขานั้นหลงรักแม่นางที่ชื่อเย่จายซิงจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี นั่นหมายถึงเขานั้นมีจุดอ่อน อยากสังหารเขากลับกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นซะงั้น

“ท่านป้า วางใจได้ แค้นนี้ถ้าไม่ชำระ ท่านแม่ข้าคงตายตาไม่หลับ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะให้เขานั้นไปเจอท่านแม่ข้าที่สุสานให้ได้!”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์กัดฟันพูดออกมา

“ดี! เจ้าไปเตรียมตัว วันนี้กลับวังไปกับข้า”

ฮองเฮาพยักหน้าและมองหน้านางอย่างพอใจ

……

หลังจากออกจากเฉินตู โม่เสิ่นยวนและเย่จายซิงนั้นนั่งค่ายวาร์ปหรือเรือทิพย์บิน เพื่อปิดบังตัวตนและไม่ให้มีร่องรอย

แต่ตอนที่กลับมา โม่เสิ่นยวนนั้นไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านั้นมากแล้ว ตัวตนของเขานั้นได้เปิดเผยแล้ว เขานั้นได้นั่งมังกรเขียวนั้นกลับเฉินตู มังกรเขียวคืออสูรเทพที่บินได้หมื่นลี้ในพริบตา เขากลับถึงเฉินตูในชั่วเวลาอันสั้น

เขานั้นไม่ได้กลับไปที่วัง แต่กลับไปที่หอยาไป๋เป่า

มังกรเขียวโบยบินอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ผู้คนในเฉินตูต่างมองขึ้นไปบนฟ้า เดิมคิดว่ามังกรเขียวนั้นจะบินกลับวัง แต่คาดไม่ถึงว่ามังกรเขียวนั้นบินไปหยุดที่หอยาไป๋เป่า

ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนานับไม่ถ้วนต่างจ้องมองอย่างสนใจ พวกเขาเห็นเพียงหลังของมังกรเขียวนั้น มีเซ่าตี้ที่กำลังอุ้มหญิงนางหนึ่งอยู่ แม่นางผู้นี้มีผู้คนรู้จักจำนวนมาก นั่นคือเจ้าของหอยาไป๋เป่าเย่จายซิง

“โอ้!”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เซ่าตี้กับเย่จายซิงนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ทุกคนนั้นต่างอึ้งทึ่งไป

พวกเขานั้นได้ข่าวเรื่องที่เซ่าตี้นั้นต่อสู้กับจักรพรรดิปีศาจใหม่ในโลกปีศาจแล้ว เห็นเซ่าตี้นั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ในใจของทุกคนนั้นต่างรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ภัยพิบัติของโลกมนุษย์นั้นได้ผ่านไปแล้ว

แต่ว่าไม่มีใครคาดคิดว่า เซ่าตี้กับเย่จายซิงนั้นจะมีความสัมพันธ์กัน

ภาพของเซ่าตี้ที่อุ้มเย่จายซิงอย่างอ่อนโยน ทำให้ในใจผู้คนต่างรู้สึกมีคลื่นลูกใหญ่ ความอยากรู้อยากเห็นนั้นแผดเผาขึ้นมาอย่างร้อนรน

ณ เวลานั้น คนในแคว้นเฉินตูนั้นไม่รู้ว่าโม่เสิ่นยวนก็คือจวินหยวน และยังไม่รู้ว่าเย่จายซิงนั้นเป็นคู่หมั้นของเขา

แต่เวลาไม่นาน ข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายมาแคว้นเฉินตูอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

เรื่องราวทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเย่จายซิงนั้นยังไม่ได้รับรู้

หลังจากนางได้จัดการม่านอาคมในเหวปีศาจ สำเร็จก็หมดสติไป หลังจากกลับถึงหอยาไป๋เป่า โม่เสิ่นยวนอุ้มนางวางลงบนเตียง นางก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา

“เสด็จอา ข้าจะเข้าไปพักฟื้นในห้วงกาลเวลา เวลาในชั้นห้วงกาลเวลานั้นจะผ่านไปเร็วกว่าด้านนอก รอข้าพักฟื้นหายดีแล้ว ข้าต้องหาวิธีที่จะต่ออายุขัยของท่านให้ได้”

สีหน้านางนั้นซีดเซียว ใบหน้านั้นไม่มีเลือดไปเลี้ยงแม่แต่หยดเดียว

กำลังภายในนั้นแห้งเหือด จุดตันเถียนนั้นแห้งแล้งเหมือนดั่งทะเลทราย

นี่เป็นผลข้างเคียงที่น่ากลัวจากวิชาลี้ลับ โชคดีที่นางยังมีเสด็จอาที่คอยช่วยเหลือ มิฉะนั้นหลังการใช้วิชาลี้ลับนี้ นางต้องถูกฆ่าแกงเป็นแน่

“เจ้าต้องตั้งใจพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ ข้าจะเฝ้าดูแลเจ้าอยู่ที่นี้”

โม่เสิ่นยวนนั่งอยู่ข้างเตียงและจับมือนางไว้ เขาได้ถ่ายทอดลมปราณให้นางอย่างช้าๆ แต่ว่าร่างกายนางนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ถึงแม้จะมีพลังมากแค่ไหน ก็ยังไม่พอที่จะรักษานาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา