บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 254

“เสด็จอา อย่าถ่ายลมปราณให้ข้าอีกเลย แล้วก็อย่าอยู่เฝ้าข้า ท่านต้องฟื้นฟูร่างกายของท่านให้ดี ข้านั้นต้องกลับออกมาอย่างเร็ววันแน่นอน”

เย่จายซิงจับมือของเสด็จอาอย่างแน่น เพื่อหยุดการถ่ายทอดลมปราณของเขา ระหว่างทางที่กลับมาเขานั้นได้รักษาร่างกายตลอดมา แต่ว่านางนั้นได้เสียพลังไปค่อนข้างมาก นางต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเอง

“เจ้าเข้าไปเถอะ”

โม่เสิ่นยวนลูบมือนางเบาๆแล้วเอามืออีกข้างมาจับหน้าที่เย็นเฉียบของนาง

นางมองหน้าเขาแล้วยิ้ม และพูดขึ้นมาอย่างออดอ้อนว่า:

“เสด็จอา จูบข้าทีหนึ่งซิ”

โม่เสิ่นยวนนั้นตกใจเล็กน้อย ที่ผ่านมาจะเป็นตัวเขาเองที่เป็นคนเข้าหานาง น้อยมากที่นางจะเป็นคนเข้าหาเขา เลยทำให้เขารู้สึกตะลึงและทำตัวไม่ถูก

ริมฝีปากเขานั้นมีรอยหยักขึ้นเรื่อยๆ เขาเอนตัวลงแล้วจูบไปที่ริมฝีปากซีดนั้นหนึ่งที ถึงแม้จะแตะโดนผิวริมฝีปากนางเท่านั้น แต่มันก็ให้ความรู้สึกนุ่มนวล

“รอน้องซิงหายดีแล้ว เรามาจูบกันให้หนำใจไปเลยนะ”

ริมฝีปากของเขานั้นย้ายไปกระซิบอยู่ข้างหูของนาง เขาพูดกับนางด้วยน้ำเสียงทุ้ม

เย่จายซิงขยิบตา พยักหน้ารับรู้ ใจนางนั้นเต้นกระเพื่อมรับรู้ได้ถึงความหอมหวานของความรัก

รอนางหายดี พวกเขาจะจูบกันให้พอ ไม่เพียงแค่นั้น นางยังพร้อมที่จะมอบตัวและหัวใจให้เขา จุดพรหมจรรย์บนข้อมือนี้เป็นของเสด็จอาเพียงผู้เดียว

นางมองหน้าอันหล่อเหลาของเสด็จอาพร้อมกับหลับตาลง ตัวนางนั้นได้เลือนหายไปอยู่บนเตียง แล้วนอนอยู่ในห่วงกาลเวลานั้น

เสี่ยวไป๋มองนางแล้วถอนหายใจ แล้วพานางไปอยู่ใกล้บ่อผดุง

เมื่อก่อนห้วงกาลเวลาชี่ทิพย์ที่สมบูรณ์ที่สุดคือที่นี่ ต่อมาได้มีการเอาหยกรวมจิตนั้นเข้าไปในบ่อ ชี่ทิพย์ของที่นี่จึงหอมกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ

ชี่ทิพย์นับไม่ถ้วนที่รวมเป็นเมฆหมอกสีขาว และอุ้มชูร่างกายของเย่จายซิงไว้

……

บนเตียงนั้นดูว่างเปล่า โม่เสินหยวนเผยฝ่ามือออก บนฝ่ามือนั้นมีขวดหยกสีขาวอยู่หนึ่งขวด ที่น้องซิงเพิ่งให้เขามาเมื่อสักครู่

หลังจากเปิดจุกขวดออก เขาเลยเพิ่งรู้ว่ายาน้ำนี้ใช้พู่เทพในการกลั่นออกมา

เวลาที่น้องซิงรู้สึกตัวนั้นค่อนข้างน้อย แต่นางก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงสุขภาพของเขา

เขาใช้สองมือกุมขวดหยกที่มีคุณค่านั้นไว้แน่น ขวดหยกนั้นยังฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของนาง

เขาสูดลมหายใจลึกๆ ในสมองนั้นนึกถึงหลงเฟยหลีที่มองน้องซิงอย่างตาไม่กะพริบ ทำให้แรงอาฆาตของเขานั้นแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ในใจของเขานั้นเหมือนได้ยินเสียงโห่ร้องของคนนับไม่ถ้วน

ฆ่ามัน ฆ่าหลงเฟยหลี น้องซิงต้องเป็นของข้าคนเดียว จะให้ผู้อื่นมาหมายปองไม่ได้

โม่เสิ่นยวนปิดตาลง ตอนเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาพิฆาตนั้นได้ถูกกดลงไปแล้ว

หลังจากได้ดื่มยาน้ำพู่เทพแล้วนั้น ความอัศจรรย์นั้นได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ได้เข้าไปซ่อมแซมร่างกายของเขา ยืดอายุโครงสร้างกระดูกนั้นได้เพิ่มมากขึ้น แต่เพิ่มได้เพียงห้าปีก็ได้หยุดลง พลังที่เหลือของเขานั้นได้เข้าไปขยายเส้นเอ็นของเขา

ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อกินพู่เทพเข้าไปแล้วนั้น สามารถต่ออายุขัยเพิ่มขึ้นอีกสิบๆปี แต่เขานั้นได้ใช้อายุขัยของเขาในการใช้วิชาลี้ลับ

ระดับเซียนข้าวทิพย์ก็ใช้การไม่ได้มาก

เขาเก็บขวดหยกนั้น ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าของความผิดหวัง เพิ่มอายุขัยมาห้าปี เขาสามารถอยู่ดูแลน้องซิงได้เพิ่มอีกห้าปี

แน่นอนว่า เขารู้สึกไม่พอใจช่วงเวลาที่เหลืออันสั้นที่จะได้อยู่กับน้องซิง น้องซิงนั้นรักเขา ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา ใต้หล้านี้ก็มีเพียงน้องซิงเท่านั้นที่เสียใจ สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นเป็นที่สุดคือน้ำตาของน้องซิง

ยังมีเวลาอีกสิบกว่าปี เขาจะหาวิธีในการต่ออายุขัยให้อมตะให้ได้ ทำการต่อไปเรื่อยๆก็สามารถต่อได้ยาวนานขึ้น

ทันใดนั้นแผ่นหยกส่งเสียงนั้นก็สว่างขึ้น

โม่เสิ่นยวนกลับไม่ได้สนใจ

ไม่ต้องเดา นอกจากเสด็จพ่อของเขาแล้ว ไม่มีใครอื่นที่จะส่งเสียงมา

เสด็จพ่อส่งเสียงมา ณ เวลานี้ เป็นไปไม่ได้ว่าจะมาชื่นชมเขา แน่นอนว่าต้องมาถามเรื่องราวในโลกปีศาจอย่างแน่นอน

……

“เจ้าลูกปีศาจ!”

ในวังเทพมังกร ผู้ชายร่างสูงใหญ่ทุบฝ่ามืองบนเก้าอี้มังกรนั้น ใบหน้านั้นแสดงอารมณ์โกรธอย่างฉุนเฉียว

ถึงแม้วันเวลานั้นจะทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้า แต่ก็ไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาในวัยหนุ่มของเขานั้นไปได้ แค่เพิ่มเติมความลึกล้ำเพิ่มขึ้นมา อีกทั้งยังมีรัศมีน่าเกรงขามจากตัวของเขาได้แผ่ออกมา ทำให้เขานั้นดูสูงส่งที่ทำได้แต่แหงนมองเขาขึ้นไป

แต่ตอนนี้ใบหน้าของฮ่องเต้แห่งแคว้นเทพมังกรไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า มีเพียงอารมณ์โกรธแค้นที่ยังหลงเหลืออยู่

“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลยค่ะ เจ้ายวนอาจจะไม่เห็นข้อความที่ฝ่าบาทส่งไปเพค่ะ”

ฮองเฮาเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมถวายซุปบำรุงให้ฝ่าบาท

“เจ้าเพิ่งกลับมา ยังตุ๋นซุปมาข้า ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนหละ?”

ฝ่าบาทเมื่อเห็นหน้าฮองเฮา สีหน้าดูอ่อนโยนขึ้น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ข้าไม่ได้พบหน้าฝ่าบาทมาระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกคิดถึงฝ่าบาทมาก ข้าตั้งใจส่งคัมภีร์เพื่อจะได้รีบมาเจอฝ่าบาท ช่วงเวลานี้ฝ่าบาทมัวแต่กังวลเรื่อง

ของโลกปีศาจมากเกินไป ต้องเป็นการที่ทำผิดพลาดอีกแล้วใช่ไหมเพค่ะ นี่เป็นซุปบำรุงที่ข้านั้นตุ๋นเองกับมือ คราวนี้ข้าได้เติมสมุนไพรพิเศษของเผ่าลงไปด้วย ทำให้ซุปนี้ยิ่งมีประโยชน์เพิ่มอีกเท่าตัว”

น้ำเสียงฮองเฮานั้นโอนโยนเหมือนดั่งสายน้ำ สายตาหวานเยิ้มคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างอาวรณ์

ฝ่าบาทพูดขึ้น “ลำบากเจ้าแล้ว” และได้ดื่มซุปอุ่นนั้นจนหมด

หลังดื่มเสร็จ เขารู้สึกได้ว่าอาการปวดหัวเรื้อรังนั้นดีขึ้นมาก

“เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ไม่มีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้านั้นนอนไม่หลับเลยสักคืน”

ฝ่าบาทนั้นกอดฮองเฮาเข้ามาในอ้อมอกอย่างโล่งใจ

ขันทีที่อยู่รอบกายนั้นต่างรู้สึกคุ้นชินกับภาพที่เห็น ต่างก็รู้กันในวังว่า ความรักของฝ่าบาทและฮองเฮานั้นเหมือนยังเป็นข้าวใหม่ปลา มันแนบแน่นยิ่งนัก ต่างเป็นที่อิจฉาของคนที่พบเห็น

ผ่านไปสักครู่ ฝ่าบาทนั้นคลายมือที่กอดฮองเฮาแล้วพูดขึ้นอย่างโมโหว่า:

“เจ้าก็ไม่ควรพูดแทนลูกปีศาจนั่น ตอนนี้มันปีกกล้าขาแข็ง ถึงขั้นไม่สนใจสารที่ข้าส่งไป! เรื่องที่มันครอบครองอสูรเทพกิเลนก็ไม่เคยเปิดเผยให้ข้ารู้ เป็นเพราะหลิวอิ๋งบอกข้าถึงรู้เรื่องนี้ เจ้าดูซิว่ามันไม่เคยเห็นข้าเป็นเสด็จพ่อของมัน!”

เมื่อพูดถึงตอนนี้ สีหน้าของฝ่าบาทนั้นฉุนเฉียวขึ้นมาอีก ลูกปีศาจนั้นบอกว่าปลีกวิเวก แต่กลับไปเป็นฮ่องเซ่อเจิ้งในแคว้นเล็กๆ หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครรับรู้เรื่องนี้ ขนาดฝ่าบาทยังถูกปิดบังจนถึงทุกวันนี้

ฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:

“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยเพค่ะ จะทำให้ท่านสุขภาพแย่ไปอีก จะทำให้ข้าพลอยเสียใจไปด้วย เจ้ายวนนิสัยก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่เคยสนิทสนมกับผู้ใด ซึ่งเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

ฝ่าบาทคิดขึ้นมาได้ โม่เสิ่นยวนตั้งแต่เล็กก็ไร้อารมณ์ ไร้ความผูกพัน ถึงจะดีกับเขาสักเพียงไรก็ไม่เคยมีความรู้สึกซาบซึ้ง เวลาร้ายกับเขา ก็ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธ เหมือนดั่งหุ่นก็ไม่ปาน

ฝ่าบาทไม่ชอบเขาตั้งแต่ยังเล็ก ถ้าไม่เป็นเพราะฝ่าบาทมีบุตรชายยาก มีลูกชายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หนำซ้ำวันที่โม่เสิ่นยวนเกิดนั้นก็ถูกมังกรเขียวนั้นครอบครอง เขาก็มิอาจให้ผู้อื่นนั้นมาเป็นเซ่าตี้ของแคว้นเทพมังกรนี้ไปได้

ฝ่าบาทนั้นเกลียดชังเขาจนส่งเขาออกไปแดนไกล ไม่อยากมองเห็นเขาแม้แต่เสี้ยวเดียว

ฮองเฮามองสีหน้าของฝ่าบาท มุมปากนั้นหยักขึ้นเล็กน้อย พูดอย่างอ่อนโยนว่า:

“ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าเจ้ายวนมีหญิงที่หมายปองแล้ว แต่อยากจะแต่งงานกับนางด้วย นี่เป็นเรื่องดี แสดงให้เห็นว่าเจ้ายวน

นั้นเริ่มอารมณ์ความผูกพันแล้ว มีอารมณ์รักใคร่เหมือนดั่งของปกติแล้ว”

ฝ่าบาทเมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วนั้นขมวดขึ้นมา:

“ข้าไม่ยอมให้เขานั้นแต่งงานกับหญิงปุถุชนได้ เขาคิดเพ้อเจ้อไปเอง ยังไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ประกาศไปในใต้หล้า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา!”

เขาจะมีความรู้สึกผูกพันหรือไม่นั้น ฝ่าบาทไม่รับรู้หรือสนใจ และยิ่งไม่ไปยินดีกับลูกปีศาจนั่น

ฮองเฮาตบหน้าอกตัวเองเบาๆ:

“ฝ่าบาท ใจเย็นๆเพค่ะ ตอนนี้เจ้ายวนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับจักรพรรดิปีศาจใหม่ในโลกปีศาจมา ได้ช่วยเหลือประชาราษฎ์ ท่านอย่าเพิ่งบีบบังคับเขาให้เข้าเฝ้า ให้เขานั้นแต่งตั้งหญิงนั้นเป็นชายารอง พระชายานั้นยังต้องผ่านการคัดเลือก วิธีนี้เหล่าประชาราษฎร์ จะได้ไม่ครหาท่านว่าไปแยกคู่รักจากกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา