เย่จายซิงมองหน้าเสด็จอาอย่างเป็นห่วง นางเอามือนั้นไปลูบใบหน้าของเขา
นางรู้สึกได้ถึงความแหลมคมที่ทิ่มลงบนมือนางอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหนวดเคราของเขานั้นพะรุงพะรัง จนใต้คางนั้นปรากฏจุดวงกลม
สีซีดจาง
ถึงแม้สภาพเป็นเยี่ยงนี้ แต่ความหล่อเหลาของเขานั้นยังคงมีเสน่ห์อยู่ แต่กลับทำให้นางรู้สึกปวดใจ
พอเดาออกได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เขาได้เฝ้าดูนางอยู่ในห้องนี้ ไม่แม้แต่จะย่างก้าวออกไปไหน แม้แต่หนวดเคราใต้คางยังไม่ได้ถูกโกนแต่ง
แต่ในห้องนี้ นอกจากเขาและห้องที่ว่างเปล่า เสมือนเข้านั่งเฝ้าห้องที่ว่างเปล่านี้ไว้
เขาไม่รู้ว่าสภาพร่างกายของเย่จายซิงนั้นเป็นอย่างไร ในใจคงจะคอยกังวลเป็นอย่างมาก
“น้องซิงรังเกียจข้าแล้วเหรอ หึ?”
โม่เสิ่นยวนโน้มตัวลงมา ตั้งใจใช้หนวดยาวของเขานั้นมาแหย่ใบหน้าของนาง นางรู้สึกจั๊กกะจี้จนหัวเราะออกมา แต่นางก็ไม่อยากพลักตัวเขานั้นออกห่าง แต่นางกลับกอดคอของเขาไว้แน่น และโอบเขาไว้อย่างแนบแน่น
“เสด็จอา ข้าไม่มีวันที่จะรังเกียจท่าน ต่อไปถึงแม้ท่านจะแก่เฒ่า ข้าก็ยังจะรักท่านเหมือนเดิม”
โม่เสิ่นยวนจับมือนางไว้แน่นและขยับหัวออกเล็กน้อย แล้วมองนางอย่างประหลาดใจ:
“เมื่อกี้น้องซิงพูดอะไร ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด เจ้าพูดอีกครั้งซิ!”
เย่จายซิงกัดริมฝีปากพร้อมสายตาดั่งสายน้ำ ก้มหัวแล้วพูดเสียงเบาว่า: “ไม่ได้ยินก็ช่างมันเถอะ นึกไม่ถึงว่าเสด็จอายังไม่แก่ แต่หูนั้นตึงไปซะแล้ว”
เขาจับคางนางขึ้นมาให้นางมองหน้าเขา แววตาที่ประกายความอ่อนหวาน ใช้น้ำเสียงออดอ้อนพูดว่า: “น้องซิงพูดอีกครั้งหนึ่งดีไหม ข้าอยากฟังคำคำนั้น”
“คำไหน?”
นางแสร้งถาม
“คำสุดท้ายนั่นไง”
โม่เสิ่นยวนรอคอยนาง หัวใจของเขานั้นเต้นแรงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำให้เลือดในตัวเข้านั้นสูบฉีดเร็วขึ้นไปด้วย
เมื่อเห็นสีหน้าการรอคอยของเสด็จอาแล้วนั้น เย่จายซิงนั้นรู้สึกหัวใจนั้นพองโตจนแทบจะทะลุออกมา นางรีบ “จุ๊บ” ลงบนริมฝีปากบางนั้นแล้วพูดขึ้นว่า:
“ข้ารักท่าน เสด็จอา!”
พูดจบนางรีบเอาใบหน้านั้นซุกเข้าไปในอ้อมอกเขา หูนั้นแดงไปหมด
สองภพชาติที่ผ่านมานางไม่เคยพูดคำว่า “ข้ารักเจ้า”ออกจากปากมาก่อน วันนี้พูดไปถึงสองครั้ง นางรู้สึกเขินอายจนไม่กล้าให้เขานั้นมองหน้าที่เขินแดงของนาง
เมื่อเผชิญหน้ากับหลงเฟยหลี นางต้องแสร้งทำเป็นหน้าแดง แต่กับเสด็จอาแล้ว ทุกความรู้สึกของนางนั้นจริงใจและกลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เสด็จอาเป็นผู้สอนให้นางรู้ถึงรสชาติของการหลงรักใครสักคน
ใบหน้าของโม่เสิ่นยวนนั้นเต็มประกายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ความสุขสมและตื่นเต้น น้อยมากที่เขาจะแสดงอารมณ์เช่นนี้ออกมา
บนโลกใบนี้ มีคนเดียวที่สามารถทำให้อารมณ์เขานั้นหวั่นไหวได้ คนนั้นก็คือน้องซิงที่อยู่ในอ้อมอกของเขา
“น้องซิง ข้าก็รักเจ้า ต่อไปก็จะรักเจ้ามากขึ้นไปอีก”
เขาพูดอย่างอ่อนโยน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและมั่นคง
เขาประทับรอยจูบบนหน้าผากของนาง แล้วใช้ทั้งสองมือของเขาจับที่แก้มนาง และสบตาที่ดำแววของนางแล้วพูดขึ้นว่า:
“น้องซิง แต่งงานกับข้านะ?”
เย่จายซิงแววตาตื่นเต้นประหลาดใจ
มันจะเร็วไปไหม?
แต่ดูเหมือนก็ไม่เร็วแล้ว เขาก็เคยพูดมาก่อน รอนางถึงวัยที่เหมาะสมแล้วจะแต่งงานกับนาง
เมื่อเห็นท่าทีเก้ๆกังๆของเสด็จอา นางบิดริมฝีปากแล้วพะงกหน้ารับปาก:
“ค่ะ เสด็จอา ข้าจะแต่งกับท่าน”
นางยินยอมรับปากอย่างเต็มอก ก่อนนางจะเข้าไปในห่วงกาลเวลา นางก็มีความคิดพร้อมที่จะมีลูกกับเขาแล้ว
แต่ตอนนี้ นางยังไม่อยากรีบมีลูก เลยยังไม่ได้พูดเรื่องความในใจนี้ให้เสด็จอาฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...