บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 257

“ได้ๆๆ ข้าไม่ยุ่งเรื่องของโลกปีศาจก็ได้ เสด็จอาพูดถูกว่าพวกข้านั้นเสียสละมามากแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะท่าน ข้าคงไม่ลงไปที่โลกปีศาจ ท่านก็ไม่ต้องยุ่งเรื่องโลกปีศาจแล้วเช่นกัน”

เย่จายซิงเท้าสะเอวแล้วพูดกับเขา:

เมื่อคิดถึงอายุขัยที่สั้นลงของเสด็จอา นางรู้สึกปวดใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีตำแหน่งเซ่าตี้ค้ำคอ นางคงไม่ปล่อยให้เขานั้นไปยุ่งวุ่นวายเรื่องพวกนั้น ถึงขั้นต้องเอาอายุขัยตัวเองเข้าไปแลกกับเรื่องพวกนั้น

“ข้าต้องหาวิธีที่ช่วยต่ออายุขัยเสด็จอาให้ได้ พวกข้าต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ท่องเที่ยวยุทธภพนี้ไปด้วยกัน”

นางเงยหน้ามองเขา:

“เสด็จอา ท่านรับปากข้า ต่อไปท่านจะใช้อายุขัยของท่านไปเพิ่มวิทยายุทธไม่ได้แล้วนะ”

โม่เสิ่นยวนนั้นหอมไปที่หน้าผากนางพร้อมพยักหน้า: “ได้ ข้ารับปากน้องซิงของข้า”

การเผาผลาญอายุขัย ว่ากันตามจริงแล้วพลังก็ยังไม่พออยู่ดี

รอให้พิธีแต่งงานผ่านไป เขาจะพานางไปฝึกฝนที่แดนลึกลับ เพื่อไปพัฒนาการบำเพ็ญตน การบำเพ็ญตนต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของแผ่นดินใหญ่นี้ ถึงจะไม่ถูกรังแก

เมื่อได้ยินคำมั่นสัญญาของเขา คิ้วของเย่จายซิงนั้นคลายปมลง แล้วพูดว่า:

“เสด็จอาตอนนี้ท่านเป็นวีรบุรุษของโลกมนุษย์ ฮ่องเต้คงไม่กล้าตัดสินใจเรื่องแต่งงานของท่านแล้วกระมัง?”

โม่เสิ่นยวนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า:

“เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าจะจัดการเอง”

เย่จายซิงขมวดคิ้วขึ้นอีก เมื่อฟังคำพูดของเสด็จอา พอเดาได้ว่าราชสำนักยังคงเข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของขาอยู่

ราชสำนักนี้น่าขำชะมัด ตอนเกิดเรื่องนั้นสำรวมตัวไว้ยิ่งยวด หลังปัญหาถูกแก้ไข เพื่อเป้าหมายของตนแล้วยังเข้ามายุ่งเพื่อจะตัดสินใจแทน

เพื่อไม่ให้เสด็จอานั้นกังวลใจ นางยิ้มพร้อมพยักหน้า: “อืมๆ ข้ารู้แล้ว ข้ารอวันที่เสด็จอามาสู่ขอข้า ช่วงนี้ข้าต้องหาสินสอดทองหมั้นให้เยอะขึ้นอีก”

โม่เสิ่นยวนหัวเราะพร้อมหยิกแก้มนาง: “ข้ายกสหการค้าผานหลงให้เจ้าเป็นสินสอดดีไหม?”

นางส่ายหัว: “ข้าไม่เอาหรอก สหการค้าผานหลงเป็นของท่าน สินสอดต้องเอามาจากบ้านข้าไปซิ ข้าต้องหามันเอง”

“ได้ๆๆ น้องซิงหาเอง ตอนนี้น้องซิงนั้นเป็นเศรษฐีน้อยแล้วหนิ”

นางหัวเราะเสียงดัง ถ้าไม่ต้องเลื่อนขั้นห้วงแห่งกาลเวลา นางน่าจะเป็นเศรษฐีน้อยแล้วจริงๆ น่าเสียดายหินทิพย์ที่หามาได้นั้นต้องใช้ในการเลื่อนขั้น ตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้ว

“ไป พวกข้าไปกินข้าวเถอะ ข้าให้เหยียนเฟิงนั้นสั่งอาหารที่เจ้าชอบไว้ที่ร้านตรงข้าม”

โม่เสิ่นยวนนั้นดึงนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน จัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของนาง และทรงผมของนางก็กระเจิงไปบ้าง เขาพานางไปหวีผมอยู่ตรงโต๊ะแต่งหน้า

ท่าทีเขานั้นอ่อนโยนเบามือ กลัวเหมือนจะหวีเส้นผมนางขาดไป

ดีที่เส้นผมนางนั้นดกดำเงางาม หวีง่ายและลื่นไหล มิฉะนั้น ไม่รู้จะหวีถึงยามไหนกัน

เขาก็ทำทรงผมหญิงสาวไม่เป็น ครั้งก่อนตอนอยู่เรือทิพย์ก็หวีได้ไม่ดี แต่ว่าทำบ่อยๆจนดีขึ้น ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าคราวที่แล้วเยอะมาก

ผมนั้นทิ้งตัวดี เพียงแต่ปักปิ่นผมหยกสีขาวขึ้นไป ก็ประกายความสวยงามโดยไร้การแต่งหน้า

คิ้วของนางนั้นดกดำ ปากชมพู ตาที่เป็นประกาย ใบหน้าที่งดงาม ไม่ต้องแต่งหน้าก็งามอย่างธรรมชาติดุจหญิงงามในภาพวาด

“ครั้งนี้หวีได้ดีมาก”

นางกล่าวชื่นชม รางวัลที่ให้คือการส่งจูบ

โม่เสิ่นยวนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แทบจะจับนางมาจูบอีกที เขาพาเธอเดินออกจากห้อง

เพิ่งเดินลงไปหนึ่งชั้น ก็เห็นน้องชายของเย่จายซิงนั่งรออยู่ตรงบันได

“ยู่หยาง เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร? หลายวันมานี้เจ้าก็อยู่เฝ้าข้ารึ?”

เย่จายซิงถามอย่างประหลาดใจ นางรู้สึกได้ว่าน้องชายนั้นซูบผอมไปมาก เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูหลวมไปอย่างเห็นได้ชัด

เย่ยู่หยางนั้นมองนางด้วยความตื่นเต้น ที่เห็นนางนั้นแข็งแรง สีหน้าสดใส ใบหน้าดูยิ้มแย้มแจ่มใส

“ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้ว? ข้าเพิ่งมาถึง ท่านฟื้นมาก็ดีแล้ว ข้าจะได้วางใจ ข้าขอไปนอนก่อนนะ!”

พูดจบเขาก็จามออกมาสองสามที แล้วเดินเข้าห้องไป

“เจ้าเด็กบ้านี่กลัวจะสั่งสอน เลยรีบหนีไปก่อน”

เย่จ่ายซิงพึมพำเสียงเบา ในใจนั้นรู้สึกซาบซึ้ง แววตานั้นอ่อนโยน มีเสด็จอาและน้องที่คอยเป็นห่วงนาง ชีวิตในภพนี้นั้นดีกว่าภพที่แล้วอย่างมาก

เมื่อเย่จายซิงและโม่เสิ่นยวนเดินลงมาถึงห้องโถงด้านล่าง มีลูกค้าจำนวนมากที่มองเข้ามา

หลังจากการแพร่สะพัดข่าวของพวกเขา ผ่านไปหลายวัน ตอนนี้ผู้คนในเฉินตูนั้นต่างก็รู้ว่าเจ้าของหอยาไป๋เป๋อ เย่จายซิงนั้นเป็นว่าที่ภรรยาของเซ่าตี้

ได้ยินมาว่าเย่จายซิงนั้นได้รับบาดเจ็บหมดสติไปในโลกปีศาจ เซ่าตี้นั้นคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ไม่ก้าวออกมาจากหอยาไป๋เป๋อแม้แต่ก้าวเดียว ทำให้มีคนจำนวนมากมาที่หอยานี้ เพื่ออยากมาสอดรู้สอดเห็นให้เห็นกับตา ว่าเซ่าตี้นั้นอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า

คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพที่เซ่าตี้และเย่จายซิงนั้นเดินออกมาพร้อมกัน

“อ้าวเห้ย เป็นเรื่องจริงนิ! เซ่าตี้กับเย่จายซิงนั้นคบหากันอยู่!”

“ไม่น่าเชื่อเลย!”

“ดูซิ สายตาของเซ่าตี้ที่มองเย่จายซิงนั้นพิเศษจริงๆ สายตาที่เขามองคนอื่นนั้นช่างเย็นชา แต่เมื่อสายตานั้นมองไปที่เย่จายซิง กลับเปลี่ยนเป็น

โอนอ่อน มันช่างอบอุ่นยิ่งนัก!”

“คาดไม่ถึงๆ ว่าเซ่าตี้นั้นรู้จักกับเย่จายซิงมานาน!”

“ความฝันของหญิงสาวหมื่นพันคนนั้นสลายไปแล้ว!”

ลั่วกูหยุนนั้นแทรกตัวออกมาจากฝูงชน พลางเบียดตัวพร้อมพูดว่า:

“ไปๆๆ ไม่ซื้อของก็ออกไป เบียดเสียดกันตรงนี้จนไม่มีอากาศหายใจแล้ว ถ้าทำยากลั่นตกแตก พวกเจ้าต้องรับผิดชอบจ่ายตามราคานะ!”

ผู้คนนั้นต่างแตกกระเจิง ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวต้องชดใช้ แต่เป็นเพราะลั่วกูหยุนนั้นเป็นคุณชายตระกูลลั่ว ที่ไม่ค่อยฟังเหตุผลและหลังจากที่

ตระกูลลั่วและหอยาไป๋เป๋อนั้นร่วมมือกัน ราคายาที่ขายนั้นถูกมาก ถูกกว่ายาในท้องตลาดมาก ทุกคนเลยเห็นแก่เขาเลยกลับออกไป

ลั่วกูหยุนนั้นมองไปที่เย่จายซิง ในใจนั้นมีเรื่องที่อยากจะพูดมากมาย

สีหน้าของโม่เสิ่นยวนนั้นเข้มขรึม พาเย่จายซิงนั้นเดินออกไปข้างนอก:

“พวกข้าจะไปกินข้าว”

“พอดีเลย ข้าก็ยังไม่ได้กิน งั้นข้าไปด้วย ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเย่จายซิงเกี่ยวกับเรื่องหอยาไป๋เป๋อ”

ลั่วกูหยุนนั้นเตรียมจะเดินไปพร้อมกัน

น้ำเสียงโม่เสิ่นยวนนั้นยิ่งเยือกเย็นขึ้น:

“ไม่มีที่ของเจ้า เจ้าดูแลร้านของเจ้าให้ดี อยากกินอะไรเดี๋ยวให้เหยียนเฟิงห่อกลับมาให้เจ้า”

“เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน!”

ลั่วกูหยุนพูดพร้อมถอนหายใจด้วยท้าวสะเอวอย่างอารมณ์เสีย

เย่จายซิงนั้นกลั้นหัวเราะออกมา แล้วเดินไปกินข้าวกับเสด็จอาอย่างกระหนุงกระหนิง นางไม่อยากได้หลอดไฟที่สว่างเกินไป

เมื่อเข้าไปถึงห้องส่วนตัว ก็ได้กลิ่นอาหารที่หอมกรุ่น

นานมากแล้วที่ไม่ได้กินอาหารดีๆ ตอนนี้เย่จายซิงรู้สึกหิวมาก ท้องนั้นร้องขึ้นอย่างดัง

“ข้าขอถ้วยเปล่าสองใบ”

นางนั่งลงแล้วสั่งเสี่ยวเอ้อ

เสี่ยวเอ้อรู้สึกสงสัย รีบไปเอาถ้วยเปล่าสองใบให้นาง

“ดี เจ้าออกไปได้แล้ว”

เย่จายซิงกวักมือออก รอเสี่ยวเอ้อออกไปและหลังจากปิดประตู นางตักโจ๊กออกมาสองถ้วย ซึ่งเป็นโจ๊กที่เสี่ยวไป๋ใช้พู่เทพนั้นต้มไว้ตอนอยู่ใน

ห้วงกาลเวลา

“เสด็จอา ท่านกินโจ๊กนี้ลงไปก่อน! ต่อไปท่านต้องมากินข้าวกับข้าทุกวัน ถึงท่านจะเคยกินพู่เทพแล้ว แต่พลังในนั้นมีผลต่อท่านไม่มาก แต่ถ้ากินทุกวันก็สามารถสะสมพลังได้ มันจะมีผลดีกับการต่ออายุขัยของท่านอย่างแน่นอน”

“ได้”

เขาพยักหน้าพร้อมตักโจ๊กเข้าปาก

สองคนค่อยๆกินข้าว ไม่มีกฏห้ามพูดขณะกินข้าว ข้าวมื้อเดียวกินไปครึ่งชั่วยามถึงกินหมด

หลังจากที่พวกเขานั้นออกไป เสี่ยวเอ้อเข้ามาเก็บถ้วยชาม เขาเห็นถ้วยที่เอาเข้ามานั้นเหมือนใส่อะไรบางอย่างไว้ เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นเมล็ดข้าวสองเม็ดที่ต้มจนเละ

เขาบังเอิญได้โอกาสโชคดีนี้ เอามือนั้นไปหยิบข้าวสองเม็ดนั้นใส่ปากตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา