บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 259

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์เป็นเทพธิดาเผ่าโฮ่วาน มารดาของนางเป็นหัวหน้าเผ่า อาหญิงของนางเป็นฮองเฮา ดูแล้วนางนั้นค่อนข้างจะได้เปรียบไปหมด

นางออกมาจากเผ่าเดินทางมาถึงเฉินตู เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่จะฆ่าโม่เสิ่นยวน คนอื่นๆไม่มีค่าอะไรในสายตานาง คนอื่นที่ว่านี้รวมไปถึง

เย่จายซิง

เย่จายซิงหน้าตายอมรับว่างดงามมาก และการบำเพ็ญตนนี้อยู่ในเพียงขั้นต้นของราชาทิพย์ คุณสมบัตินี้มันช่างธรรมดายิ่งนัก

ยังเป็นแจกันที่ไม่พร้อมใช้งานเท่านั้น

ผู้ชายนั้นก็มองเพียงความงดงามภายนอก ไม่สนใจภายใน แม้แต่เซ่าตี้ที่มีชื่อเสียงก็ไม่ยกเว้น

สีหน้าอาฆาตอำมหิตของเซ่าตี้ นางไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว นางมาเพื่อฆ่าโม่เสิ่นยวน ถ้านางเกรงกลัวต่อไปนางจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน?

ตอนนี้นางเห็นความห่วงใยที่เขามีต่อเย่จายซิง ฉู่ยุ่นเอ๋อร์เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ชายที่ท่านป้าเคยบอกว่าไร้อารมณ์บัดนี้เขาเกิดมีความรัก

ขึ้นมาจริงๆแล้ว

มนุษย์เมื่อมีใจกับสิ่งใดแล้ว ย่อมจะกลายเป็นจุดด้อยเสมอ

ตอนนี้เย่จายซิงก็คือจุดอ่อนของเขา

นางมองไปที่เย่จายซิงเผยอปากพูดขึ้น:

“ขออภัยแม่นางเย่ เมื่อสักครู่ข้าเสียมารยาท ขออย่าถือสาข้าเลย”

ถึงแม้น้ำเสียงนางจะกล่าวคำขอโทษ แต่ท่าทีนั้นไม่ได้แสดงความขอโทษเลยสักนิด แต่ท่าทีกลับทำเสมือนเป็นพระชายาเฉกเช่นนั้น

นางยังพูดกับโม่เสิ่นยวนด้วยว่า “เซ่าตี้ ท่านไม่อยากแต่งกับข้า ต้องไปทูลไปฮ่องเต้ ไร้ประโยชน์ที่จะพูดกับข้า”

พูดจบ นางมองไปด้านหลัง

อาจารย์ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากฝูงชน แล้วคำนับโม่เสิ่นยวน:

“เซ่าตี้ ฮ่องเต้เชิญท่านและแม่นางเย่เข้าวัง ท่านใช้วิชาลี้ลับทำให้อายุขัยท่านเสียหาย ฝ่าบาทมียาที่สามารถยืดอายุขัยออกไปได้”

นี่ใช้วิธีบังคับไม่สำเร็จเลยเปลี่ยนวิธีหลอกล่อขึ้นมาอีก

อย่างไรก็ตาม หูของเย่จายซิงนั้นผึ่งขึ้นมา ในวังมียาชนิดนี้ได้อย่างไรกัน? มันเป็นยาชนิดไหนกันแน่?

“อายุขัยเซ่าตี้นั้นถูกทำลายเสียหาย?”

“ไม่ใช่กระมัง! มันรุนแรงหรือไม่?”

“เสียดายที่คนธรรมดาอย่างพวกข้าดูไม่ออกว่าเซ่าตี้นั้นมีอายุขัยเหลืออีกเท่าไหร่”

ผู้คนต่างพูดกันอย่างเป็นห่วง

เมื่อฉู่ยุ่นเอ๋อร์เห็นผู้คนต่างเป็นห่วงเซ่าตี้ นางรีบพูดขึ้น “เซ่าตี้ แม่นางเย่ ฝ่าบาทยังรอพวกท่านอยู่ในวังนะ”

นางไม่ยอมให้ชาวบ้านนั้นเข้าข้างโม่เสิ่นยวน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป งานอภิเษกต้องมีปัญหาแน่

เดิมเย่จายซิงนั้นไม่อยากให้คนอื่นนั้นรับรู้เรื่องอายุขัยของเสด็จอา แต่เวลานี้นางเข้าใจแล้วว่า จำเป็นต้องให้ชาวบ้านรู้ว่าเสด็จอานั้นเสียสละเพื่อแผ่นดินใหญ่นี้มากแค่ไหน

นางลุกออกมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:

“ใช่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของประชาราษฎร์ เขาเลือกที่จะสละชีพตัวเอง ตอนนี้เหลืออายุขัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ข้าในฐานะที่เป็นอาจารย์กลั่นยา และยังเป็นว่าที่ภรรยาของเขา ข้าต้องคิดค้นวิธีที่จะต่ออายุขัยเขาให้ได้”

“อะไรนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่จายซิง ทุกคนต่างตกตะลึงพูดคุยกันเสียงอื้ออึง

ผู้บำเพ็ญขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ มีชีวิตอมตะนับพันๆปี แต่เซ่าตี้กลับเหลืออายุขัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น!

“สิบห้าปี! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”

“เซ่าตี้ต่อสู้กับแดนมกุฎปีศาจ! ถึงกับต้องเสียสละถึงเพียงนี้”

ผู้คนต่างรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกคับแน่นอก

ตอนอยู่ในโหมวหลิน ผู้คนบนแผ่นดินใหญ่นี้ต่างรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ต่างรู้สึกตื่นตระหนก โดยคิดว่าจะได้เผชิญกับมหันตภัยร้ายนี้

จักรพรรดิปีศาจใหม่นั้น ได้รับการถ่ายทอดอำนาจทั้งหมดจากบรรพบุรุษตระกูลปีศาจ ได้ข่าวว่ากำลังบำเพ็ญตนอยู่ในแดนเทพปีศาจ แต่ในโลกมนุษย์แผ่นดินใหญ่นี้ มีผู้บำเพ็บแดนเทวทิพย์ขั้นต้นเพียงหนึ่งเดียวคือไท่ซ่างหวง

แต่องค์ไท่ซ่างหวง ผู้นี้ปลีกวิเวกหรือดับสูญ ถึงแม้จะออกมาก็ยากที่จะขวางกั้นการฆ่าฟันมนุษย์ของจักรพรรดิปีศาจใหม่นี้ได้

ไม่มีใครที่จะเป็นคู่ปรับของจักรพรรดิปีศาจใหม่

จักรพรรดิปีศาจใหม่สามคำนี้ แค่กล่าวถึงทุกคนก็เกรงกลัวแล้ว มนุษย์ต่างรู้สึกถึงภัยอันตราย

คนจำนวนไม่น้อยที่หนีไปอยู่เผ่ามารที่อยู่ทางใต้สุด

แต่ช่วงเวลาที่ทุกคนเผชิญกับมหันตภัยที่ร้ายแรงที่สุดนั้น โลกปีศาจนั้นกลับมีไฟดาบกะพริบและมีเสียงคำรามของมังกรเขียว หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนก็ได้ยินการข่าวว่าจักรพรรดิปีศาจใหม่นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

ไม่เพียงแค่นั้น ภายนอกเหวปีศาจนั้นยังมีการเสกม่านอาคมที่หนามาก เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลปีศาจนั้นเข้ามาโลกมนุษย์

มหันตภัยของตระกูลมนุษย์ได้ถูกขจัดไปสิ้นซาก

ผู้คนต่างไม่คาดไม่ถึง หลังจากได้รับการยืนยันแล้วนั้น ต่างปลื้มปีติเหมือนได้มีชีวิตใหม่

ไม่ผิด เสมือนตายแล้วเกิดใหม่

อีกเสี้ยวเดียวเกือบถูกตระกูลปีศาจนั้นทำลายล้าง แต่ตอนนี้กลับพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายกลับมาดี เห็นแสงสว่างหลังฟ้ามืดมน นี่มันใช่ตายแล้วเกิดใหม่?

แต่จะมีใครนึกถึงว่าความมั่นคงเหล่านี้ กลับต้องใช้อายุขัยของเซ่าตี้นั้นแลกมา

“จิตใจเซ่าตี้เผื่อแผ่ให้เหล่าประชาราษฎร์ในใต้หล้านี้ ได้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้านั้นซาบซึ้งยิ่งนัก!”

ผู้คนต่างรีบคุกเข่าให้โม่เสิ่นยวน น้ำเสียงนั้นตื้นตัน แววตาต่างปลื้มปริ่ม

“ข้าเป็นเซ่าตี้แห่งแคว้นมังกรเทพ นี่เป็นภารกิจของข้า”

โม่เสิ่นยวนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

“ยิ่งไปกว่านั้น……” เขาโอบเอวของย่จายซิง พูดอย่างเสียงก้อง:

“ข้าและน้องซิงนั้นต่างประสานร่วมมือกันทั้งภายนอกและภายใน พวกข้าร่วมมือกันถึงได้ทำให้จักรพรรดิปีศาจใหม่นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่งั้นข้าอาจจะต้องสิ้นชีพไปแล้ว และอาจสู้กับมันไม่สำเร็จ น้องซิงได้ใช้วิชาลี้ลับจึงทำให้พลังนางนั้นถดถอยไป ร่างกายนั้นได้เสียหายรุนแรงหมดสติไปหลายวัน นางเป็นคนเดียวที่ข้าอยากแต่งงานด้วย พระชายาของเซ่าตี้ต้องเป็นนางคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์”

เขาป่าวประกาศความในใจของเขาให้ทุกคนรู้ เมื่อก่อนเขาแทบจะไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เขาอยากบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าน้องซิงนั้นเป็นของเขาคนเดียว

“เป็นไปไม่ได้!”

ทันใดนั้นฉู่ยุ่นเอ๋อร์นั้นตั้งถามอย่างเสียงดัง:

“จากที่ข้าทราบวิทยายุทธของแม่นางเย่นั้นคือขั้นแดนราชาทิพย์ วิทยายุทธของนางนั้นไม่ได้ถดถอยลง และเรื่องที่นางร่วมต่อสู้กับเซ่าตี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เซ่าตี้ เพื่อจะแต่งงานกับนางเลยจะหาเรื่องยกระดับฐานะนางขึ้นมา สิ่งที่ท่านพูดนั้นสมมติขึ้นมาทั้งนั้น”

โม่เสิ่นยวนไม่แม้แต่จะชายตามองนาง มองไปผู้คนที่ล้อมรอบอยู่พูดว่า:

“ม่านอาคมของเหวปีศาจนั้นน้องซิงเป็นคนเสกขึ้นมา บนนั้นมีตราสำนึกของนางอยู่ ถ้าต้องการพิสูจน์หลักฐาน เพียงแค่ถามหาคนที่ไปเข่นฆ่าตระกูลปีศาจแค่นั้นก็พอ”

พูดจบ เขาโอบเย่จายซิงแล้วเดินออกไป ทิ้งความประหลาดใจไว้ให้คนที่เหลือ

ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

ม่านอาคมขวางกั้นการเข้ามาของตระกูลปีศาจที่เสกไว้บนเหนือเมฆนั้น แท้จริงแล้วเป็นเย่จายซิงที่เสกเอาไว้!

“ไม่ใช่ เซ่าตี้กำลังโกหก”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์พูดอย่างคิ้วขมวด

“ไร้สาระ! เซ่าตี้ไม่มีวันโกหก!”

“คนแซ่ฉู่ ถ้ายังกล้าพูดให้เซ่าตี้เสียหาย พวกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว! พวกข้าไม่สนใจเทพธิดาบ้าอะไรนั่นหรอก และไม่สนใจด้วยว่าเจ้าจะเป็นหลานของฮองเฮา!”

“นั่นน่ะสิ! เจ้าจะสงสัยในตัวเซ่าตี้ได้อย่างไรกัน!”

“ยังไม่ตักน้ำชะโงกดูเงาตัวเองซะก่อนว่าน้ำหน้าอย่างเจ้า ริอ่านอยากจะเป็นพระชายาของเซ่าตี้ เจ้าฝันกลางวันไปก่อนเถอะ!”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าคำพูดนางเพียงคำเดียว จะทำให้รังแตนนั้นแตกรัง นางประเมินบารมีของเซ่าตี้นั้นต่ำไป เซ่าตี้เป็นถึงวีรบุรุษที่กอบกู้แผ่นดินใหญ่ผืนนี้

คำสบถด่าและฟองน้ำลายของผู้คนนั้นต่างพ่นไปที่ใบหน้าของนาง นางหน้านิ่วสีหน้าบึ้งตึง รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกและปากอย่างรังเกียจ รีบเบียดตัวออกมาจากฝูงชน

นางต้องไปหาทางเพื่อบอกทุกคนว่า สิ่งที่เซ่าตี้พูดนั้นเป็นเรื่องโกหก!

“เสด็จอา ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ผู้นี้ นิสัยเหมือนกับน้องสาวท่านองค์หญิงหลิวอิ๋งไม่มีผิด ท่าทางหยิ่งยโส ดูแคลนปุถุชนยิ่งนัก”

เย่จายซิงยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอยาไป๋เป๋อพูดกับเสด็จอา ขณะมองดูฉู่ยุ่นเอ๋อร์ที่หนีเตลิดเปิดเปิงออกมา

โม่เสินหยวนนั้นหยิกไปตรงเอวนางแล้วพูดว่า “ข้าไม่มีน้องสาว และก็ไม่มีญาติที่ไหน”

คนพวกนั้น ไม่เหมาะสมที่จะเป็นญาติและน้องสาวเขา

นางหัวเราะขึ้นมา “นั่นก็ถูก ข้าก็รู้สึกว่าหลิวอิ๋งนั้นไม่น่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเจ้า มันช่างต่างกันยิ่งนัก ต่อไปข้าก็จะเป็นญาติของท่าน ที่สนิทที่สุด! ว่าแต่เสด็จอา พรุ่งนี้พวกข้าเข้าวังกันเถอะ ข้าอยากรู้ว่ายาที่ฝ่าบาทบอกนั้นจะเป็นยากลั่นชนิดไหน ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา