บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 260

“น้องซิง เจ้าอย่าเอาไปคิดเป็นเรื่องจริง ในวังมียากลั่นชนิดที่สามารถต่ออายุขัยได้จริง แต่มันเหลือแค่สองเม็ดที่ถูกเก็บเอาไว้เป็นพันๆปีมาแล้ว เสด็จพ่อไม่มีวันจะเอาออกมาให้ข้า”

โม่เสิ่นยวนนั่งลงพร้อมดึงเย่จายซิงลงมานั่งบนตัก น้ำเสียงยังคงนิ่งสงบและนุ่มนวลอย่างไม่มีสะดุดอารมณ์

เขาไม่เคยคาดหวังอะไรจากพระราชวัง ดังนั้นไม่เลยไม่มีความหวังหรือความผิดหวัง

คนพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรเพื่อมากระทบจิตใจเขาได้

สิ่งเดียวที่เขาต้องตระหนักคือป้องกันน้องซิงจากเงื้อมมือของพวกเขา

“พวกเขาไม่ยอมรับเจ้าก็ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องไปเก็บเอามาใส่ใจ เจ้าเป็นคนที่โม่เสิ่นยวนนั้นจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่แต่งเข้าไปอยู่ในวัง ถ้าพวกเขายังจะขัดขวางพวกข้า ตำแหน่งเซ่าตี้ข้าก็พร้อมสละได้”

เดิมเขาก็ไม่อยากได้ตำแหน่งเซ่าตี้นี้หรอก แต่เป็นเพราะวันที่เขาลืมตาดูโลก ก็ถูกเจ้ามังกรเขียวนั้นนับถือเป็นเจ้านาย ประชาราษฎร์ในแผ่นดินนี้ก็ได้กลายเป็นภาระหน้าที่ของเขาโดยปริยาย

เขาก็เหมือนเป็นหุ่นที่วังแคว้นมังกรนั้นเลี้ยงดูมา ตอนที่เป็นที่ต้องการก็ถูกผลักตัวออกมา ตอนไม่จำเป็นเขาก็เหมือนคนที่ไร้ตัวตน

เย่จายซิงซบอยู่บนหน้าอกเขาพูดอย่างเห็นใจ:

“ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เจ้าอย่ากลัวว่าจะทำให้ข้าลำบากใจ เจ้าพูดได้ถูกต้อง คนที่ข้าจะแต่งงานด้วยคือเจ้าไม่ใช่ราชสำนัก

ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขายอมรับ มีเพียงท่านที่เป็นห่วงข้าก็พอ”

“ข้าเป็นห่วงเจ้า ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก น้องซิง เจ้าเป็นรักแท้ของข้า”

โม่เสิ่นยวนกอดนางแน่น ในใจรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเติมเต็ม น้องซิงของเขาไม่เหมือนคนทั่วไป นางเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนมาก

ขอบคุณสวรรค์ที่ให้เขานั้นได้พบกับนาง

ภพที่แล้วมันเป็นเหมือนแค่ความฝัน ที่มักจะปรากฏภาพนางขึ้นในความฝัน ตอนนั้นเป็นเหมือนแค่ผู้ชม แต่ตอนนี้พวกเขากลับ

ได้รู้จักกัน เข้าใจกันและได้มอบความรักให้แก่กัน

เมื่อได้ฟังคำสารภาพรักจากใจของเสด็จอาแล้ว เย่จายซิงนั้นยิ้มแก้มฉีก อารมณ์บูดที่ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ ทำให้เกิดขึ้นนั้นได้อันตรธานหายไป

อันที่จริงแล้วสิ่งที่ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ทำนั้นไม่มีค่าพอที่จะเก็บมาใส่ใจ ในสายตาเย่จายซิงนางเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น

นางอุตส่าห์มาเยือนถึงที่ก็เพื่อที่จะแสดงตัวตนนางเท่านั้น

แต่กลับไปด้วยจิตใจเศร้าหมอง คนที่อารมณ์บูดน่าจะเป็นฉู่ยุ่นเอ๋อร์ซะมากกว่า

“หญิงผู้นั้นเป็นหลานสาวของฮองเฮา และยังเป็นเทพธิดาแห่งเผ่าโฮ่วาน ฮองเฮาให้นางแต่งงานกับข้าก็เพื่อที่จะมาสังหารข้า”

โม่เสิ่นยวนรู้สึกว่าต้องอธิบายให้น้องซิงเข้าใจที่มาที่ไปของฉู่ยุ่นเอ๋อร์ เพื่อไม่ให้นางเอาไปคิดเรื่อยเปื่อย

“เทพธิดาผู้นี้วิชาเลี้ยงหนอนกู่นางแรงกล้าขนาดนั้นเชียวรึ?”

เย่จายซิงถามอย่างสงสัย นางรู้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นมาด้วยใจที่ปองร้าย

เขาพยักหน้าแล้วพูด:

“แม่นางเป็นหัวหน้าเผ่าอาวุโสโฮ่วาน หัวหน้าเผ่าอาวุโสคือคนที่วางราชากู่ใส่ข้า ความสามารถของนางนั้นเหนือกว่าท่านแม่ของเขานัก”

ที่แท้นางเก่งกล้าถึงเพียงนี้?

เย่จายซิงนั้นต้องออกปากเตือน ราชากู่ตัวก่อนที่อยู่ในร่างของเสด็จอานั้น ร้ายแรงทรยศหัวดื้อขึ้นมาก ถ้ายังร้ายแรงกว่าราชากู่นั้นก็จะ

น่ากลัวยิ่งนัก

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามห้ามให้นางนั้นวางหนอนกู่สำเร็จอย่างเด็ดขาด!”

เสิ่นหยวนยิ้มแล้วหยิกแก้มนาง:

“น้องซิงการวางหนอนกู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ยิ่งเป็นราชากู่ที่ยิ่งใหญ่ การวางนอนกู่ก็จะยิ่งมีกฎเกณฑ์มากขึ้นเท่านั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิดนางคงจะวางหนอนกู่หลังจากพิธีแต่งงาน”

“พวกนางช่างเป็นคนเลวทราม จิตใจต่ำช้ายิ่งนัก”

นางพูดอย่างถอนหายใจ ถึงแม้ยังไม่เคยพบหน้าฮองเฮา แต่ตอนนี้ภาพในจินตนาการของฮองเฮานั้น เป็นแม่เลี้ยงที่หน้าเนื้อใจเสือ

พูดจาต้องเจ็บแสบร้ายกาจเป็นแน่

“แต่ว่า ท่านได้ช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ ได้ทำความดีเสียสละอันยิ่งใหญ่เพื่อแคว้นมังกรเทพ เหตุใดฝ่าบาทยังมายุ่งเรื่องการแต่งงานของท่านอีก? ข้าไม่เห็นด้วย!”

เย่จายซิงกระซิบไปที่ข้างหูของเขา

“เสด็จอา พวกเราต้องลงหมากก่อนฝ่าบาท ต้องบีบให้ฝ่าบาทสละราชบังลังก์ ข้าจะขึ้นเป็นฮองเฮา!”

เสียงพูดของนางเบามากเหมือนเสียงร้องแมว ความจดจ่อของโม่เสิ่นยวนนั้นอยู่บนใบหู เขาเกือบจะฟังไม่ชัดว่านางกำลังพูดอะไร

พอเขาจับใจความได้ เขาก็ตกตะลึงไปสักพักแล้วหัวเราะขึ้น สายตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

“น้องซิงอยากเป็นฮองเฮาจริงรึ?”

เขามองดูสายตาของนางที่ประกายแวววาวแล้วถามขึ้น

เย่จายซิงพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา นางตอบด้วยสายตารอคอยว่า:

“อืม มีความรู้สึกอยากเป็นนิดหนึ่ง”

เป็นเพราะไม่อยากเห็นการปฏิบัติตัวของฝ่าบาทและฮองเฮาที่มีต่อเสด็จอา ที่อยากใช้ก็เรียกหา ไม่อยากใช้ก็ไล่กลับ

โม่เสิ่นยวนยิ้มพูด:

“ได้ งั้นข้าก็จะเชื่อฟังน้องซิง ไม่ต้องเป็นพระชายาเซ่าตี้แล้ว ขึ้นเป็นฮองเฮาเลย”

ทันใดนั้นเย่จายซิงรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นหญิงทรพีที่ทรยศต่อแผ่นดิน ยั่วยุให้คนกระทำผิด

นางขยิบตาพูด: “เสด็จอาทำไมถึงรับปากเร็วเช่นนี้? นี่มันเป็นเรื่องเนรคุณแผ่นดินเลยนะ!”

“ขอแค่น้องซิงมีความสุข ถึงจะเป็นเรื่องทรยศเนรคุณข้าก็จำเป็นต้องทำ”

ใบหน้าเขานั้นยิ้มแย้ม

จำเป็น นางยิ่งเหมือนหญิงทรพีเข้าไปทุกที

โม่เสิ่นยวนก้มลงกัดริมฝีปากของนาง “น้องซิงต้องให้เวลาขออีกหน่อย ข้าจะแก้ปัญหาออกไปที่ละอย่าง”

เขาใช้จิตในการส่งสาร ปากเขานั้นไม่ได้หุบลง มันกำลังทำงานอยู่

เย่จายซิงออกเสียง “อู้อี้ๆ” นางถอดใจที่จะขัดขืน แต่กลับเอาสองมือไปกอดคอเขาไว้

……

เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าหอยาไป๋เป๋อนั้นแพร่สะพัดออกไปอย่างเร็ว ผู้คนต่างรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้คนต่างคิดว่าเรื่องที่เซ่าตี้บอกว่า เย่จายซิงร่วมมือกับเขาต่อสู้จนจักรพรรดิปีศาจใหม่นั้นได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องล้อเล่น

คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาได้พูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ยังพูดอีกว่าม่านอาคมในเหวปีศาจนั้นเป็นเย่จายซิงเสกขึ้นมา เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนนั้นประหลาดใจไม่น้อย

ตอนที่เย่จายซิงเข้าร่วมการแข่งขันเทียนเจานั้น นางเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นแดนราชาทิพย์ แต่ม่านอาคมนั้นต้องเป็นผู้ฝึกขั้นแดนเทวทิพย์เสกเท่านั้น

เดิมทุกคนต่างคิดว่าเซ่าตี้ใช้วิชาลี้ลับเสกมันไว้ เลยไม่เคยนึกว่าจะเป็นคนอื่นทำ

ถ้าเย่จายซิงเป็นคนที่เสกขึ้นมาจริงๆ นางก็คงต้องมีวิทยายุทธขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ หลังจากการใช้วิชาลี้ลับ ถึงจะสามารถยกระดับถึงขั้นแดนเทวทิพย์ได้

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ผู้คนต่างรู้สึกโล่งใจ

ความอ่อนเยาว์เย่จายซิงนั้นทุกคนต่างได้ประจักษ์สายตา

วิชากลั่นยานางนั้นเป็นพรสวรรค์ที่หาใครเทียบได้ ความสามารถทางวิทยายุทธก็ล้ำเลิศ ถ้านางมีวิชาขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ด้วย

พรสวรรค์เฉกเช่นนี้ มิอาจหาคำเปรียบเปรยใดๆได้เลย

“ข้าคิดว่าเป็นเรื่องจริง เซ่าตี้เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดปด!”

“ได้ยินมาว่ามีหลายคนที่กำลังไปสืบ เร็วๆนี้ก็จะได้รู้ว่าม่านอาคมนั้นเป็นเย่จายซิงเสกขึ้นมาหรือไม่”

“เรื่องแบบนี้แค่ตรวจสอบห็รู้ความจริง ใครเป็นคนเสกก็ต้องเป็นคนนั้น ไม่สามารถปลอมแปลงได้ เซ่าตี้คงไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเอง”

“เซ่าตี้และเย่จายซิงนั้นเป็นคู่สร้างคู่สม แม่นางฉู่ยุ่นเอ๋อร์ ริอ่านอยากเป็นพระชายาเซ่าตี้ เป็นเรื่องฝันลมแล้งเสียจริง!”

“นั่นน่ะสิ ข้าไม่ชอบหญิงนั้นเลย จะให้หญิงเช่นนางมาเป็นพระชายาของเซ่าตี้ไม่ได้เด็ดขาด!”

ผู้คนต่างวิพากษ์เรื่องนี้กัน

“เรื่องจริงจะรู้กันในเร็ววัน เขาก็คงจะร้อนใจเรื่องนี้เป็นแน่ มิฉะนั้นคงไม่พูดออกมาเช่นนี้ ยุ่นเอ๋อร์เจ้าพูดถูก เขานั้นได้หลงรักหญิงที่ชื่อเย่จายซิงจริงๆแล้ว อยากแต่งงานกับนาง อยากให้ข้านั้นเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้”

ในวัง ฮองเฮามองดูเล็บมือตัวเองที่ทาด้วยสีแดง พูดอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้ามั่นคง

“ใช่เพค่ะ ชาวบ้านพวกนั้นคิดว่าข้านั้นพูดผิด ถ้าพวกเขาได้รู้ว่าโม่เสิ่นยวนนั้นโกหก ก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่พูดจริง ถึงเวลานั้นศักดิ์ศรีของ

โม่เสิ่นยวนก็จะสลายสูญสิ้น”

ฉู่ยุ่นเอ๋อร์พูดพร้อมกัดริมฝีปาก หวังว่าจะได้เห็นภาพคนในเฉินตูนั้นโกรธเกลียดโม่เสิ่นยวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา