บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 261

“น้องสี่ ข้าได้ยินว่าเจ้าจะเป็นชายารองของเซ่าตี้ ยินดีกับเจ้าด้วยนะ วันมะรืนข้ามาแล้วหนึ่งครั้งแต่ไม่พบเจ้า วันนี้ข้าตั้งใจมาหาเจ้าเห็นเจ้าสบายดี พี่ก็สบายใจ”

วันนี้เย่เจียหรงมาที่หอยาไป๋เป่าพร้อมกับของขวัญหลายชิ้น ท่าทีนางดูอ่อนโยนเป็นมิตร

คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเย่จายซิงกับเย่เจียหรงนั้นเป็นคนในครอบครัวที่รักใคร่กัน

เย่จายซิงหัวเราะเยาะขึ้นมา:

“พี่ใหญ่ ท่านส่งคนสะกดรอยตามข้ารึ หลายวันมานี้ข้าไม่ได้อยู่ในห้องโถง วันนี้เพิ่งออกมาท่านก็เข้ามาพอดี ช่างพอเหมาะพอดียิ่งนัก”

หอยาไป๋เป่านั้นห้ามไม่ให้คนของสำนักเมฆแดงนั้นเข้ามา เย่เจียหรงก็เป็นศิษย์สำนักเมฆแดงที่ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเช่นกัน

นางคาดว่าเย่เจียหรงรู้ว่านางอยู่ในห้องโถงจึงเข้ามาหอยา และรอจนกว่านางไปยืนอยู่ที่หน้าประตูถึงเดินเข้ามา นางกลัวจะถูกไล่ออกไปก่อน

“น้องสี่ เจ้าพูดอะไรกัน พี่ตั้งใจจะมาหาเจ้าและถือโอกาสมาแสดงความยินดีที่เจ้าได้เป็นชายารองของเซ่าตี้ เจ้าอย่าคิดเป็นอื่นเลยข้าไม่มีความหมายอื่น”

สีหน้าเย่เจียหรงไม่ได้เปลี่ยนไป ฟังดูน้ำเสียงนั้นมีความลำบากใจเล็กน้อย

นางพูดว่า:

“น้องสาว เจ้ารู้ว่าอ๋องเซ่อเจิ้งกับเซ่าตี้เป็นคนเดียวกันนานแล้วใช่ไหม ทำไมเจ้าถึงปิดบังข้ามาตลอดหละ?”

ตอนนางพูดประโยคนี้ออกมา เย่จายซิงเห็นแววตาที่ซ่อนความโกรธไว้อย่างชัดเจน

ชิ!

เย่เจียหรงคงจะรู้สึกเสียดายโอกาสที่ไม่สามารถสานสัมพันธ์กับเซ่าตี้ได้ ดังนั้นจึงโกรธเย่จายซิงที่ ไม่ได้บอกนางเรื่องฐานะที่แท้จริงของเสด็จอา

กับนาง

นางยิ้มอย่างเหน็บแนม

“เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ อย่าอ้อมค้อมเลยดีกว่า”

สีหน้าของเย่เจียหรงนั้นอึ้งไปสักครู่ เย่จายซิงนั้นไม่เคยเล่นตามเกม ทำให้นางนั้นบันดาลโทสะเหลือเกิน

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เย่เจียหรงก็ไม่อยากถ่วงเวลาไปอีก นางได้ส่งเสียงผ่านจิตให้เย่จายซิงว่า:

“น้องสี่ เจ้าอยู่เฉินตูโดยไม่มีใครเกื้อหนุน เพียงความรักของเซ่าตี้ไม่ทำให้เจ้าสำเร็จได้หรอก ต่อไปยังมีอุปสรรคมากมายที่ต้องเผชิญ ข้าเป็นครอบครัวเดียวกับเจ้า ข้าเต็มใจที่จะช่วยเจ้านะ”

นางไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกจากปากต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะยังต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่

นางทำให้เย่จายซิงรู้สึกตลก

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา แทนภาพลักษณ์อันดีงามที่นางพยายามสร้างขึ้นมา

นางพยายามถามถึงแม้จะรู้สึกยุ่มย่ามใจก็ตาม

“ออ? งั้นเจ้าบอกข้ามาซิ ว่าเจ้าจะช่วยข้าอย่างไร?”

เย่เจียหรงคิดว่านางเกรงกลัวขึ้นมา พูดอย่างอ่อนโยนว่า:

“น้องสี่ ให้ข้าเป็นนางกำนัลของเจ้าในวันที่เจ้าร่วมหอลงโรง สำนักเมฆแดงเป็นที่พักพิงของข้า ถึงเวลานั้นสำนักเมฆแดงก็คงไม่ถือโทษเอาความเจ้าแล้ว และข้าจะช่วยเจ้าสู้กับหญิงอื่น เจ้าจะได้ขึ้นเป็นพระชายาเซ่าตี้! เจ้าเป็นน้องสาวคนเดียวของข้า ทั้งหมดนี้ข้าก็ทำเพื่อเจ้านะ ”

เย่จายซิงยืนตะลึงในความหน้าด้านของเย่เจียหรง

พูดตามจริง ฉู่ยุ่นเอ๋อร์ที่มาเมื่อวานหน้าก็ด้านพอแล้ว เย่เจียหรงก็เช่นเดียวกัน

ยังมีหน้าพูดแบบนี้ออกมาอีก

นางรู้มาตลอดว่าเย่เจียหรงนั้นหัวสูง นางมักจะถ่ายทอดความคิดการหาคู่ให้น้องสาว โดยให้เข้าหาเฉพาะขุนนางตระกูลใหญ่ เป็นเพราะเช่นนี้ชื่อเสียงของเย่เจียหยูจึงได้ฉาวโฉ่เช่นนี้

นางได้ยินมาว่าวันที่ศาลตัดสินคดี เย่เจียหยูนั้นชื่อสียงเสียหายป่นปี้ ผู้คนต่างรุมตะโกนทำร้าย เย่เจียหรงเลยตัดขาดความเป็นพี่น้องกับเย่เจียหยูตั้งแต่วันนั้น นางพูดว่านางไม่มีน้องสาวแบบเย่เจียหยู นางได้ตัดความสัมพันธ์นั้นขาดสะบั้น

นี่เป็นสาเหตุที่เย่เจียหรงพูดว่ามีจายซิงเป็นน้องสาวคนเดียวเท่านั้น

มันช่างน่าอนาถใจจริง

ตอนนี้เย่เจียหรงไม่ซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงแล้ว นางถึงขั้นอยากจะเป็นสินสอดนางกำนัลติดตามเย่จายซิงไปด้วย

แต่เมื่อว่าไปแล้ว ในใต้หล้านี้ชายหนุ่มที่คู่ควรแต่งงานด้วย ยศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงสุดก็คือเสด็จอา ไม่แปลกที่เย่เจียหรงต้องรู้สึกเสียดาย

“เจ้าพูดจริงเหรอ เจ้าทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียน”

เย่จายซิงพูดจบ นางไม่สนใจสายตาที่ยังสงสัยของเย่เจียหรง นางโยนของขวัญทิ้งไปที่ด้านนอกประตู พูดเสียงดังว่า:

“เจ้าอยากแต่งงานกับเซ่าตี้ก็ไปถามเซ่าตี้ซิ เจ้ามาบอกข้าไม่มีประโยชน์ เขาอยากแต่งกับข้าคนเดียว เจ้าต้องทำให้เขาหวั่นใจถึงจะได้ ต่อไปเจ้าอย่ามาหาข้าอีก ข้าไม่มีพี่สาวอย่างเจ้า”

สีหน้าเย่เจียหรงนั้นซีดไปทันที นางคาดไม่ถึงว่าเย่จายซิงนั้นจะพูดเรื่องนี้ท่ามกลางผู้คน โดยไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด

“เจ้าต้องเสียใจภายหลัง! น้องสี่ เจ้าเพียงคนเดียวไม่สามารถจะสู้รบตบมือกับหญิงที่มายุ่งกับเซ่าตี้ได้แน่ ชาติกำเนิดเจ้ากับหญิงพวกนั้นช่างต่างกันมาก เจ้าคิดว่าเซ่าตี้จะแต่งกับเจ้าเพียงคนเดียวรึ? มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีชายใดจะไม่ชอบเรื่องนารี รอเจ้าแก่เฒ่าขึ้นมาก็ถึงเวลาที่เขานั้นทิ้งเจ้าไปแน่!”

นางกัดฟังส่งเสียงผ่านจิตให้เย่จายซิง นางไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาพูดอย่างเปิดเผย

เย่จายซิงเดินเข้าไปข้างใน ถ้าหญิงอื่นได้ยินสิ่งที่นางพูดอาจจะรู้สึกใจสลายได้ แต่นางก็ไม่กลัวเพราะนางเชื่อใจในตัวเสด็จอา

“น้องสี่! ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆ!”

เมื่อนางเห็นท่าทางเย็นชาของเย่เจียซิง นางก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา

“ชิ้วๆๆ ไปให้พ้น นางไม่อยากเห็นหน้าเจ้า เจ้ายังเสนอหน้าอยู่ต่อทำไม ถ้าต่อไปเจ้าจะยังมาอีก พวกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

ลั่วกูหยุนเดินขึ้นไปเอาไม้กวาดนั้นปัดกวาดไปที่ตัวนาง สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความขยะแขยง

ขนาดองค์ชายของตระกูลลั่วยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่จายซิงอย่างแน่นแฟ้น

เย่เจียหรงกัดริมฝีปากที่ซีดเซียวของนาง สายตานั้นจ้องเขม่นผู้คนแล้วเดินจากไป

หลังจากห่างจากสายตาของผู้คนแล้วนั้น เย่เจียหรงสวมหมวกขึ้นไป แล้วดึงผ้าคลุมลง สีหน้านางนั้นเคร่งเครียด สายตานั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและอารมณ์โกรธแค้น

“เกลียดชะมัด! ถ้าข้ารู้ก่อนว่าจวินหยวนคือเซ่าตี้ ข้าก็จะไม่เข้าไปสำนักเมฆแดง แต่ข้าจะตามตื๊อเขาให้ถึงที่สุด ไม่แน่ว่าเซ่าตี้ก็อาจเป็นของข้าแล้ว!”

ทั้งที่จริงแล้วตอนอยู่แคว้นหงส์แดง นางได้พบเจอจวินหยวนก่อน ส่วนเย่จายซิงนั้นได้เจอเขาหลังจากนั้นหลายปี แต่ทำไม ทำไมถึงเป็นเย่จายซิงที่เข้าตาจวินหยวน

ตอนนั้น เย่จายซิงยังเป็นหญิงหน้าตาอัปลักษณ์ ปานแดงบนใบหน้านั้นยังไม่ได้ถูกลบไป มีชายใดที่เห็นแล้วไม่บอกว่าน่าเกลียดบ้าง?

ตอนนั้นถ้านางรู้ฐานะที่แท้จริงของจวินหยวน นางต้องหาวิธีที่จะครองใจเขาอย่างแน่นอน

นางไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ความหวังสูงสุดในชีวิตคือการได้แต่งงานกับเซ่าตี้ แค่พริบตาเดียวนกกระจอกนั้นกลับกลายเป็นหงส์

โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วนางยังคว้าไว้ไม่ได้ ถูกเย่จายซิงนั้นคาบไปจนได้

หลายวันก่อนที่นางรู้เรื่องนี้ นางแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

“เหตุใดเย่จายซิงถึงได้โชคดีถึงเพียงนี้! ข้าตั้งใจจะช่วยนาง แค่นางไม่รับน้ำใจข้าไว้ก็ช่างปะไร แต่กลับทำให้ข้าอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คน!”

เย่เจียหรงนั้นกัดฟันอย่างเคียดแค้น แววตานั้นโกรธแค้นยิ่งนัก

ถ้าเย่จายซิงตายได้ก็น่าจะดี แต่ทำไมมีคนมากมายที่อยากจะฆ่านาง แต่ฆ่านางไม่ตายสักที?

“ไม่ได้ ข้าทนเห็นเย่เจียซิงอยู่เหนือกว่าข้าไม่ได้!”

แววตานางนั้นประกายความชั่วร้าย นางรีบมุ่งหน้าไปที่สำนักเมฆแดง

นางจะไปหาโจวเหม้ย ตอนนี้คนที่โจวเหม้ยเกลียดชังคือเย่จายซิง ที่ไม่แน่ว่าอาจกำลังวางแผนเล่นงานเย่จายซิงอยู่ นางจะไปช่วยโจวเหม้ยอีกแรง

“พี่สาวเจ้าคนนั้นดูท่าจะบ้า!”

ทางหอยาไป๋เป๋อ ลั่วกูหยุนพูดกับเย่จายซิง เขายี๊ปากพูดอย่างรังเกียจพร้อมถลนตาขึ้น

“ข้าชินแล้ว”

เย่จายซิงอารมณ์เรียบเฉย การมาหาเรื่องของเย่เจียหรงไม่ได้กระทบนางเลยแม้แต่นิดเดียว

“แต่ข้าเห็นแววตาที่ชั่วร้ายของนางแล้ว เหมือนนางจะมาทำร้ายเจ้า”

ลั่วกูหยุนพูดพร้อมชี้ที่ตาตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา