บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 265

องค์หญิงหลิงหยุนนั้นโมโหจนถึงขั้นสูง

ต้องเป็นเย่จายซิงแน่ที่จงใจจะต่อต้านนาง เลยให้เซ่าตี้นั้นเพิ่มราคาประมูล แย่งเพลิงพิลึกขั้นสี่ของนางไป!

นางกัดฟันพูด:

“เซ่าตี้ เย่จายซิงนั้นมีเพลิงพิลึกที่สูงกว่าขั้นสี่อยู่แล้ว แล้วเหตุใดยังมาแย่งกับผู้น้อยอย่างข้า? หรือเป็นเพราะข้าเคยต่อว่านาง? นางน่าจะเจ้าเคียดเจ้าแค้นเกินไปไหม”

นางจงใจหันไปทางห้องรับรองแล้วตะโกนพูดเสียงดังต่อหน้าผู้ประมูลทั้งสนาม

นางตั้งใจจะให้ทุกคนนั้นได้ได้ยิน ว่าเย่จายซิงแท้จริงแล้วไม่ได้ดีเลิศอย่างที่ทุกคนคิด แค่เป็นหญิงที่ใจแคบคนหนึ่ง

หญิงสาวแบบนาง จะเหมาะสมกับเซ่าตี้ผู้สูงส่งได้อย่างไร

ร่างของโม่เสิ่นยวนนั้นเริ่มมีประกายแรงอาฆาต

เย่จายซิงนั้นปรามมือของเสด็จอาไว้ ยิ้มแล้วส่ายหัวให้เขา เพื่อจะบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องโกรธ

นางหันหน้าไปทางข้างนอกแล้วค่อยๆพูดขึ้น:

“องค์หญิงหลิงหยุน ในงานประมูลนี้ใครมีเงินมากกว่า คนนั้นย่อมมีโอกาสได้ครอบครองของล้ำค่านี้ กำลังทรัพย์ของเจ้ามีจำกัด มันก็สมเหตุผลแล้ว”

“ใครใส่ร้ายเจ้ากัน!”

เย่จายซิงพูดแทงใจดำองค์หญิงหลิงหยุนเรื่องมีเงินไม่พอ นางร้อนตัวและรีบพูดขึ้น:

“สิ่งที่ข้าพูดคือเรื่องจริง ครั้งที่แล้วตอนแข่งขันนักกลั่นยา เจ้าได้ใช้เพลิงพิลึกขั้นหกที่สูงกว่าเพลิงพิลึกขั้นสี่ เจ้านั้นมีเพลิงพิลึกอยู่แล้ว ซื้อเพลิงพิลึกขั้นสี่ไปก็ไร้ประโยชน์ใด ยังมาแย่งชิงกับข้า มันไม่ใช่การจงใจกลั่นแกล้งข้ารึ?”

“ชิ”

เย่จายซิงถอนหายใจเบาแล้วค่อยๆพูดขึ้น:

“เจ้าพูดถึงเพลิงพิลึก ข่าวกรองของเจ้ามันช่างล้าหลังไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นเพลิงพิลึกขั้นหก แต่กลายเป็นเพลิงพิลึกขั้นแปดแล้ว”

นางพูดพลางปล่อยเพลิงพิลึกออกมา ให้เพลิงเทวจิ่วโยนั้นลุกโชนบนฝ่ามือนาง

ชั่วพริบตาเดียว สนามประมูลนั้นร้อนขึ้นอย่างไม่เคยมาก่อน อากาศนั้นถูกแผดเผาจนแห้งกร้าน ผู้คนต่างเหงื่อไหลไคลย้อย คนที่มีวิทยายุทธต่ำนั้นแทบจะหมดสติไป

เพลิงพิลึกขั้นสี่ที่อยู่บนมือนักประมูลนั้น เหมือนหนูที่เจอแมวที่จู่ๆหดเหลือเพียงจุดไฟเล็กๆ

เย่จายซิงรีบเก็บเพลิงพิลึกกลับเข้าไปแล้วพูดขึ้นว่า:

“เพลิงพิลึกขั้นแปดของข้าต้องการทานของว่างบ้างอะไรบ้าง พูดตามจริงเพลิงพิลึกขั้นสี่นั้นสำคัญกับเจ้ามาก แต่ในสายตาของข้ามันเป็นของว่างสำหรับเพลิงพิลึกขั้นแปดของข้า เจ้าพูดว่าข้าซื้อไปก็ไร้ประโยชน์ นั่นเป็นคำพูดที่ไร้สาระ”

สีหน้าองค์หญิงหลิงหยุนนั้นทั้งซีดทั้งขาว นางรู้สึกได้ถึงเพลิงพิลึกในตัวนางนั้นเกิดความเกรงกลัว นั่นเป็นสัญชาตญาณที่เพลิงพิลึกขั้นต่ำที่เกรงกลัวเพลิงพิลึกขั้นสูง

เย่จายซิงพูดไม่ผิด เพลิงพิลึกชั้นสูงจะกลืนกินเพลิงพิลึกที่ต่ำกว่า เหมือนดั่งการกินของว่างที่จะช่วยเสริมกำลังเพลิงให้ยิ่งใหญ่ขึ้น

เพลิงพิลึกขั้นสี่ที่นางอยากซื้อมานาน กลับเป็นเพียงของว่างเพลิงพิลึกของเย่จายซิงเท่านั้น!

เหตุผลที่เย่จายซิงพูดนั้น เกินกว่าที่องค์หญิงหลิงหยุ่นนั้นจะรับและทำใจได้

คนที่อยู่ในสนามประมูลต่างก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน

“ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ นางเป็นถึงเพลิงพิลึกขั้นแปด! แล้วระดับอาจารย์กลั่นยาขั้นแปดของนางก็ต้องเลื่อนขั้นไปด้วยแล้วซิ?”

“ไม่น่าใช่ ก่อนหน้านี้นางเป็นอาจารย์ขั้นหกอยู่แล้ว เพราะถ้าเลื่อนขั้นไปอีก ก็จะเป็นอาจารย์ขั้นเจ็ดแล้วสิ”

“อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อ่อนเยาว์เช่นนี้ นี่……นี่มันเป็นข่าวที่เขย่าขวัญซะจริง!”

“ถึงขั้นควบรวมกับเพลิงพิลึกขั้นแปดได้! เพลิงพิลึกขั้นแปดนั้นดุร้ายขนาดสวรรค์ยังรับรู้ เคยมีอาจารย์กลั่นยาที่ถูกเพลิงพิลึกนี้แผดเผานับไม่ถ้วน เย่จายซิงสามารถควบรวมเพลิงพิลึกขั้นแปดได้ ความสามารถของนางช่างแกร่งกล้าเสียจริง ”

“เย่จายซิงเก่งกาจเกินความคาดหมายของทุกคน! พรสวรรค์ของนางมันช่างน่าเกรงขามซะจริง!”

ผู้คนต่างตกตะลึงที่เย่จายซิงสามารถครอบครองเพลิงพิลึกขั้นแปดได้จนขนหัวลุกไปหมด

ผู้คนต่างรู้ดีว่าเย่จายซิงเป็นอาจารย์กลั่นยาที่เก่งที่สุดในเฉินตู แต่สิ่งที่พวกเขาเพิ่งรู้คือ นางไม่เพียงแต่ชนะคนในรุ่นเท่านั้น แต่ความสามารถยังล้ำหน้าอาจารย์กลั่นยาอาวุโสไปแล้วด้วย

ถ้านางเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริง นางก็จะเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์แผ่นดินใหญ่นี้

ดวงตาคู่นั้นขององค์หญิงหลิงหยุนจ้องอย่างถมึงทึง เพลิงพิลึกขั้นสี่ถูกเซ่าตี้และเย่จายซิงประมูลไปต่อหน้าต่อตา โดยนางไร้ความสามารถที่จะขวางกั้น คำพูดแม้แต่คำเดียวก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา