เย่จายซิงเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้
หลังจากอ่านตั้งแต่ต้นจนจบไปหนึ่งรอบก็เริ่มอ่านอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ
นางปิดหนังสือลง และขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม
คำสาป เป็นวิชาอันชั่วร้ายมากระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ มันถูกต้องห้ามใช้มานานหลายหมื่นปีแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีการสืบทอดวิธีการใช้มาตั้งนานแล้ว
หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงการแนะนำวิชาคำสาปเบื้องต้น เพื่อให้คนที่อ่านได้เข้าใจอย่างคร่าวๆ เท่านั้น
สำหรับนางแล้ว ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดก็คือ ผู้ที่ลงคำสาป จะต้องใช้หยดเลือดของคนคนนั้น หรือสิ่งของที่สำคัญกว่าหยดเลือด จึงจะลงคำสาปนั้นได้สำเร็จ
ความต้องการนี้มันโหดร้ายมาก มันไม่ใช่แค่ใช้เพียงเส้นผมหรือแผ่นหนังก็ลงคำสาปได้
ดังนั้นอย่างน้อยนางก็รู้แล้วว่าคนที่ลงคำสาปนางจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากแน่นอน ไม่งั้นคงไม่มีทางได้หยดเลือดของนางไป
บางทีแค่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ก็อาจจะหาคนที่ลงคำสาปนางเจอก็ได้นะ
นางหยิบดาบออกมา คลำตัวอักษรที่อยู่บนดาบนั้น
นางชอบดาบเล่มนี้มาก ชอบจากก้นบึ้งของหัวใจ
เหมือนกับว่ามีคนสำคัญมอบให้นางไว้ แต่แค่ตอนที่นางใช้ยังไม่คุ้นมือมากนัก อาจเป็นเพราะพึ่งได้รับมาไม่นานมานี้
ผู้อาวุโสจูผู้นั้นตกใจที่เห็นดาบของนางเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ต่อมานางถามกับซินเสียนว่า อาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธขั้นสูงมาก ถ้าสูงไปกว่านั้นจะเรียกว่าอาวุธกึ่งเทพและอาวุธเทพ
แผ่นดินหลิงเซียวเป็นแผ่นดินใหญ่ชั้นสูง แต่อาจารย์ด้านอาวุธศักดิ์สิทธิ์มีน้อยมาก
สามารถสลักอักษรลงบนอาวุธเทพได้แบบนี้ ต้องเป็นคนที่ตีดาบเล่มนี้เองแน่นอน หรือไม่ก็เป็นเจ้าของดาบเล่มนี้ วันนี้ตอนที่นางหยิบดาบขึ้นมา ยังไม่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ แต่หลังจากที่ฆ่าผู้อาวุโสจูและคนอื่นๆ แล้ว คราบเลือดเหล่านั้นก็ทำให้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของขึ้นมา
“แต่ว่า ซินเสียนบอกว่า บรรดาอาจารย์อาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครชื่อ ‘ยวน’ เลย และอายุของพวกเขาก็เยอะมากแล้วด้วย บางคนเป็นปู่ของปู่ข้าได้เลยนะ”
เย่จายซิงเอามือเท้าคาง รู้สึกว่าทุกอย่างช่างดูคลุมเครือไปหมด ไม่รู้ว่าทำไมถึงข้ามผ่านหมอกนี้ไปไม่ได้
“หรือว่าคนนั้นจะวานให้อาจารย์อาวุธศักดิ์สิทธิ์ช่วยแกะสลักให้อีกที?”
แค่คิด นางก็รีบส่ายหัวปฏิเสธความคิดของตัวเองแล้ว “ไม่สิไม่สิ อักษรบนผ้าเช็ดหน้ากับบนดาบเหมือนกันเลย ต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ”
พอเริ่มคิดก็ปวดหัวขึ้นมา นางไม่กล้าคิดต่ออีก ไม่งั้นอาจจะถึงขั้นเป็นลมได้
“ช่างเหอะ ข้าควรทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของแผ่นดินใหญ่นี้ก่อนดีกว่า”
คิดไปคิดมา เย่จายซิงก็เอาวิญญาณของผู้อาวุโสจูที่อยู่ในแหวนจัดเก็บออกมา
วิญญาณนั้นโดนหัวหน้าสะกดไว้ขั้นหนึ่งแล้ว กลายเป็นลูกบอลใสขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ก็ยังมองเห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของผู้อาวุโสจูอยู่ในนั้น
เย่จายซิงวางมือบนหัวของผู้อาวุโสจูอย่างไม่รู้ตัว ทันทีที่ร่างกายกำลังถ่ายเทวิทยายุทธอยู่นั้น จู่ๆ นางก็ “เห็น” ชีวิตของผู้อาวุโสจู!
ไม่ได้สนใจกับเสียงร้องโหยหวนของผู้อาวุโสจู แววตาเย่จายซิงเป็นประกาย ราวกับได้ค้นพบแผ่นดินใหญ่ผืนใหม่
นางสามารถค้นหาวิญญาณของผู้อาวุโสจูได้จริงๆ
ผู้อาวุโสจู อายุมากกว่าร้อยปี ตลอดชีวิตทำแต่เรื่องชั่วร้าย
เขาเป็นท่านอาวุโสฝ่ายนอกของสำนักเสวียนปิง อย่างที่เขาบอก สำนักเสวียนปิงเป็นสำนักที่ใหญ่มากจริงๆ จัดอยู่ในอันดับที่สามสิบของแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด
สถานที่สำนักเสวียนปิงอยู่นั้นเรียกว่า เซียนเหอ ใช่ เซียนเหอเป็นชื่อสถานที่
ใจกลางของแผ่นดินใหญ่ ที่นั่นมีแม่น้ำสายยาวมากอยู่สายหนึ่ง แม่น้ำนั้นเต็มไปด้วยพลังชี่ ที่นั่นให้กำเนิดผู้มีความสามารถขึ้นมากมาย พื้นที่แถบนั้นเรียกว่า เซียนเหอ
เซียนเหอยังมีสำนักใหญ่ๆ และตระกูลใหญ่ๆ อีกมากมาย ในสายตาของคน คนหนานโจวที่มีต่อสำนักเสวียนปิงดูภายนอกแต่แข็งแกร่ง แต่จริงๆ ภายในนั้นอ่อนแอมาก แต่ในเซียนเหอก็มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันอยู่ นับว่าอยู่ในระดับกลางเท่านั้น
เช่นเผ่าหงส์ ตระกูลป๋ายหลี่เป็นต้น ล้วนแต่เป็นมหาอำนาจของ
เซียนเหอ ที่สืบทอดมานานหลายหมื่นปี เรื่องราวส่วนใหญ่ก็เทียบกับสำนักเสวียนปิงไม่ได้
ในหนึ่งสำนักจะมีทั้งอาวุโสฝ่ายในและอาวุโสฝ่ายนอก จริงๆ แล้ว ผู้อาวุโสจู ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรในสำนักเสวียนปิง หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหนึ่งในอาวุโสฝ่ายในเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาเองก็คงไม่ได้เป็นอาวุโสฝ่ายนอกได้
ชั่วชีวิตของเขาจะว่าไปก็ทำเรื่องชั่วร้ายมาเยอะ ไม่รู้ว่าจะมีหญิงสาวสักกี่คนที่ตายด้วยฝีมือเขา เขาชอบทำตัวประจบสอพลอ ได้ผู้หญิงมา พอตัวเองเล่นจนเบื่อก็จะยกผู้หญิงเหล่านั้นส่งต่อให้คนอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...