บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 350

หลังจากที่ทุกคนเห็นเย่จายซิงเลือกวัตถุดิบกลั่นโอสถกลับไปกองใหญ่ด้วยความสบายใจนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้าออกมา

หาได้มีผู้ใดมองการคัดเลือกสมุนไพรของเย่จายซิงอย่างละเอียดไม่ เนื่องจากผู้คนต่างพากันตัดสินนางไปแล้วว่า นางต้องการเป็นที่สนใจของผู้คนเท่านั้น

ทั้งยังคิดว่านางไม่อาจกลั่นโอสถที่มีคุณภาพดีออกมาได้แน่

ทว่า แม้ว่านางจะมีหน้าตาที่งดงามมากเพียงใด ไม่ว่าจะมุมไหน ด้านไหนของนาง ล้วนแต่ทำให้ผู้คนจับจ้องมองนางได้ไม่เลิก

บางที่หานางไม่เสแสร้งทำเช่นนี้ นางอาจจะได้รับการยอมรับมากกว่านี้ก็เป็นได้

มีปรมาจารย์กลั่นยาบางคนเริ่มลงมือกลั่นยาแล้ว

หลังจากที่เย่จายซิงจัดเรียงสมุนไพรเสร็จแล้วนั้น ในมือพลันส่งลูกไฟดวงหนึ่งเข้าไปในเตากลั่นโอสถของนางในทันที

เพียงแค่การปรากฎตัวของเพลิงพิลึกขึ้นมา ผู้คนพลันสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุได้ในทันที

ชายชราที่พึ่งนั่งลงไปเมื่อครู่นั้น พลันอุทานออกมาด้วยตกตะลึง “เพลิงพิลึกขั้นแปด!”

“อะไรนะ ?!”

“เพลิงพิลึกขั้นแปด!”

“นางสามารถผสานพลังกับเพลิงพิลึกขั้นแปดได้ด้วย! น่ากลัวเสียจริง!”

“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

หลังจากที่ได้ยินชายชราอุทานออกมาเช่นนั้น ผู้คนที่รอรับชมอยู่พลันตกตะลึงไปในทันที แม่นางอายุน้อยผู้นี้ สามารถผสานพลังกับเพลิงพิลึกขั้นแปดได้ ภายในใต้หล้า มีเหล่าปรมาจารย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถมีเพลิงพิลึกขั้นแปดไว้ครอบครอง

แต่การผสานพลังเข้ากับเพลิงพิลึกเป็นเรื่องที่ยากมากกว่า ยิ่งขั้นสูงมากเท่าใด ยิ่งต้องใช้พลังในการควบคุมยากมากเท่านั้น

การที่นางสามารถควบคุมเพลิงพิลึกได้เช่นนี้ นับว่ามีพลังจิตใจที่แข็งแกร่ง และหารที่มีพลังจิตใจที่แข็งแกร่งนั้น นั่นหมายความว่าพลังในการกลั่นโอสถของนางจะไม่มีทางอ่อนแอลง

มีคนกล่าวขึ้นมาว่า

“บางทีนางอาจจะเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริง ๆ ก็ได้ นางมีเพลิงพิลึกขั้นแปดครอบครองเชียว!”

“เป็นไปไม่ได้!” จู่ ๆ ก็มีคนตอบโต้สวนขึ้นมา “แม้นางจะเก่งกาจเพียงใด อย่างมากก็คงเป็นปรมาจารย์ขั้นห้าหกเท่านั้น พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าปรมาจารย์ขั้นเจ็ดนั้นเลื่อนขั้นยากเพียงใด ความแตกต่างระหว่างชั้นของหกและเจ็ดนั้น ต่างกันราวกับฟ้าและเหวเลยทีเดียว!”

“ใช่ แม้ว่าเย่จายซิงจะมีอายุเท่านี้ แต่นางกลับมีศักยาภาพมากมายยิ่งนัก ”

“แม้ว่านางจะมีความสามารถมากมายเพียงใด บางทีหากปีหน้านางงเข้าร่วมการประลองอาจจะติดหนึ่งในสามอันดับก็เป็นได้ สามอันดับในปีนี้นั้น อย่างไรนางก็คงไม่เข้ารอบ”

ยามที่ผู้คนกำลังตกอยู่ในอาการตกตะลึงอยู่นั้น ผู้คนก็ยังมิได้คาดหวังอะไรกับเย่จายซิงไปมากนัก ด้วยเพราะนางมีอายุมิได้มาก หากนางอยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคงมากกว่านี้ บางทีความสามารถของนางอาจจะฉายแววออกมาก็เป็นได้

หลังจากเวลาผ่านไปได้สองชั่วยามนั้น ผู้คนราวกับโดนตบหน้าไปฉากใหญ่ในทันที

กลิ่นหอมของโอสถที่ลอยออกมานั้น กลับเป็นเตากลั่นโอสถสีม่วงของเย่จายซิงที่ส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นคนแรก ยามที่ปรมาจารย์กลั่นยาท่านอื่นกำลังกลั่นยากันอยู่นั้น เย่จายซิงกลับเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการกลั่นโอสถเสียแล้ว

เปรี๊ยะ!

เสียงดังสนั่นราบสายฟ้าแลบ พลันผ่าเข้าไปในสติของผู้ชมที่อยู่โยรอบในทันที

“เป็นทัณฑ์โอสถ!”

“โอสถขั้นหกขึ้นไปถึงจะเกิดทัณฑ์โอสถ !”

“อย่างน้อยนางน่าจะเป็นปรมาจารย์กลั่นยาขั้นหกกระมัง”

“เหตุใดนางใช้เวลากลั่นยาได้รวดเร็วปานนี้ เมื่อครู่นางลงมือรวดเร็วเสียจนข้าไม่อาจมองได้ทันเลย”

เมฆลายสายฟ้าฟาดพลันพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ทัณฑ์โอสถพลันโหมกระหน่ำโจมตีมายังเตากลั่นโอสถสีม่วงในทันที เตากลั่นโอสถในยามนี้ราวกับว่ากำลังถูกโจมตีก็ไม่ปาน ลวดลายของมันพลันส่องประกายแสงออกมาในทันที

ไม่นานนัก ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เย่จายซิงจึงค่อย ๆ เปิดฝาเตากลั่นโอสถออกมา จิตสำนึกของผู้คนพลันรีบเข้าไปดูในทันที พลันเห็นเป็นเพียงเม็ดยาโอสถสีม่วงเข้มวางอยู่ในเตากลั่นโอสถมากถึงแปดเม็ด

“สีม่วง โอสถขั้นเจ็ด!”

“สามารถกลั่นโอสถขั้นเจ็ดออกมาได้ในคราวเดียว โหนางเก่งกาจยิ่งนัก!”

พวกเราทุกคนดูเบานางเกินไป นางเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริงๆ “!”

“อะไรนะ! อายุสิบเจ็ดเป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดแล้ว? ทั่วทั้งแผ่นดินหลิงเซียวของเราคงพบเจอนางได้เพียงคนเดียวกระมัง!”

“ใช่! นับว่าเป็นการทุบสถิติเชียว! อายุสิบเจ็ดเป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดได้ นับแต่นี้เป็นตันไป คงมมีเช่นนี้อีกแล้ว!”

พิธีการชรารีบเดินเข้าไปในทันที เขาใช้มือเดียวในการหยิบเม็ดโอสถขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยความตกตะลึงว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา