บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 42

เย่เจียหยูเกือบจะทรุดตัวลง

พออ๋องเซ่อเจิ้งออกเสียงเท่านั้น ความหวังต่างๆ นานา อะไรก็ตามของนางล้วนไม่มีแล้ว

นางเย่จายซิงกัดฟันขบกรามด้วยความเกลียดชัง ดวงตาแดงก่ำ จิตใจที่อยากจะกลืนกินเย่จายซิงก็ปรากฏขึ้น

นางจะกล้าแย่งชิงกับอ๋องเซ่อเจิ้งได้อย่างไร ที่แคว้นหงส์แดงอำนาจของอ๋องเซ่อเจิ้งครอบคลุมไปหมด แม้แต่ฮ่องเต้พระนครยังต้องหลบหลีกไม่ปะทะ

นางได้เพียงแค่กล้ำกลืนฝืนทน รอกลับถึงจวนแม่ทัพ เย่จายซิงจะต้องได้เห็นดีกัน ทำให้นางรู้ว่าเป็นศัตรูกับนางแล้วจะมีจุดจบอย่างไร

แววตาของเซี่ยซือห้าวแฝงไปด้วยแสงแห่งความมีเคียดแค้น แต่เขาก็ขี้ขลาด ไม่กล้าจะเพิ่มราคาประมูลอีก

เมื่อครู่ได้ล่วงเกินอ๋องเซ่อเจิ้งไป 2ครั้งแล้ว หากครั้งนี้ล่วงเกินอีก เขาคิดว่าชีวิตของเขาน่าจะไม่ยืดยาวเป็นแน่

แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้มันผ่านเลยไป เขาเอาความเคียดแค้นที่มีทั้งหมดย้ายไปไว้บนตัวของเย่จายซิง หากไม่ใช่เพราะเย่จายซิง เขาก็จะไม่พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าเสียจริง

เขาเชื่อว่าเพราะว่าเย่จายซิงไม่ได้ตัวเขา ดังนั้นก็เลยคิดอยากจะแก้แค้นเขา ต้องรอให้อ๋องเซ่อเจิ้งรังเกียจนาง เขาค่อยสั่งสอนคนอัปลักษณ์คนนี้อย่างโหดเหี้ยม ทำให้นางอยู่อย่างตายทั้งเป็น

“น้องหยู ขอโทษ ข้าจะคิดหาวิธีเอาเพลิงพิลึกอันอื่นมาให้เจ้าให้จงได้ ทำให้เจ้ากลายเป็นอาจารย์กลั่นยาผู้มีพรสวรรค์ที่อายุน้อยที่สุด ครั้งนี้......”

เขามองไปยังเย่เจียหยู เสียหน้าต่อหน้าหญิงอันเป็นที่รัก เขาค่อนข้างวางตัวลำบากไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าพระยา น้องหยูจะโทษท่านได้อย่างไร เรื่องนี้จะให้โทษก็โทษน้องสี่ที่จงใจจะต่อต้านข้า ทำให้ข้าไม่มีทางหนีทีไล่ อาจจะเป็นเพราะว่านางอิจฉาในพรสวรรค์กลั่นยาของข้า แต่นางยังไงก็เป็นน้องของข้า ข้าไม่อยากโทษนาง ก็ให้คิดซะว่าเป็นข้าเองที่ไม่มีวาสนากับเพลิงพิลึกอันบริสุทธิ์นี้เอง”

ใบหน้าของเย่เจียหยูดูสิ้นหวัง แต่ก็ยังคงตั้งสติขึ้นมาเพื่อยิ้มอย่างอ่อนโยนปรากฏให้เซี่ยซือห้าวได้เห็น ยิ้มอย่างฝืนใจมาก มันช่างทำให้คนเห็นใจอย่างที่สุดแบบไร้ซึ่งเหตุผลใด

หญิงที่มีเมตตาเช่นนี้กลับได้รับการตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ มีน้องที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอย่างเย่จายซิงเช่นนั้นช่างน่าเศร้าจริงๆ

เสียงของนางไม่ดัง มีเพียงคนที่อยู่รอบข้างที่จะได้ยิน แต่นี่ก็ไม่ได้จะปิดกั้นไม่ให้ผู้คนรู้สึกสงสารนาง

คนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเย่เจียหยูเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการกลั่นยา เป็นรองก็แค่องค์หญิงหลิงหยุนเท่านั้น กากสามารถหลอมรวมเพลิงพิลึกได้พละกำลังจะต้องก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นเป็นแน่

แต่ก็เพราะว่าเย่จายซิง จึงทำให้ต้องคาดจากเพลิงพิลึก ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงจะโมโหโทโสไปนานแล้ว นางยังเมตตาอ่อนโยนถึงเพียงนี้ เห็นนางยิ้มอย่างฝืนใจคนไม่น้อยก็รู้สึกไม่เป็นธรรมสำหรับนางเลย

ผู้คนยิ่งรังเกียจเย่จายซิงมากขึ้นอีก ต่างพากันคิดว่านางก็คือคนชั้นต่ำที่ยืมมือคนอื่นมากดขี่คนอื่น

ในห้องรับรองเย่จายซิงไม่สนใจว่าคนข้างนอกจะมองนางยังไง พอนางเห็นว่านักประมูลทุบค้อนดังสามครั้งแล้วกล่าวว่าเพลิงพิลึกขั้นห้าเป็นของนาง จากนั้นมุมปากของนางก็ค่อยๆ ฉีกออก

นางไม่ลืมจวินหยวนที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน หากไม่ใช่เขา นางก็คงจะไม่ได้เพลิงพิลึกนี้มาครอบครองเป็นแน่

“เสด็จอา ขอบพระทัยมากที่ท่านช่วยข้าประมูลเพลิงพิลึกอันบริสุทธิ์ข้าจะหาเงินมาคืนให้กับท่านโดยเร็ว”

สี่พันตำลึง ยังไงนางก็มีไม่พอแน่

เพียงแต่มีส่วนแบ่งของยาที่อยู่ทางลั่วกูหยุนด้านนั้น แล้วบวกกับเดี๋ยวนางจะไปขายยาที่ตลาดมืด นางเชื่อว่าอีกไม่นานก็จะชำระเงินคืนจวินหยวนได้หมดอย่างแน่นอน

“น้องซิงสามารถเอาร่างกายชำระหนี้ก็ได้”

จวินหยวนกล่าวด้วยเสียงจืดชืด

ถุย!

น้ำที่นางเพิ่งจะดื่มเข้าไปพุ่งออกมาหมดเลย

น้องเจ้าสิจะเอาร่างชำระหนี้!

ชายผู้นี้มีแต่เรื่องอะไรไร้สาระเต็มหัวสมองของเขาไปหมด

นางมองไปทางจวินหยวนอย่างระแวดระวัง

จวินหยวนหัวเราะอย่างจืดชืด ตาเป็นประกายดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดคราบน้ำที่กระเด็นอยู่ที่มุมปากของนางอย่างอ่อนโยน บนร่างของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นชายหนุ่มลอยเข้าไปในจมูกของนาง ผสมผสานกับลมหายใจ ทำให้นางใจเต้นเร็วขึ้น ราวกับจอมมารที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนกำลังชักใยแห่งความลุ่มหลงออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา