จวินหยวนดื่มน้ำค้างดอกไม้ทิพย์ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ลมหายใจของเขาราบรื่นเท่านั้น แต่เขาทำให้เขาไอมากขึ้นอีก
เย่จายซิงตกใจเมื่อเห็นดังนั้น และรู้สึกเหมือนกับว่าปอดของเขากำลังจะหลุดออกมา นางเห็นเขายกมือขึ้นเพื่อปิดสีแดงที่มุมปาก
เขากระอักเลือด
“เสด็จอา”
นางรีบเอาผ้าเช็ดหน้าให้เขา แล้วตรวจชีพจรให้เขา
“ข้าไม่เป็นไร น้องซิงไม่ต้องเป็นห่วง”
จวินหยวนโบกมือ แต่แทนที่จะปล่อยให้นางตรวจชีพจร เขากลับจับมือนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้การที่ร่างกายของน้องซิงมีกลิ่นหอมมากขนาดนี้เพราะดื่มน้ำค้างดอกไม้ทิพย์นี่เอง ถ้าข้าดื่มมันทุกวัน ข้าจะมีกลิ่นหอมเหมือนเจ้าหรือไม่?”
นางหลุดขำ “เจ้าเป็นผู้ชาย จะให้ร่างกายหอมไปทำไม กลิ่นหอมของน้ำค้างดอกไม้ทิพย์นี้มีประโยชน์สำหรับผู้หญิงเท่านั้น อย่าเปลี่ยนเรื่อง บอกข้ามา ตอนนี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นไร ข้าเคยบาดเจ็บสาหัสมากกว่านี้ ตอนนี้ข้ายังรู้สึกสบายดี ในอนาคตข้างหน้าข้าจะต้องแต่งงานกับน้องซิง ถ้าเกิดกลายเป็นคนขี้โรค ข้าจะให้ความสุขกับน้องซิงได้อย่างไร”
ความสุข? เขาหมายถึงจุดสุดยอดกระมัง
เย่จายซิงรีบเอ่ย
“เสด็จอา ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้ว่าเจ้าก็มีช่วงเวลาที่ปากลามกแบบนี้กับเขาด้วย ช่างไม่เห็นแก่หน้าตาตัวเองเลย”
นางยืนขึ้นและพูดว่า
“เจ้ากระอักเลือด อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นตอนเจ้ากลืนเข้าไป เจ้าไม่ต้องซ่อน เจ้าควรจะรู้ว่าข้าเป็นนักกลั่นยา และข้าสามารถกลั่นยารักษาเจ้าได้ อายุขัยที่เจ้าสูญเสียไป พอข้ากลายเป็นนักกลั่นยาระดับเทพ ข้าก็จะสามารถกลั่นยาเซียนช่วยเจ้าซื้ออายุขัยได้”
“ข้าย่อมรู้ว่าน้องซิงนั้นต่างจากคนอื่น ข้าจะรอเจ้ากลั่นยาเซียนให้ข้า ตอนนี้ข้าแค่เลือดลมพลุ่งพล่านเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ตวรชีพจรข้าได้”
จวินหยวนยื่นมือออกไป
เย่จายซิงรับตรวจชีพจรให้เขาทันที และพบว่าเป็นอย่างที่เขาพูด อีกอย่างอาการบาดเจ็บของเขาก็หายไปไม่น้อย
เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็สบายใจแล้วกล่าวว่า
“หลังจากกลับไป ข้าจะดูแลร่างกายของเจ้าอย่างดี จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนเวลาฝึกตนมาถึง”
จวินหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า
“ได้”
ใบหน้าคมของเขามีความงามที่เกิดจากความอ่อนล้าและซีดเผือดแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
เย่จายซิงรู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าความงามนั้นทำให้คนเข้าใจผิดจริงๆ
“ประตูเมืองเปิดหรือยัง?”
จวินหยวนรีบถามออกมาทันที
“เปิดแล้ว แต่อย่าเพิ่งรีบกลับเลย รอรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนค่อยขยับตัว” นางกล่าว
“เมืองซางหยูจะอยู่นานไม่ได้ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งทิ้งเบาะแสเอาไว้มากเท่านั้น ร่างกายข้าปกติดี จะไม่ส่งผลต่อการเดินทาง ถ้าน้องซิงเป็นห่วงจริงๆ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่นครจิงเหลยที่นั่นมีค่ายกลขนส่งไปเมืองหลวงได้”
เขาหยิบแผนที่อาณาจักรเทียนหย้าออกมา ชี้ไปที่แคว้นหงส์แดง และบอกตำแหน่งของนครจิงเหลยกับนาง
อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซางหยู ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งวัน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปนครจิงเหลยกันเถอะ”
ทั้งสองปลอมตัวแล้วออกจากเมืองไป ไม่ได้นั่งกิเลนออกมา เพราะมันเด่นเกินไป พวกเขาขึ้นเรือวิญญาณแล้วบินไปนครจิงเหลยพร้อมกับกลุ่มคน
เรือวิญญาณเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปใลก แบ่งออกเป็นสามประเภทคือใหญ่ กลาง และเล็ก ยิ่งเรือเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งบินได้เร็ว รับผู้โดยสารได้น้อยและแพงที่สุด คนทั่วไปส่วนใหญ่ซื้อไม่ได้
แต่เมื่อหมื่นปีก่อน การเดินทางในโลกฝึกตนนั้นสะดวกมาก เพราะมีค่ายกลขนส่ง
ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วัสดุที่สำคัญที่สุดในการสร้างค่ายกลที่เรียกว่าสารโชนเพลิงได้หายไปในเมืองเทียนเหย้า เมื่อไม่มีสารโชนเพลิง ค่ายกลขนส่งก็สร้างไม่ได้ และไม่สามารถซ่อมแซมค่ายกลเดิมได้
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปค่ายกลขนส่งในอาณาจักรต่างๆ ก็เริ่มลดน้อยลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...