ครั้นออกจากมิติ เย่จายซิงกระปรี้กระเปร่าเต็มสูบ
แม้จะไม่ได้นอน แต่พลังวิญญาณสามารถขจัดความเมื่อยล้าได้ ตอนนี้นางรู้สึกสดชื่นกว่ายามไหนๆ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ตัวอักษรเล็กๆ ที่สลักอยู่บนกำแพงนางมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เป็นเพียงข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ของการบำเพ็ญตบะเท่านั้น นางรับรู้ได้ถึงพลังที่สะสมอยู่ทั่วร่างกาย นั่นก็คือพลังวิญญาณ ด้วยพลังของนางในยามนี้ สามารถสังหารสัตว์อสูรขั้นสามได้ด้วยหมัดเดียว
ไม่มีอะไรตกถึงท้องหลายวัน นางเริ่มหิวขึ้นมาแล้ว ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ให้ไป๋จู๋วหวีเผ้าผมให้ ก่อนจะเดินลงไปทานสำรับเช้าด้านล่าง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าตายแล้วหรือ?!”
นางเพิ่งนั่งลง ด้านหลังก็มีเสียงร้องอุทานแหลมสูงดังขึ้นมา
เย่จายซิงหันไปมอง เห็นองค์หญิงฉายเวยกับเหยียนฮั๋วกวงสองคนเดินลงมาจากชั้นบน
คนที่ส่งเสียงร้องตกใจก็คือองค์หญิงฉายเวย แน่นอนว่าสีหน้าของเหยียนฮั๋วกวงก็เต็มไปด้วยความตะลึงลานเช่นกัน ทุกคนนึกว่านางกับอ๋องเซ่อเจิ้งสิ้นใจอยู่ในปากอสูรปีศาจที่เทือกเขาอัสดงไปแล้ว ไหนเลยจะคิดว่านางกลับมาที่เมืองหลวง!
เมื่อวานตอนเหยียนเฟิงส่งเย่จายซิงกลับมา ไม่มีใครเห็น
“ท่านแช่งคุณหนูของข้าด้วยเหตุใด? ก็ข้าพูดแต่แรกแล้ว ว่าคุณหนูของข้าโชคดีดวงแข็ง รวมถึงมีการคุ้มกันจากอ๋องเซ่อเจิ้งด้วย เลยไม่เกิดเรื่องขึ้น!”
ไป๋จู๋วพูดอยู่ข้างๆ อย่างไม่พอใจ
“หุบปาก สาวใช้เช่นเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาโวยวายเสียงดังใส่องค์หญิงท่าน!”
เหยียนฮั๋วกวงตวาดลั่น
เหว้ยไฉเวยหน้าเคร่งขรึม นางตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เผลอลืมตัวพูดไป ทว่าสาวใช้คนนี้ก็ไม่ควรตำหนินางอย่างไม่เคารพแบบนี้เช่นกัน
นางเดินเข้าหา มองเย่จายซิง :
“ขออภัย เมื่อครู่ข้าแค่ตกใจเกินไปเท่านั้น ไม่ได้จะแช่งเจ้าแม้แต่น้อย เจ้าอบรมสาวใช้ของเจ้าให้ดีๆ หน่อย วันนี้ข้าจะไม่เอาความกับนาง แต่หากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่”
เย่จายซิงหัวเราะเยาะ : “สาวใช้ของข้าพูดอะไรผิด? แล้วมีคำไหนที่ทำให้ท่านเคืองใจ? คนเหมือนกันทั้งนั้น ท่านพลั้งพูดได้ จะไม่ยอมให้ผู้อื่นคัดค้านท่านเลยหรือ? ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของตระกูลเหว้ยพวกท่านเท่านั้นหรือ?”
นางดูแววความชิงชังในสายตาของเหว้ยไฉเวยที่มีต่อตนไม่พลาดแน่ คิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดเหว้ยไฉเวยถึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพียงนี้ ตอนพบกันครั้งแรก นางยังคิดว่าเหว้ยไฉเวยนั้นดีใช้ได้ทีเดียว แม้ไม่คิดจะจับคู่น้องชายกับนาง แต่ก็เคยคิดว่าเขาทั้งสองสามารถกลายเป็นคู่ครองได้ในอนาคต
อ๋อ นางคิดออกแล้ว เหว้ยไฉเวยคงคิดว่านางทำร้ายเสี่ยวยู่ ใช้เสี่ยวยู่มาประลองกับเหยียนฮั๋วกวง
ตาบอดหรือ? นางดีกับเสี่ยวยู่ถึงเพียงนั้น จะทำร้ายเข้าได้อย่างไร?
“เจ้า…”
สีหน้าเหว้ยไฉเวยทั้งเขียวทั้งแดง ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับนางเช่นนี้มาก่อน นางรู้มารยาทพอควรแล้ว ทั้งยังขอโทษเย่จายซิงแล้วด้วย แต่เย่จายซิงกลับต่อว่านางเช่นนี้
สาวใช้คนใดกระด้างกระเดื่องใส่นาง หากนี่เป็นที่แคว้นทะเลหยก คงถูกลากออกไปโบยแล้ว
“มีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้วก็หลีกทางเถิด ข้าจะรับสำรับมื้อเช้าแล้ว”
เย่จายซิงคร้านจะพูดมากกับนาง
เหว้ยไฉเวยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม สีหน้าดูไม่ได้ นางมีสถานะเป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ที่ได้รับความรักใคร่อย่างท่วมท้น เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เมื่อไรกัน
“เย่จายซิง เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าไร้มารยาทกับองค์หญิงท่านเช่นนี้เชียวหรือ ช่างไม่เจียมตัวส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองเอาเสียเลย อัปลักษณ์เช่นเจ้า องค์หญิงพูดกับเจ้าล้วนเป็นเกียรติเป็นศรีแก่เจ้าแล้ว!”
เหยียนฮั๋วกวงด่าทอเกรี้ยวกราด
ฉึ่บ!
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบ ชี่กระบี่กรายพุ่งมา ผมบนหัวของเหยียนฮั๋วกวงถูกเฉือนจนเรียบเตียน ผมกระจุกใหญ่ร่วงหล่นลงบนพื้น
“บังอาจไร้มารยาทกับพระชายา เหยียนฮั๋วกวง เจ้าควรปลาบปลื้มที่เจ้าจะได้ไปประลองกับน้องชายของพระชายาในไม่ช้า มิเช่นนั้นที่ร่วงลงไปจะไม่ใช่ผมของเจ้า แต่จะเป็นหัวของเจ้าแทน!”
เหยียนเฟิงเยื้องกรายออกมาจากมุมมืด เอ่ยกับเหยียนฮั๋วกวงเสียงยะเยือก ไอสังหารบนร่างแผ่เย็นวาบ
เหยียนฮั๋วกวงขนลุกซู่ไปทั้งร่าง ไม่กล้าขยับเลยสักแอ๊ะ ตื่นกลัวจนหน้าขาวซีด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...