บทที่ 98 เขาไม่คู่ควร – ตอนที่ต้องอ่านของ บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
ตอนนี้ของ บัลลังก์ชายาหมอเทวดา โดย หยูนเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 98 เขาไม่คู่ควร จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ครั้นออกจากมิติ เย่จายซิงกระปรี้กระเปร่าเต็มสูบ
แม้จะไม่ได้นอน แต่พลังวิญญาณสามารถขจัดความเมื่อยล้าได้ ตอนนี้นางรู้สึกสดชื่นกว่ายามไหนๆ เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ตัวอักษรเล็กๆ ที่สลักอยู่บนกำแพงนางมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เป็นเพียงข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ของการบำเพ็ญตบะเท่านั้น นางรับรู้ได้ถึงพลังที่สะสมอยู่ทั่วร่างกาย นั่นก็คือพลังวิญญาณ ด้วยพลังของนางในยามนี้ สามารถสังหารสัตว์อสูรขั้นสามได้ด้วยหมัดเดียว
ไม่มีอะไรตกถึงท้องหลายวัน นางเริ่มหิวขึ้นมาแล้ว ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ให้ไป๋จู๋วหวีเผ้าผมให้ ก่อนจะเดินลงไปทานสำรับเช้าด้านล่าง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าตายแล้วหรือ?!”
นางเพิ่งนั่งลง ด้านหลังก็มีเสียงร้องอุทานแหลมสูงดังขึ้นมา
เย่จายซิงหันไปมอง เห็นองค์หญิงฉายเวยกับเหยียนฮั๋วกวงสองคนเดินลงมาจากชั้นบน
คนที่ส่งเสียงร้องตกใจก็คือองค์หญิงฉายเวย แน่นอนว่าสีหน้าของเหยียนฮั๋วกวงก็เต็มไปด้วยความตะลึงลานเช่นกัน ทุกคนนึกว่านางกับอ๋องเซ่อเจิ้งสิ้นใจอยู่ในปากอสูรปีศาจที่เทือกเขาอัสดงไปแล้ว ไหนเลยจะคิดว่านางกลับมาที่เมืองหลวง!
เมื่อวานตอนเหยียนเฟิงส่งเย่จายซิงกลับมา ไม่มีใครเห็น
“ท่านแช่งคุณหนูของข้าด้วยเหตุใด? ก็ข้าพูดแต่แรกแล้ว ว่าคุณหนูของข้าโชคดีดวงแข็ง รวมถึงมีการคุ้มกันจากอ๋องเซ่อเจิ้งด้วย เลยไม่เกิดเรื่องขึ้น!”
ไป๋จู๋วพูดอยู่ข้างๆ อย่างไม่พอใจ
“หุบปาก สาวใช้เช่นเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาโวยวายเสียงดังใส่องค์หญิงท่าน!”
เหยียนฮั๋วกวงตวาดลั่น
เหว้ยไฉเวยหน้าเคร่งขรึม นางตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เผลอลืมตัวพูดไป ทว่าสาวใช้คนนี้ก็ไม่ควรตำหนินางอย่างไม่เคารพแบบนี้เช่นกัน
นางเดินเข้าหา มองเย่จายซิง :
“ขออภัย เมื่อครู่ข้าแค่ตกใจเกินไปเท่านั้น ไม่ได้จะแช่งเจ้าแม้แต่น้อย เจ้าอบรมสาวใช้ของเจ้าให้ดีๆ หน่อย วันนี้ข้าจะไม่เอาความกับนาง แต่หากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่”
เย่จายซิงหัวเราะเยาะ : “สาวใช้ของข้าพูดอะไรผิด? แล้วมีคำไหนที่ทำให้ท่านเคืองใจ? คนเหมือนกันทั้งนั้น ท่านพลั้งพูดได้ จะไม่ยอมให้ผู้อื่นคัดค้านท่านเลยหรือ? ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของตระกูลเหว้ยพวกท่านเท่านั้นหรือ?”
นางดูแววความชิงชังในสายตาของเหว้ยไฉเวยที่มีต่อตนไม่พลาดแน่ คิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดเหว้ยไฉเวยถึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพียงนี้ ตอนพบกันครั้งแรก นางยังคิดว่าเหว้ยไฉเวยนั้นดีใช้ได้ทีเดียว แม้ไม่คิดจะจับคู่น้องชายกับนาง แต่ก็เคยคิดว่าเขาทั้งสองสามารถกลายเป็นคู่ครองได้ในอนาคต
อ๋อ นางคิดออกแล้ว เหว้ยไฉเวยคงคิดว่านางทำร้ายเสี่ยวยู่ ใช้เสี่ยวยู่มาประลองกับเหยียนฮั๋วกวง
ตาบอดหรือ? นางดีกับเสี่ยวยู่ถึงเพียงนั้น จะทำร้ายเข้าได้อย่างไร?
“เจ้า…”
สีหน้าเหว้ยไฉเวยทั้งเขียวทั้งแดง ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับนางเช่นนี้มาก่อน นางรู้มารยาทพอควรแล้ว ทั้งยังขอโทษเย่จายซิงแล้วด้วย แต่เย่จายซิงกลับต่อว่านางเช่นนี้
สาวใช้คนใดกระด้างกระเดื่องใส่นาง หากนี่เป็นที่แคว้นทะเลหยก คงถูกลากออกไปโบยแล้ว
“มีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้วก็หลีกทางเถิด ข้าจะรับสำรับมื้อเช้าแล้ว”
เย่จายซิงคร้านจะพูดมากกับนาง
เหว้ยไฉเวยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม สีหน้าดูไม่ได้ นางมีสถานะเป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ที่ได้รับความรักใคร่อย่างท่วมท้น เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เมื่อไรกัน
“เย่จายซิง เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าไร้มารยาทกับองค์หญิงท่านเช่นนี้เชียวหรือ ช่างไม่เจียมตัวส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองเอาเสียเลย อัปลักษณ์เช่นเจ้า องค์หญิงพูดกับเจ้าล้วนเป็นเกียรติเป็นศรีแก่เจ้าแล้ว!”
เหยียนฮั๋วกวงด่าทอเกรี้ยวกราด
ฉึ่บ!
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบ ชี่กระบี่กรายพุ่งมา ผมบนหัวของเหยียนฮั๋วกวงถูกเฉือนจนเรียบเตียน ผมกระจุกใหญ่ร่วงหล่นลงบนพื้น
“บังอาจไร้มารยาทกับพระชายา เหยียนฮั๋วกวง เจ้าควรปลาบปลื้มที่เจ้าจะได้ไปประลองกับน้องชายของพระชายาในไม่ช้า มิเช่นนั้นที่ร่วงลงไปจะไม่ใช่ผมของเจ้า แต่จะเป็นหัวของเจ้าแทน!”
เหยียนเฟิงเยื้องกรายออกมาจากมุมมืด เอ่ยกับเหยียนฮั๋วกวงเสียงยะเยือก ไอสังหารบนร่างแผ่เย็นวาบ
เหยียนฮั๋วกวงขนลุกซู่ไปทั้งร่าง ไม่กล้าขยับเลยสักแอ๊ะ ตื่นกลัวจนหน้าขาวซีด
“วันนี้ข้ามาเป็นผู้ตัดสินในการประลองครั้งนี้ เชื่อว่าด้วยศักดิ์แห่งองค์หญิง คุณสมบัติคงเพียงพอสำหรับสิ่งนี้นะ?”
“คุณสมบัติเพียงพอแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“เนื่องด้วยองค์หญิงหลิงหยุนมาเป็นประธานในการประลอง ถือเป็นเกียรติแก่เย่ยู่หยางแล้ว!”
คนมากมายประจบเอาใจ
องค์หญิงหลิงหยุนได้รับการสรรเสิญในแคว้นหงส์เพลิงเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางเป็นปรมาจารย์กลั่นยาผู้ปราดเปรื่องที่มีอนาคตไกลที่สุดซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในแคว้นหงส์เพลิง คือความภาคภูมิใจของแคว้นหงส์เพลิง
เหยียนฮั๋วกวงเอ่ยอย่างสุภาพว่า : “องค์หญิงหลิงหยุนมาเป็นประธานในการประลองเล็กๆ นี้ได้ ก็ถือเป็นเกียรติแก่ผู้น้อยแล้ว เหยียนผู้ต่ำต้อยขอบพระทัยองค์หญิงที่ให้เกียรติ”
องค์หญิงหลิงหยุนยิ้มมุมปากลงนั่ง รอดูเรื่องสนุกสนาน
เหลือเวลาก่อนถึงการประลองเพียงหนึ่งก้านธูป ท่ามกลางฝูงชนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโกลาหลขึ้นมา
“เย่ยู่หยางคงไม่ใช่ไม่กล้ามาแล้วนะ?”
“การประลองใกล้จะเริ่มแล้ว เขายังไม่โผล่มาเลย ข้าเดาว่าเขาคงกลัวตายไม่กล้ามา!”
“จิ๊จิ๊ เพื่ออะไรเนี่ย รู้แล้วจะทำทำไมตั้งแต่แรก รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ไหว จะตกลงประลองกับเหยียนฮั๋วกวงทำไม ช่างทำให้ไพร่ฟ้าแคว้นหงส์เพลิงอย่างพวกเราขายขี้หน้าเสียจริง!”
“ตอนแรกคิดว่าเย่ยู่หยางสะดุดตาไปได้อย่างไร บุตรผู้ดีโอหังเช่นนั้น สุดท้ายแม้แต่ประลองยังไม่กล้ามา ใจเสาะอย่างกับหนู อับอายขายหน้ายิ่งนัก!”
ผู้คนเบะปากส่ายหน้าถกประเด็นกันไปต่างๆ นานา
เหว้ยไฉเวยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ คิ้วก็ขมวดมุ่น รู้สึกว่าความปลาบปลื้มที่มีต่อเย่ยู่หยางในตอนแรกนั้นเป็นเรื่องตลกขำกลิ้งในทันตา
เขา ไม่คู่ควรกับมันอีกแล้ว
…………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...