บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 99

ทุกคนเห็นเย่ยู่หยางไม่มา เสียงทอดถอนใจจึงดังขึ้นเรื่อยๆ

ดวงตาเหยียนฮั๋วกวงเปี่ยมไปด้วยแววถากถาง ทว่ากลับทำเป็นมือถือสากปากถือศีลเอ่ยเสียงดังว่า:

“ความจริงเย่ยู่หยางไม่ต้องขยาดจนไม่กล้ามาหรอก ข้าเหยียนฮั๋วกวงเป็นคนเปิดเผยซื่อตรง จะต้องระงับวรยุทธตอนประลองกับเขาแน่นอน เขาเป็นผู้พิการไปแล้ว แล้วข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไร ก็คงแค่ประลองด้วยหมัดเท้าเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขนาดมาเขายังไม่กล้ามาเลยเสียนี่”

เขาส่ายศีรษะพลางถอนหายใจกล่าว:

“ตอนแรกคิดว่า เย่ยู่หยางคือโอรสสวรรค์ที่ข้าตั้งตาคอย เวลานี้ กลับกลายเป็นเต่าที่หดหัวในกระดอง ช่างกลับกลอกเสียจริง”

ผู้คนพยักหน้าเห็นด้วย ด้านหนึ่งรู้สึกว่าเหยียนฮั๋วกวงปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่เลว อีกด้านรู้สึกว่าเย่ยู่หยางนั้นขี้ขลาดตาขาว

ยามนี้เหว้ยไฉเวยก็คิดว่าเย่ยู่หยางเทียบเหยียนฮั๋วกวงไม่ได้เช่นกัน นางรู้สึกผิดหวังซ้ำสอง ตัดใจจากเย่ยู่หยางไปแล้วไม่เหลือใย ถึงขั้นว่ายานิพพานเม็ดเล็กนางก็จะไม่ไปขออีก นางคิดว่าต่อให้ขอยานิพพานเม็ดเล็กมา ให้เย่ยู่หยางที่ไร้จิตวิญญาณการต่อสู้กินก็เสียของล้ำค่าสะเปล่าๆ

“การประลองได้ลงนามในสัญญาศึกแล้ว เขาไม่มา บัญชาสวรรค์จะลงทัณฑ์เขาเอง แต่เขากระทำการเช่นนี้ คือการทำให้ชาวประชาแคว้นหงส์เพลิงอย่างพวกเราเสียหน้า ข้าขอประณามเขาเป็นคนแรก!”

องค์หญิงหลิงหยุนยืนขึ้น กล่าวเสียงขรึม นางอยากจะตอกเย่ยู่หยางตรึงกับเสาแห่งความอัปยศ

“ใครว่าเสี่ยวยู่ไม่มากัน? นี่ยังไม่ถึงเวลาเลยไม่ใช่หรือ? ”

ขณะนั้นเอง เสียงสดใสเกียจคร้านเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากนอกฝูงชน

ทุกคนหันศีรษะไปมองพร้อมกัน ก็เห็นเย่จายซิงเดินมากับเย่ยู่หยางน้องชายของนางสองคน ฝีเท้าของทั้งคู่ไม่เร็วไม่ช้า สีหน้าไม่มีแววตระหนกเคร่งเครียดแม้เพียงเศษเสี้ยว

“ขาของเย่ยู่หยาง! หะ หายดีแล้วหรือนี่?!”

มีคนชี้ไปที่ขาของเย่ยู่หยาง กล่าวด้วยความตื่นตกใจขีดสุด

เวลานี้ทุกคนถึงสังเกตเห็นว่า ลักษณะการเดินของเขาไม่กะโผลกกะเผลกอีกต่อไป แต่ท่วงท่ากลับเปรียบดั่งหยก หน้าเชิ่ดอกผาย เด็กหนุ่มราวกับเปลี่ยนไปเป็นชายสูงศักดิ์ที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง

เหว้ยไฉเวยมองอย่างตื่นตะลึง เขาในเวลานี้ รูปลักษณ์ช่างชวนให้รู้สึกทึ่งเหมือนกับตอนที่นางพบเขาครั้งแรกเหลือเกิน เจิดจรัสสะดุดตาเหมือนกับในตอนนี้เลย

ขาของเขาไม่เดี้ยงแล้ว กลิ่นอายรอบตัวแบบนั้นก็เหมือนว่ากลับมาแล้วเช่นกัน

แต่ที่ต่างออกไปคือ แววตาของเขาเยือกเย็นกว่าเมื่อก่อนมาก ลึกล้ำมากขึ้น กลายเป็นลุ่มลึก มีเสน่ห์มากกว่าเด็กหนุ่มผู้หม่นหมองจากในเมื่อก่อน

ไม่ เขาเพียงขาหายดีแล้วเท่านั้น ยังเป็นคนไม่เอาไหนอยู่ดี!

เหว้ยไฉเวยส่ายศีรษะทันควัน สลัดความคิดในหัวออกไป นางไม่อาจวาดฝันในเรื่องที่ไม่สมจริงอีกต่อไป เย่ยู่หยางมีดีแค่เปลือกนอก ฝึกวรยุทธไม่ได้ ชาตินี้ก็ได้แต่ถูๆ ไถๆ เขาไม่คู่ควรกับนาง

“เย่หยาง คิดไม่ถึงว่าขาของเจ้าหายดีแล้ว ทำให้พวกพี่ดีใจกับเจ้าจริงๆ เดี๋ยวประลองเจ้าไม่ต้องกลัวนะ คุณชายเหยียนพูดแล้วว่า เขาจะไม่ลงมือรุนแรง เจ้าไม่มีวรยุทธ ใช้กำลังให้เต็มที่ก็พอ”

เย่เจียหรงเดินนวยนาดไปด้านหน้าอย่างสง่างาม ในน้ำเสียงอ่อนโยนคล้ายเจือพลังแห่งการปลอบโยนเอาไว้ ถ้อยคำนี้ทำให้หลายๆ คนก่อเกิดความรู้สึกอันดีต่อนางในใจ

กับลูกพี่ลูกน้องไม่เอาถ่านเยี่ยงนี้ ยังปฏิบัติด้วยอย่างรักใคร่ถึงเพียงนี้ กล่าวได้เพียงว่าพวกนางสองพี่น้องนั้นจิตใจเมตตาเหลือเกิน

เย่ยู่หยางมองนางอย่างหมางเมินผาดหนึ่ง พูดว่า: “ข้ามีวรยุทธ ต้องทำให้พี่ผิดหวังแล้ว”

เย่เจียหรงย่นคิ้วหน่อยๆ เยาะเย้ยลึกๆ ในใจเล็กน้อย เว้นเสียแต่จะมียานิพพาน มิเช่นนั้นบาดแผลเก่าของเขาล้วนไม่มีทางหาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อาจบำเพ็ญตบะต่อได้อีก

มีวรยุทธ? เขาฝันกลางวันอยู่หรือ

“ยู่หยาง พี่รู้ว่าเจ้าน้อยเนื้อต่ำใจ ดังนั้นพี่จะไม่โทษที่เจ้าพูดจาหาญน้ำใจ สักวันหนึ่ง เจ้าจะรู้ว่า พวกเราคือพี่น้องของเจ้า เป็นแรงหนุนที่คงทนถาวรที่สุดของเจ้า ถึงวันนี้เจ้าจะแพ้ แต่เจ้ามีความกล้าที่จะมา พวกเราล้วนปลาบปลื้มนัก”

น้ำเสียงของนางดุจดั่งน้ำ สายตาอ่อนโยนเพียงนั้น แต่ในคำพูดก็ยังไม่วายสื่อความว่านิสัยของเย่ยู่หยางนั้นมีปัญหา

เย่จายซิงหัวเราะเยาะ เอ่ยว่า:

“พี่ใหญ่ เหตุใดพี่ถึงไม่คาดหวังในแง่ดีสักนิดล่ะ การประลองนี้ยังไม่เริ่มเลย พี่ก็ยืนกรานว่าเสี่ยวยู่แพ้เสียแล้ว มีญาติผู้พี่แบบพี่ด้วยหรือ? ”

“ยู่หยางเขาไม่มีวรยุทธ จะชนะได้อย่างไร? น้องสี่ เจ้าตั้งสติหน่อยเถิด”

น้ำเสียงของเย่เจียหยูเองก็ละมุนละม่อมเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับเย่เจียหรงพี่สาวของนางแล้วยังขาดคุณธรรมไปหน่อย ซ้ำในดวงตายังส่อแววเหยียดหยามอีกต่างหาก

“เช่นนั้นก็มาเดิมพันกันเถิด!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา